๑ ข้ากลับมาแล้ว
วันนี้ตลอดทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสาดส่องไปทั่วบริเวณจนร้อนอบอ้าวแต่เพียงชั่วพริบตาเมื่อยามพลบค่ำ เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดมิดสนิทราวกับพายุกำลังจะพัดพาฝนห่าใหญ่มาสาดกระหน่ำ
สายลมแรงพัดกระหน่ำจนทุกสิ่งจนปลิวว่อน เสียงลากล้อรถม้าค่อยๆ ลากตามพื้นมาดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อย่างน่าหวาดกลัวจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูจวนสกุลโม่
สาวใช้พลางเร่งรีบลงจากลงม้าก่อนจะยื่นมือออกไปประคองผู้เป็นนายหญิงอย่างรวดเร็ว
เซินลี่ฮวาในชุดผ้าไหมสีครามเข้มประดับด้วยลวดลายดอกเหมย นางก้าวลงจากเกี้ยวอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังโดยมีสาวใช้คอยประคองเอาไว้
สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้ง ไฉนคิดว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก
ใบหน้าของนางเรียบเฉยไร้อารมณ์ฉายออกมาแต่ดวงตาคู่งามกลับสื่อความรู้สึกลึกซึ้งถึงอดีตที่ปวดร้าวและความโกรธที่รอวันสะสางเอาคืน
หึ! สามีที่ดีไหนเลยจะทอดทิ้งภรรยาแล้วยกย่องสตรีอื่น
ทันทีที่ได้เห็น คนงานชายเฝ้าหน้าประตูพลางเบิกตาโพลงกว้างทันที ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเห็นผีก็ไม่ปาน
“นั่นคือฮูหยิน...ภรรยาของแม่ทัพโม่ใช่หรือไม่”
เมื่อสาวใช้ของเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้ว ผิงอันพลางหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาขวางทันที นางส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะกล่าวออกมาเสียงแข็ง “ใช่! ฮูหยินคือภรรยาเอกของท่านแม่ทัพโม่…ไฉนเห็นแล้วยังไม่รีบทำความเคารพอีก”
ผิงอันไหนเลยจะยอมรับได้ หากมีผู้มาเหยียบย้ำนายหญิงของตนเองเช่นนี้…ไม่ว่าจะเมื่อสามปีก่อนหรือตอนนี้
นางก็ไม่มีทางยอมให้ฮูหยินถูกรังแกเอาเปรียบอีกแล้ว!
“ช่างเถอะผิงอัน” เซินลี่ฮวาเหลียวมองเล็กน้อยก่อนจะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไม้สลักขณะใหญ่ที่ห้อยอยู่หน้าจวน
‘จวนแม่ทัพโม่’
หึ! ท่านคิดว่าทอดทิ้งข้าเอาไว้แล้วจะลืมเลือนไปได้เช่นกันอย่างงั้นหรือ…!?
ริมฝีปากของเซินลี่ฮวาค่อยๆ โค้งเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน นางปรายตาไปมองคนเฝ้าประตูอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแข็ง “เปิดประตูให้ข้า…”
ท่าทางของสตรีตรงหน้าในยามนี้…ดูเย็นชา เย็นยะเยือกมิต่างจากก้อนน้ำแข็งเลยแม้แต่น้อย
เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อนเล่า!
คนเฝ้าพลางประตูกลืนน้ำลายอึดหนึ่งอย่างอยากลำบาก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเปิดประตูจวนตามคำสั่งของอีกฝ่ายทันที
สายตากดดันเช่นนั้น…เกรงว่าเขาคงขาดอากาศหายใจพอดี
“เชิญขอ…เชิญขอรับฮูหยิน!”
เซินลี่ฮวาหาได้กล่าวอันใดมากความ นางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในจวนทันทีโดยไม่รีรอ ใบหน้าคนงามยังราบเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ฉายออกมาทว่าแววตากลับแข็งกร้าว
“ไปกันเถอะ…มารดาเหนื่อยไม่น้อยอยากพักผ่อนยิ่งนัก”
“เจ้าค่ะฮูหยิน!” ผิงอันกระแทกตอบเสียงดัง นางพลางเชิดหน้าให้แก่คนเฝ้าประตูจากนั้นจึงเดินตามหลังฮูหยินไปทันที
“…” เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ใบหน้าของคนเฝ้าประตูพลันซีดเผือดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว
เรื่องนี้มีผู้ใดไม่รู้บ้าง…ว่าเมื่อสามปีก่อนนั้นเกิดอันใดขึ้น
เกรงว่ายามนี้…หากจวนสกุลโม่ไม่แตกก็คงประสบเคราะห์คราวใหญ่แล้วกระมัง
เขาเพียงแค่สบตากับฮูหยินแวบเดียวเท่านั้น…ก็รู้สึกชาวาบและขนลุกไปทั่วทั้งร่างอย่างไรสาเหตุ ไม่ว่างจะสายตา ท่าทางหรือแม้แต่น้ำเสียงพลันเปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อน ไม่มีความอ่อนแอหรือหวาดกลัวปรากฏออกมาให้เห็นทั้งสิ้น
บรรยากาศภายในจวนสกุลโม่เงียบสงบร่มรื่นย์เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณที่ปลูกไปรอบทั่วทั้งจวน
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม…เว้นเพียงแต่นางและบุรุษผู้นั้น
เซินลี่ฮวาเดินตามทางเข้ามาข้างในจวนอย่างคุ้นชิน
ทุกย่างก้าวของนางล้วนเต็มไปด้วยความมั่นใจหาได้รู้สึกหวาดกลัวสิ่งใดทั้งอีกแล้ว ยามนั้นนางอ่อนแอและโง่เขลาเกินไปจึงถูกเอาเปรียบอยู่มาก
ยามนี้นางกลับมาแล้ว…ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นของนาง
นางย่อมต้องท้วงคืน
!!!
“ตายแล้วสวรรค์!” น้ำเสียงร้องตกใจของแม่บ้านดังลั่นไปทั่วทั้งจวน พลันทำเอาเหล่าสาวใช้ต่างหันขวับไปมองทันที
“นี่มันกระไรกัน…!”
“เพ่ย! ข้าตาฝาดหรือ”
“แย่แล้ว!”
เหล่าสาวใช้ที่หรี่ตาลงและชะโงกมองดูเมื่อเห็นเซินลี่ฮวาแล้ว…ต่างพากันยกมือทาบอกร้องตกใจออกมาทันทีราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ปาน
เหตุใดฮูหยินถึงกลับมาที่จวนอีก…?
มิใช่ว่าเมื่อสามปีก่อนนั้นทำนายท่านโกรธและโมโหอยู่มากจนถึงขับไล่ออกจากจวนส่งขึ้นเกี้ยวไปอยู่ที่อื่นมิใช่หรือ!?
เสียงซุบซิบค่อยๆ ดังขึ้นจนมาเข้าหูนาง ผิงอันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ นางพลางปรายสายตาเหลียวมองพวกคนเหล่านั้นตาขวางอย่างข่มขู่ทันที
“เหอะ! ฮูหยินของข้าแค่กลับจวนเท่านั้น พวกเจ้าแปลกใจอันใดกัน” นางกัดฟันกรอดกร้าวออกมา โกรธเคืองแทนผู้เป็นนาย
เซินลี่ฮวาเดินนำหน้าอยู่ นางได้ยินแล้วพลันหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างขบขับ ฝีเท้าของนางชะงักก่อนจะหมุนตัวหันไปมองสาวใช้ข้างกาย “เกรงว่าข้าในยามนี่ข้าคงงดงามขึ้นกระมัง”
“ฮูหยินเจ้าค่ะ!” ผิงอันกล่าว
เหตุใดนายหญิงของนางถึงได้กล่าวเป็นเรื่องล้อเล่นไปได้ เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนนางยังจำได้ไม่ลืมจริงๆ ว่าคนเหล่านี้ทำอย่างไรไว้บ้าง
เซินลี่ฮวาแค่นเสียงในลำคอ นางพูดออกมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก “ช่างเถอะ…คนเป็นร้อยจะห้ามคำพูดหมดทุกคนจะเป็นไปได้อย่าง”
“ทว่าคนพวกนั้นเคยกระทำกับฮูหยินไว้นะเจ้าค่ะ”
“ความแค้นของข้าจะให้ไปสะสางที่ปลายเหตุได้อย่างไร” นางกล่าวออกมาเสียงเรียบทว่ากลับเต็มไปด้วยเย็นชา “บุรุษผู้นั้นต่างหากที่ข้าสมควรสะสางความแค้นด้วย”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาเรียวราวเมล็ดซิ่งของนางพลันแข็งกร้าวขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างปิดไม่มิด
ในตอนนั้น...นางไม่เคยต้องการแต่งงานกับโม่เหยียนซวี่เลยแม้แต่น้อย หากย้อนเวลากลับไปได้ นางคงไม่แม้แต่จะอยากร่วมหายใจอยู่ใกล้เขาด้วยซ้ำ
บุรุษเห็นแก่ตัวเช่นเขา...ทอดทิ้งภรรยาผู้เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมา แล้วหันไปแต่งสตรีอื่นได้ลงคอเช่นนั้นหรือ
หึ! หากข้าไม่ตายอย่าหวังว่าท่านจะได้มีความสุข
แม้แต่ผิงอันเป็นสาวใช้ข้างกายของอีกฝ่ายมาหลายปีทว่ากลับยังรู้สึกไม่คุ้นชินเสียที ทั่วทั้งร่างของนางพลันขนลุกซู่เมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่
ฮูหยินในยามนี้น่ากลัวจริงๆ
นับตั้งแต่เกิดเรื่องในคราวนั้น ฮูหยินก็พลันจมอยู่ในความโศกเศร้าเนิ่นนานจนกินเวลาร่วมปีทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ วันหนึ่งกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเอ่ยปากกล่าวว่า ต้องการกลับไปสะสางความแค้นกลับท่านแม่ทัพโม่!
ผิงอันเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น หากผู้เป็นนายว่าอย่างไรนางก็เห็นด้วยพร้อมเคียงข้างทั้งสิ้น
นางเฝ้ารอแล้วรอเล่าว่าฮูหยินจะกลับจวนเมื่อใด...จากหนึ่งปีกลายเป็นสองปี กระทั่งล่วงเข้าสู่ปีที่สาม
และในช่วงเวลานั้นเอง นางได้ยินข่าวแผ่วเบามาว่า ภรรยาอีกคนของท่านแม่ทัพโม่ตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ทว่าด้วยความไม่ทันระวัง จึงสูญเสียบุตรในครรภ์ไปอย่างน่าเศร้า
ทันใดนั้นเอง...นายหญิงของนางก็พลันเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด ว่าจะต้องกลับไปยังจวนสกุลโม่ในวันนี้!
ผิงอันได้แต่พยักหน้าและจัดเตรียมทุกอย่างกลับมาสกุลโม่อีกครั้งหลังจากสามปี…
เซินลี่ฮวาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา นางปรายสายตามองทั่วทั้งจวนพลันเห็นเหล่าสาวใช้ที่หลบซ่อนอยู่มุมต่างๆ กระซิบกระซาบ “สงสัยอันใดก็มาถามข้าเถอะ…ยามนี้มารดากลับมาแล้ว”