‘สวัสดีครับคุณเพลง วันนี้ไปเข้าไลฟ์ใครมาบ้างครับ’
‘ผมไม่อนุญาตให้โดเนทใครเกินหน้าเกินตาผมน้า’
‘ไหน ขอปะการังเป็นกำลังใจหน่อยเร็ว’
เสียใจเหรอ...เจ็บปวดเหรอ...ไม่หรอก สิ่งที่ปะทุอยู่ภายในใจฉันตอนนี้มันเลวร้ายกว่านั้นมาก
ในโลกออนไลน์ที่ผู้คนต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากัน เราต่างก็รู้จักใครคนหนึ่งโดยอาศัยเพียงโปรไฟล์จอมปลอมกันทั้งนั้น ในชีวิตจริงทุกคนเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ เหมือนที่คนบางคน ต่อหน้าคนทั้งโลกออนไลน์เขาคือหญิงสาวสายเปย์ที่เรียบร้อยพูดจาดี แต่ลับหลังล่ะ ใครจะรู้ถึงความเน่าใน
“วันนี้มีอะไรตุนรึเปล่าครับ อยากไปกินชาเขียวด้วยจังเลย”
เสียงของคนในสตรีมดังขึ้นในชีวิตจริงเพราะฉันเลือกที่จะลดเสียงภายในวิดีโอไลฟ์ลง ในนั้นมีข้อความจากผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งเป็นคนดูเพียงคนเดียวมาตั้งแต่ขึ้นไลฟ์แล้ว...ไม่สิ เธอเป็นคนดูเพียงคนเดียวมาเกือบครึ่งปีแล้วต่างหาก
“พี่สัวคะ เกี๊ยวอยากไปร้านสะดวกซื้อ พาไปหน่อยได้ไหน?”
ฉันวางมือถือที่เล่นวิดีโอไลฟ์ลงกับหมอน พลางหันไปถามชายที่กำลังไลฟ์อยู่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาคือเจ้าสัว หรือที่ใครๆ ต่างก็เรียกกันว่าเทพสัวแห่งวงการสตรีมเกม แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่ก็มีผู้ชมมากพอสมควร
ทว่ารออยู่กว่าห้านาทีก็ไม่มีการตอบกลับ เขายังคงพูดคุยกับหญิงสาวในไลฟ์สดคนนั้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงต่อไป จนกระทั่งฉันเพิ่มระดับเสียงในการเรียกเขาให้ดังขึ้น จึงได้หันมาตอบด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงเล็กๆ
“พี่ไลฟ์อยู่นะ ไปคนเดียวไม่ได้เหรอ”
น้ำเสียงของเขาที่พูดกับแฟนอย่างฉันต่างกับผู้หญิงคนนั้นในไลฟ์อย่างสิ้นเชิง คำพูดคำจาที่แทบจะอ้อนกันข้ามหน้าข้ามตาฉันอยู่แล้ว คุณเพลงครับ คุณเพลงขา แหวะ น่ารังเกียจ
“พี่จะให้เกี๊ยวไปคนเดียวจริงเหรอคะ?”
ฉันถามออกไปเสียงอ่อน เพราะอยากรู้ว่าเขาจำได้หรือไม่ ฉันมักจะมีอาการสั่นกลัวจนควบคุมตัวเองไม่ได้หากเจอหมาที่วิ่งไล่รถข้างถนน หลายครั้งที่ฉันตัวสั่นจอดรถร้องไห้จนต้องมีคนมาช่วยเอาไว้ นั่นทำให้ฉันไม่สามารถไปไหนมาไหนด้วยตัวคนเดียวในตอนกลางดึกแบบนี้ได้อีก
“ครับ”
แต่เขาก็เลือกที่จะตอบกลับมาแบบนั้น มันทำให้ฉันสิ้นหวังจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“งั้น...” ฉันก้าวลงจากเตียงพร้อมทั้งหยิบกระเป๋าไปด้วย “พี่สัวเอาอะไรไหมคะ”
“ไม่เอาครับ”
“ไม่ถามคนในไลฟ์ให้หน่อยเหรอคะ?”
เขาหันมามองฉันพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่ขึ้นไลฟ์ฉันต้องให้พื้นที่แก่แฟนคนนี้เพื่อความสบายใจ และการเอนเตอร์เทนคนดูมันก็เป็นส่วนหนึ่งในงานของเขา แต่วันนี้ทุกอย่างมันต่างออกไป เพราะฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นเลย
ปึง!
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้เสียงแสนร่าเริงในไลฟ์กลับมาอีกครั้ง เขาเริ่มพูดคุยกับคุณเพลงขวัญคนนั้นโดยไม่สนใจเลยว่าที่จริงแล้ว...ฉันยังไม่ได้ออกจากห้องไปไหน
‘วันนี้คุณเพลงไปคาเฟ่ไหมครับ’
‘ผมอยากไปด้วยจัง แต่ติดที่ว่าต้องทำงาน’
ฉันหยิบหูฟังขึ้นมาสวมเพื่อลอบฟังบทสนทนานั้นโดยไม่กดเข้าไปในไลฟ์ ทุกอย่างที่ได้ยินทำให้ฉันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในอกทำให้ฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ทุกสิ่งที่ฉันรู้มาก่อนหน้านี้...มันทำให้ฉันไม่อาจทนต่อไปได้จริงๆ
“คุณเพลงปิดคอมรึยังครับ...”
คำพูดของคนในไลฟ์ขาดหายไปเมื่อฉันกดเข้าไปในนั้น พร้อมกันนั้นคนที่ถูกถามก็เลือกที่จะไม่ได้พิมพ์คอมเม้นตอบกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันคึกคัก
ฉันมองไปยังจำนวนคนดูแล้วก็แค่นหัวเราะในใจ ในขณะที่ไลฟ์มีคนดูเพียงคนเดียวมาร่วมครึ่งปี ทำไมเขายังฝืนไลฟ์ยันเช้าอยู่ล่ะ แม่เพลงขวัญนี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อปิดคอมตั้งนานแล้วทำไมยังให้แฟนคนอื่นไลฟ์เป็นเพื่อนอยู่ได้
“เกี๊ยวขับรถอยู่ดูไลฟ์ด้วยเหรอครับ”
เสียงเขาถามผ่านไลฟ์ขึ้นมา ฉันจึงพิมพ์ตอบกลับไป ด้วยความที่ฉันเพิ่งเข้ามา มันทำให้ไม่เห็นข้อความก่อนหน้าที่พวกเขาคุยกัน
เกี๊ยวน้ำไม่ผักไม่เจียว: พี่สัว เกี๊ยวขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?
“พี่สัว เกี๊ยวขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ ได้สิครับ” เขาอ่านออกเสียงคอมเม้นนั้นพร้อมทั้งตอบฉันไปด้วย
Plengkwan_yu: เราปิดคอมแล้วนะคะ
ฉันยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบไปด้วยซ้ำคอมเม้นของผู้ชมอีกคนก็แทรกขึ้นมาซะก่อน เธอเองก็สนิทกับฉันมากนะ และรู้ด้วยว่าฉันคือแฟนของพี่สัว แต่กลับเลือกที่จะเมินฉันครั้งแล้วครั้งเล่า
เราทั้งสามคนรู้จักกันเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ฉันเองตอนนั้นเป็นแค่เด็กติดเกมคนหนึ่งที่ดันคบกับสตรีมเมอร์อย่างพี่สัว ช่วงแรกๆ เขาก็ไม่ได้มีคนดูมากมาย จนกระทั่งมีคุณเพลงขวัญคนนี้เข้ามา
เธอสิงไลฟ์ของเขาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเริ่มมีคนรู้จักพี่สัวมากขึ้น หลากหลายการกระทำที่เธอแสดงออกว่างอนพี่สัวบ้าง เรียกร้องให้เขาไลฟ์เป็นเพื่อนยันเช้าบ้าง ฉันรู้สึกว่ามันล้ำเส้นฉันที่เป็นแฟนเอามากๆ แต่ฉันคิดว่าเธอคงไม่ทำอะไรแบบที่ฉันคิด เพราะเอาจริงๆ เราก็ค่อนข้างสนิทกัน
จนกระทั่งข้อความพวกนั้นที่ฉันได้ไปอ่านเจอ
เกี๊ยวน้ำไม่ผักไม่เจียว: พี่คิดว่า เราเหมือนคนจะเลิกกันไหมคะ?
คำถามของฉันทำให้ทั้งไลฟ์เงียบไป พี่สัวไม่ได้คิดว่าฉันยืนอยู่ในห้องนี้เลยสักนิด เขายังคงตอบกลับไลฟ์ต่อไป
“อย่ามาหาเรื่องน่าเกี๊ยว พี่ไลฟ์อยู่นะ”
เกี๊ยวน้ำไม่ผักไม่เจียว: แล้วคุณเพลงคิดว่า เรากับพี่สัวเหมือนคนจะเลิกกันไหมคะ?
Plengkwan_yu: ไม่ค่ะ
บรรยากาศการสนทนาของเราเริ่มดุเดือดขึ้น เช่นเดียวกับความเร็วของฉันในการพิมพ์คอมเม้นแต่ละคำ
เกี๊ยวน้ำไม่ผักไม่เจียว: ก็ถ้าไม่เหมือนคนที่กำลังจะเลิกกัน
เกี๊ยวน้ำไม่ผักไม่เจียว: แล้วในแชทที่พวกคุณแอบคุยกันมันคืออะไรคะ?
Chat History with yu…
J.S: อย่างอนนะคะคนเก่ง
Plengkwan_yu: ตัว
Plengkwan_yu: ตัวยังต้องการยังรักเราอยู่ไหมคะ
J.S: รักค่ะ
J.S: รักมากๆๆ ด้วย
Plengkwan_yu:จะทิ้งจะหายไปไหม
J.S: ไม่ค่ะ
J.S: สัญญานะ
Plengkwan_yu: เราเชื่อใจตัวได้ใช่ไหมคะว่าอีกไม่นาน
Plengkwan_yu: เราจะได้อยู่ด้วยกัน
J.S: ค่ะ สัญญาแล้วไง
Plengkwan_yu: งั้นเราจะรอวันนั้นนะคะ
J.S:รักตัวนะคะ
J.S: รักเพลงขามากๆ เลย
Plengkwan_yu: วันนี้ขึ้นไลฟ์เร็วหน่อยได้ไหม
Plengkwan_yu: เราคิดถึง
ข้อความส่วนหนึ่งที่ฉันบันทึกหน้าจอมาจากแอปพลิเคชันที่พวกเขากำลังไลฟ์คุยกันอยู่นี้ ได้ถูกส่งให้แก่คุณเพลงขวัญที่บอกว่าฉันกับพี่สัวไม่ได้เหมือนคนกำลังจะเลิกกัน ทันทีที่ฉันส่งข้อความนั้นเธอก็กดออกจากไลฟ์ไป ทำให้พี่สัวเลือกจะกดลงไลฟ์เช่นเดียวกัน
ในวินาทีต่อมารูปภาพที่ฉันส่งไปก็ถูกกดอ่าน พอดีกับที่พี่สัวโทรเข้ามาหาฉัน
RRRRRR
เสียงริงโทนที่ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าฉันยังไม่ได้ออกไปจากตรงนี้ ร่างสูงตรงเข้ามาหาฉันด้วยใบหน้าถมึงทึง อารมณ์โกรธที่เขาเคยใช้กับฉันแล้วมันได้ผล แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ยอม
เพียะ!!
เขาเดินเข้ามาในระยะวงแขนของฉันประจวบเหมาะกับที่ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างจัง ชายตรงหน้าฉันถึงกับยืนนิ่ง เขาไม่ได้ทำร้ายหรือด่าฉันกลับ แต่กลับค่อยๆ หันมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่ทำให้ฉันชาไปทั้งตัว
มันทั้งเย็นชา ห่างเหิน แบบที่ฉันไม่ทันตั้งรับมันมาก่อน หัวใจที่กล้าแกร่งเมื่อครู่กลับถูกสายตาของเขาบดขยี้ลงไปในพริบตา
“ทำแบบนี้ทำไมเกี๊ยว” เขาถามออกมาเสียงเรียบ เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันเห็นว่ามีสายเรียกเข้าจากมือถือของเขา ในนั้นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อเอาไว้ แต่ฉันรู้ว่าใคร
เขาทำท่าจะกดตัดสายทิ้ง แต่ฉันมือไวกว่า คว้ามันมาถือไว้พร้อมทั้งกดรับให้เสร็จสรรพ
“มาถึงขนาดนี้แล้ว กดรับไปเลยสิคะ”
“ไม่เอาน่าเกี๊ยว อย่าให้คนอื่นมายุ่งเรื่องที่เราทะเลาะกัน”
“คนอื่นเหรอคะ?” ฉันมองไปที่สายนั้นซึ่งรับแล้วแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา “จะเรียกว่าเป็นคนอื่นได้ไง ในเมื่อพี่เรียกมันว่าแฟนเต็มปากเต็มคำ!”
เขาดูอึ้งไปเลยกับสิ่งที่ฉันพูดออกมา คงไม่คิดว่าฉันจะรู้เร็วขนาดนี้หรอกใช่ไหม ก่อนหน้านี้เราทะเลาะกันจนเกือบเลิกมาก็หลายครั้ง และระยะเวลานั้นมันก็เป็นไทม์ไลน์เดียวกับที่พวกเขาคุยกัน โดยเนื้อหาในนั้นคือ
ทำไมฉันถึงดูอารมณ์ดี ทั้งที่เราจะเลิกกันแล้ว
คำตอบของผู้หญิงคนนั้นไม่น่าเสียใจเท่าผู้ชายของฉัน เขาบอกว่าฉันกลับมาเพราะทำใจไม่ได้ ทั้งที่เขาเป็นคนง้อให้ฉันกลับมา...
“มีอะไรจะพูดไหมคะ?”
ฉันถามโดยกดเปิดลำโพงให้ปลายสายได้ร่วมสนทนาด้วย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
“พวกพี่จะเงียบอยู่ทำไมคะ ในเมื่อจงใจรวมหัวกันหักหลังเกี๊ยวแต่แรกอยู่แล้ว”
[เราไม่ได้ตั้งใจค่ะ เราขอโทษ...]
น้ำเสียงอ่อนหวานของปลายสายทำให้ปลายเท้าฉันกระตุกยิกๆ ขอโทษงั้นเหรอ...
“ที่ฉันอ่านมามันไม่ใกล้เคียงกับคำว่าไม่ตั้งใจเลยนะ คุณ เพลง ขา”
“เกี๊ยว พอเถอะ”
เขาทำท่าจะมาคว้ามือถือไปจากฉัน แต่ฉันเอี้ยวตัวหลบซะก่อน
“พี่ผิดเองทั้งหมด เรื่องนี้เกี๊ยวอย่าโทษคุณเพลงเลยนะ”
“เรียกเพลงขาแบบในแชทสิคะ น่ารักดีออก”
“เกี๊ยว...”
ฉันจิกตาใส่ผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะหันไปพูดทิ้งท้ายกับคนในสาย
“ฉันขอให้หล่อนมีความสุขกับสิ่งที่พยายามแย่งมาครึ่งปีนะ อยากเปิดตัวใจจะขาดแล้วสิ พรุ่งนี้ฉันจะประกาศกับคนทั้งไลฟ์ให้ว่าแฟนของพี่เจ้าสัวไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้ว...”
“...”
“แต่เป็นแฟนคลับที่หวังอยากโดนเสียบ!”