“สเป็คไงสเป็ค” ยูเจถอนใจเฮือก
ฉันมองหน้าพวกมันที่พร้อมใจกันจ้องหน้าฉันเหมือนรอลุ้นคำตอบ จังหวะสายตาละไปเจอเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี จังหวะมันช่างพอเหมาะพอดีอะไรขนาดนี้วะ ริมฝีปากบางขยับยิ้มเล็กน้อยขณะยกปลายนิ้วชี้ไปทางเขาคนนั้น
“หืม…” ทุกคนหันมองไปตามทิศทางปลายนิ้วฉัน
“เวรเอ๊ย… พวกมึงจะพร้อมใจกันมองทำไมเนี่ย เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวหรอก” ฉันก้มหน้าหลบโดยเอนตัวไปทางไคโรเพื่อหวังให้ร่างสูงใหญ่ของมันบดบังตัวฉันให้พ้นจากการมองเห็นของเขาคนนั้น
“มึง… นั่นมันไอ้พี่ฌอนกลุ่มจตุรเทพไรนั่นไม่ใช่เหรอวะ?”
ใช่แล้ว… ผู้ชายที่ฉันชี้ก็คือพี่ฌอนนั่นเอง เพิ่งสังเกตว่านอกจากพวกฉันจะชอบมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารข้างตึกคณะบ่อย ๆ แล้ว พวกพี่ฌอนเองก็เช่นกัน
ฉันแอบชะเง้อพ้นไหล่ของไคโรเพื่อมองพี่ฌอน เขานั่งลงตรงโต๊ะห่างจากฉันหลายสิบเมตร เขามากับเพื่อนผมสีดำถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อพลูโต ฉันละสายตาจากทั้งสองกลับมาสบกับสายตานิ่ง ๆ ของคนข้าง ๆ ที่ฉันใช้ร่างมันแทนแท่งบังเกอร์
“โห… อย่าบอกนะว่าสเป็คมึงเป็นแบบนั้นอ่ะ” ยูเจขมวดคิ้วถาม
“ได้ข่าวว่าซิสค่อนตัวพ่อเลยไม่ใช่เหรอวะ เห็นว่าน้องสาวน่ารักมาก หมอนั่นทั้งโคตรรักโคตรหลงน้องจนคนเขาลือกันไปทั่ว” ไปป์พูดเสริม
“เอาจริงดิ นี่สเป็คมึงโรคจิตแบบนั้นเหรอวะ?”
“เปล่า…” เสียงถอนหายใจดังมาจากเพื่อน ๆ ทั้งโต๊ะเมื่อฟังคำตอบฉัน รวมถึงสีหน้าบึ้งตึงของไคโรที่ดูจะคลายลงด้วย
“กูก็ตกใจหมด นึกว่ามึงมีสเป็คแบบนั้น” ไปป์เหลือบมองไปทางไคโร ฉันมองพวกมันพลางขยับยิ้มมุมปาก
“พี่ฌอนไม่ใช่สเป็คกู แต่กูแค่ชอบเขา”
…
จบประโยคบอกเล่าของฉัน รอบโต๊ะตกอยู่ในความเงียบทันที ทั้งไปป์ ยูเจ ดีโน่ ล้วนมองมาที่ฉันด้วยสายตาอึ้ง ๆ ขณะที่สายตาไคโรกลับนิ่งมาก นิ่งซะจนฉันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
“มะ มึง… มึงพูดว่าไงนะ?”
“อะ เออ… เมื่อกี้กูหูฟาดป่ะวะ?” ดีโน่กับยูเจมองหน้ากันเหมือนจะถามว่ามึงได้ยินเหมือนกูไหม ฉันจิ๊ปากพลางกลอกตาใส่พวกมัน
อะไรวะ… กูว่ากูพูดชัดแล้วนะ ตกใจอะไรกันนักหนา
“ไอ้สวย กูฟังผิดไปใช่ป่ะ เมื่อกี้มึงบอกว่าไอ้พี่ฌอนนั่นไม่ใช่สเป็คมึง แต่มึงแค่ชอบเขา?”
“ก็เออ กูชอบพี่ฌอน พวกมึงฟังไม่ผิด กูก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบเขาไม่กี่วันนี่เอง” ฉันตอบตามตรง ไม่อยากปิดบังอะไรพวกมัน อย่างที่รู้ว่าฉันไม่มีเพื่อนผู้หญิงให้คอยปรึกษาปัญหาหัวใจ ในเมื่อมีแต่เพื่อนผู้ชายฉันก็ควรจะปรึกษาพวกมันแทน เผลอ ๆ พวกมันอาจจะเข้าใจพี่ฌอนมากกว่าฉันเสียอีก เพราะยังไงก็เป็นผู้ชายด้วยกันนี่นะ อีกอย่างไอ้พวกนี้มันฉลาดจะตาย ปิดบังได้ไม่นานเดี๋ยวพวกมันก็รู้อยู่ดี บอกไปตรง ๆ นี่แหละดีแล้ว
“เห้ย… เอาจริงดิ?!” ไอ้ไปป์แหกปากเสียงดังจนโต๊ะพี่ฌอนหันมามอง ฉันหลับตาอย่างพยายามข่มอารมณ์ ให้ตายสิ! ฉันอุตส่าห์พยายามแอบไม่ให้เขาเห็นแล้วนะ ไอ้บ้านี่ยังจะเสียงดังเรียกเขาทำไมเนี่ย!
“มึงเป็นบ้าเหรอ รู้ตัวไหมว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?” ไคโรพูดขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานาน สายตามันขวางซะจนฉันแอบกระถดตัวออกห่าง จู่ ๆ มันเป็นอะไรไปวะ โมโหใส่ฉันทำไมเนี่ย!
“ใจเย็นก่อนไอ้ไค ไอ้สวยมันพูดเล่นมั้งมึง ใช่มะ” ยูเจจับไหล่ไคโรเพื่อเตือนสติ ก่อนหันมามองฉันเหมือนต้องการคำตอบ
“กูไม่ได้พูดเล่น กูชอบเขาจริง ๆ แล้วทำไมมึงต้องโมโหด้วยวะ” ฉันขมวดคิ้วใส่ไคโร มันปัดมือยูเจออกแล้วดึงมือฉันให้ลุกขึ้นยืน “เฮ้ย… ทำอะไรวะ?”
ไคโรไม่ตอบแต่กลับดึงฉันให้เดินตาม ระหว่างทางเดินผ่านโต๊ะพี่ฌอน ฉันบังเอิญสบตากับดวงตาคม เขามองฉันด้วยสีหน้าเฉยชาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเมินหน้ากลับไปพูดคุยกับพี่พลูโตต่อ
“…” ฉันเม้มปาก สองเท้าหยุดเดิน ส่งผลให้ไคโรชะงักตามไปด้วย มันหันกลับมามองด้วยสายตาแสนขวาง แถมยังออกแรงบีบมือฉันแน่นกว่าเดิม และก่อนจะมีใครพูดอะไรมันก็ลากฉันให้เดินตามไปอีกรอบ
“จะพาน้องกูไปไหนวะ?”
เมื่อก้าวออกมาพ้นร้านอาหารพวกเราสองคนก็ต้องหยุดเดินเพราะถูกเสียงห้วน ๆ เรียกเอาไว้ เป็นพี่สิงห์ที่ยืนกอดอกมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
“พี่มาได้ไงเนี่ย” ฉันสะบัดมือไคโรออก คราวนี้มันยอมปล่อยโดยง่าย
“กูถามว่ามึงจะลากสวยไปไหนวะไอ้ไค?” พี่สิงห์ไม่ตอบฉันแต่เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าไคโร มันทำหน้ายุ่งยากใจยามมองมาที่ฉัน
อะไรอ่ะ…
“จะพาไปส่งบ้าน” มันตอบพี่สิงห์อย่างเสียไม่ได้ อย่างที่เห็นว่าไคโรมันค่อนข้างเกรงใจพวกพี่ชายฉันมาก เรียกว่าไม่ค่อยกล้าหือสักเท่าไหร่ ไม่รู้มันกลัวอะไรพวกเขานัก ทั้งที่ปกติคนอย่างมันไม่เคยกลัวใครแท้ ๆ
“เออ งั้นก็หมดหน้าที่มึงละ เพราะกูมารับกลับเอง ไปสวย กลับบ้าน” พี่สิงห์ปรายตามองเชิงสั่งกลาย ๆ ฉันอ้าปากจะเถียงแต่ถูกมือหนาผลักหน้าผากแรง ๆ “ไม่ต้องเถียงเลย บอกให้กลับก็กลับดิวะ รู้ไหมว่ามันเสียเวลาฉัน”
“เอ๊ะ… ถ้าเสียเวลาแล้วจะมารับสวยทำไมเล่า! บอกแล้วไงว่าสวยกลับเองได้!” พี่สิงห์ไม่ได้สนใจฉันสักนิด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน
“เออ กูอยู่หน้าร้านอาหารแถวคณะมึงแล้ว เออเจอแล้ว” เขาตอบปลายสายพลางเหลือบตามองฉันเล็กน้อย “มึงก็รีบ ๆ แดกแล้วรีบตามไปที่กองล่ะ อย่าลำไยให้มากนักไอ้พระเอก”
หือ… พระเอก?
ฉันขยับถอยหลังสองสามก้าวอย่างเนียน ๆ เพื่อชะเง้อมองเข้าไปด้านในร้านอาหารและก็พบว่าพี่ฌอนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
ชัดเลย… ปลายสายที่กำลังคุยกับพี่สิงห์อยู่ ที่แท้ก็คือพี่ฌอนนี่เอง
เดี๋ยวนะ… ที่พี่สิงห์ตามตัวฉันเจอคงไม่ใช่ว่าพี่ฌอนโทรบอกพิกัดฉันหรอกใช่ไหม?