EP.26 #ไม่เคยเปลี่ยน

1140 Words
“เอ่อ… เดี๋ยวนะ ขอตั้งสติแป๊บ” บรรยากาศเงียบจนวังเวงถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียงสับสนงุนงงปนประหลาดใจของพุธ เขามองนับฝันสลับกับเด็กหญิงตัวน้อยด้านหลังของเธอ แล้วมองเพลิงศูรย์ก่อนกลับไปมองนับฝันอีกรอบ “ดะ เด็กคนนี้เป็นลูกของเธอเหรอฝัน?” นับฝันนิ่งเงียบไม่ตอบ เธอหลบสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ออก สองตาหลุบมองพื้น มือที่กุมข้อมือเล็กเผลอบีบแรงขึ้นจนเด็กหญิงร้องครางออกมาเบา ๆ “อ๊ะ… จะ เจ็บ” “…” นับฝันรีบคลายมือออกแล้วนั่งยอง ๆ ข้างลูกสาว เธอพยายามควบคุมสติอารมณ์ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ก่อนค่อย ๆ ประคองข้อมือเล็กขึ้นมาดู เมื่อไม่เห็นรอยช้ำจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ม้าขอโทษ… เดี๋ยวม้าเป่าให้นะคะคนเก่ง” เธอเป่าลมเบา ๆ บนข้อมือเล็กของเจ้าเอย รู้สึกผิดจับใจที่เผลอทำลูกเจ็บ “ไม่เป็นไรค่ะหม่าม้า เอยเอยไม่เจ็บแล้วค่ะ” ภาพและบทสนทนาของทั้งสองแม่ลูกตกอยู่ในสายตาคมกริบของเพลิงศูรย์ ทว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร ประตูห้องฉุกเฉินกลับเปิดออกเสียก่อน นับฝันรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าหาหมอกับพยาบาลทันที “ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” “เด็กปลอดภัยแล้วครับ อาการแพ้ทุเลาลงมาก โชคดีที่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกวิธีทำให้อาการไม่รุนแรงมากแล้ว แต่ต้องพักรักษาตัวเพื่อรอดูอาการอีกสองสามวัน รบกวนญาติติดต่อทำเรื่องแอดมิทได้เลยนะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” นับฝันพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก เธอแทบจะทรุดนั่งบนพื้นแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ติดจินนี่เข้ามาประคองไว้ “เจ้ฝันโอเคไหมคะ เจ้หน้าซีดมากเลย หนูว่าเจ้นั่งพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปทำเรื่องแอดมิทให้น้องขุนเอง” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจ้ไปเองดีกว่า ฝากพาเจ้าเอยไปนั่งรอที่ food court ก่อนนะจินนี่ เจ้ทำเรื่องแอดมิทเสร็จแล้วจะรีบตามไป” “งั้นก็ได้ค่ะ” จินนี่ลังเลเล็กน้อยก่อนรับคำแล้วจูงมือเจ้าเอยเดินจากไป นับฝันยืนมองลูกสาวที่หันกลับมามองเธอไม่ยอมละสายตาจนกระทั่งเดินเข้าลิฟต์ไป หลังประตูลิฟต์ปิดลงเธอจึงหมุนตัวเดินไปอีกทาง ราวกับลืมไปแล้วว่าตรงนี้ยังมีเพลิงศูรย์กับพุธยืนอยู่ ใช่… เธอจงใจลืมพวกเขา เธอจงใจสั่งให้จินนี่พาเจ้าเอยไปที่อื่นและทำเมินเฉยใส่พวกเขา เพราะว่าเธอยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพวกเขาในตอนนี้… การพบกันครั้งนี้มันกะทันหันเกินไป… เธอตั้งตัวไม่ทัน… …แต่มีหรือที่คนอย่างเพลิงศูรย์จะยอมง่าย ๆ “เดี๋ยว” ร่างสูงเดินเข้ามาขวางทางด้านหน้าร่างบาง กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาลอยกระทบโสตประสาท นับฝันชะงักนิ่ง หัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้สึกหวาดกลัวการสบตากับคนตรงหน้าขึ้นมา เธอจึงเลือกที่จะไม่เงยหน้ามองเขา แต่พักสายตาไว้ตรงคอเสื้อเขาแทน และนั่นทำให้เห็นสร้อยที่เขากำลังสวมอยู่ เธอไม่เห็นจี้เพราะมันหลบอยู่ใต้คอเสื้อจึงเห็นเพียงสายสร้อยสีเงินเท่านั้น “คิดจะหนีไปง่าย ๆ อีกแล้ว?” “ฉันไม่ได้หนี” นับฝันกัดฟันเงยหน้าตอบกลับ เมื่อสบตากัน แววตาทั้งสองต่างเย็นชาไม่แพ้กัน พุธหลบฉากออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตรงนี้จึงเหลือเพียงเพลิงศูรย์และนับฝันสองคนเท่านั้น เมื่อเห็นท่าไม่ดีนับฝันจึงคิดจะเดินหนีอีกครั้ง แต่คราวนี้ถูกมือหนาคว้าจับแขนแล้วออกแรงดึงให้เดินตาม เธอพยายามขัดขืน แต่ไม่กล้าส่งเสียงดังนักเพราะเกรงใจสถานที่ กระทั่งถูกพามาเข้าตรงบันไดหนีไฟซึ่งเป็นจุดลับสายตาและยังร้างราผู้คน เพลิงศูรย์ถึงยอมปล่อยแขนเธอ “ไม่คิดจะอธิบายหน่อยเหรอนับฝัน ฉันคิดว่าเธอติดค้างคำอธิบายอยู่นะ” น้ำเสียงเพลิงศูรย์กดต่ำ ทั้งเย็นเหยียบและแฝงแววกดดัน นับฝันรู้ว่าเพลิงศูรย์กำลังหมายถึงเรื่องอะไร ริมฝีปากบางกัดแน่นจนได้กลิ่นคาวเลือด เธอทั้งเครียด ทั้งกดดัน เพราะรู้ดีว่ามันยากที่จะปกปิดเรื่องชาติกำเนิดของเด็ก ๆ กับเพลิงศูรย์อีกต่อไป ในเมื่อเด็กทั้งสองมีเค้าโคลงหน้าตาเหมือนเขาซะขนาดนั้น ปฏิเสธอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น… แต่… แล้วมันยังไงล่ะ? ถ้าเธอไม่ยอมรับซะอย่าง ขอแค่เพียงเธอไม่ยอมรับเท่านั้น เขาก็ไม่มีทางบังคับอะไรเธอได้นี่… จริงไหม? “ฉันไม่มีอะไรจะพูด” เพลิงศูรย์นิ่งงัน แววตาคมกริบวาววับขึ้นมาทันที ความกรุ่นโกรธร้อนรุ่มแล่นพล่านเข้ามาในใจ กรามแกร่งขบแน่นขณะขยับกายเข้าใกล้ร่างบาง นับฝันถอยหลังกรูจนแผ่นหลังแนบชิดกับผนัง เธอกลั้นลมหายใจเบี่ยงหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาที่จงใจก้มลงมาใกล้ ๆ ลมหายใจกรุ่นร้อน… และเสียงกระซิบคุ้นเคย… ดังขึ้นข้างหู “คิดว่าฉันโง่มากหรือไงฝัน เด็กสองคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?” หัวใจนับฝันหล่นวูบ ความหวังเพียงริบหรี่พังทลาย เพลิงศูรย์ไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดและร้ายกาจยิ่งกว่าใคร เรื่องนี้เธอรู้ดีที่สุด “ไม่… ไม่ใช่” ริมฝีปากบางขยับปฏิเสธ แม้เสียงจะเบามากราวกับกระซิบ แต่ทว่าหนักแน่นและจริงจังอย่างมาก ดวงตาหวานหันกลับมาสบสายตาคม เธอช้อนตามองเขาตรง ๆ อย่างไม่หลบเลี่ยงเป็นครั้งแรก พยายามกล้ำกลืนความหวาดหวั่น ฝังกลบความหวั่นไหว และปกปิดความอ่อนแอเอาไว้ภายใต้สีหน้าเย็นชา เธอจะไม่… เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว! “เด็ก ๆ เป็นลูกของฉัน” “หน้าเหมือนฉันขนาดนี้ยังจะโกหก” เพลิงศูรย์หยักยิ้มเย็นชามุมปาก เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด หลักฐานมันชัดขนาดนั้น DNA อยู่บนหน้าลูกซะขนาดนั้น เด็กสองคนนั้นเป็นลูกของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย “พวกเขาเป็นลูกของฉันคนเดียว ไม่ใช่ลูกเฮีย” แต่นับฝันก็ยังคงเป็นนับฝัน เธอจะดึงดันและดื้อดึงให้ถึงที่สุด ใครจะทำไม… “ฮึ ไม่เจอกันหลายปี เธอใจร้ายขึ้นเยอะเลยนะนับฝัน” เพลิงศูรย์ก็ยังเย็นชาและเลือดเย็นไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD