แกร๊ก…
“สะ เสร็จแล้ว… ค่ะ” ฉันดันแผงกั้นออก มือก็ดึงชายกระโปรงลงด้วยความเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้มาก่อน เสื้อก็รัดรูปซะจนกระดุมนักศึกษาจะปริอยู่แล้ว
น่าอายชะมัดเลย…
“อุ๊ยตาย… หนูสวยมากค่ะลูกสาว เหมาะกับชุดนักศึกษามากกว่าช็อปเซอร์ ๆ นั่นอีกนะเนี่ย”
“เชื่อแล้วว่าเป็นพี่น้องกันจริง ๆ แฮะ”
ฉันยิ้มแห้งให้พี่เอกกี้ รุ่นพี่สาวข้ามเพศและพี่แพรวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทำโปรเจคหนังสั้นส่งเข้าประกวดร่วมกันกับพี่สิงห์ครั้งนี้ด้วย พวกเธอพาฉันมานั่งลงหน้ากระจกแล้วเริ่มแต่งหน้าให้
“แหม ผิวหน้าเนียนจังเลย ตาก็สวย จมูกก็โด่ง ปากก็กระจับ รูปหน้าก็ดี๊ดี นี่น้องจีบกับหมอไหนมานะ พี่จะไปจีบบ้าง”
“เอ่อ… จีบ?” ฉันขมวดคิ้วงุนงง จีบอะไร? ใครจีบ? ฉันเหรอจีบหมอ? หมอไหนวะ? งง?
“หมายถึงทำหน้าอ่ะ น้องไปทำกับหมอไหนมาไหม ทำไมทำเนี๊ยนเนียน” พี่เอกกี้เขียนคิ้วให้ฉัน ปากก็ยังชมไม่หยุด ฉันรีบโบกมือปฏิเสธทันที
“เปล่านะ เอ่อ… ฉันไม่ได้ทำหน้านะ อย่าว่าแต่ทำหน้าเลย ขนาดแต่งหน้ายังไม่เป็นเลย”
“อุ๊ย! จริงเหรอ ตายแล้ว พี่ขอโทษจ้า ไม่คิดว่าจะมีคนสวยแบบธรรมชาติพ่อแม่ให้มาหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ด้วยอ่ะ หน้าน้องคือเป๊ะมาก พี่อิจมากพูดจริง” พี่เอกกี้ทำหน้าตกใจ เธอแต้มปากให้ฉันแล้วสอนให้ฉันเม้มปากด้วย ฉันทำตามอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“เมื่อกี้บอกว่าแต่งหน้าไม่เป็นใช่ไหม?” พี่แพรวที่นั่งมองฉันกับพี่เอกกี้ถามขึ้น
“แค่ทาลิปยังเลอะเลยพี่” นึกแล้วก็อนาถตัวเอง เคยมีครั้งหนึ่งที่ฉันเอาลิปมันพี่สิงห์มาทา มันเบิร์นไปรอบปากเลยเหอะ พี่สิงห์ขำฉันแทบตายตอนนั้น
“งั้นพี่สอนให้เอาไหม เดี๋ยวพี่ขอเบอร์ไว้นะ มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลย” เธอกดเบอร์ใส่โทรศัพท์ฉันแล้วขยับยิ้มใจดี “หรือไม่ก็ช่วงที่เราถ่ายหนังสั้นประมาณสองอาทิตย์นี้ก็ได้ พี่จะช่วยสอนให้”
“จริงเหรอ?” ฉันตาโตขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ลังเลกับความเป็นผู้หญิงของตัวเองมาก เพราะรอบตัวมีแต่ผู้ชาย จะปรึกษาเรื่องความสวยความงามกับใครก็ไม่ได้ ถ้าได้พี่แพรวที่เป็นผู้หญิงแท้ ๆ แถมยังสวยมากด้วยมาสอนเรื่องการแต่งหน้าให้ฉัน ฉันอาจจะดูเป็นผู้หญิงในสายตาพี่ฌอนบ้างก็ได้
“จริงสิ พี่ก็พอจะได้ยินข่าวมาบ้างว่าน้องสาวสิงห์มันเป็นทอม พอมาเจอตัวจริงแบบนี้น้องก็ไม่ได้เป็นทอมนี่นา เพียงแค่แต่งหน้าแต่งตัวไม่เป็นเฉย ๆ”
“เออนั่นสิ แถมหน้าตายังสวยมากด้วย ขืนปล่อยไว้แบบนี้เสียชาติเกิดชะนีหมด” พี่เอกกี้พูดเสริมพี่แพรว ทั้งคู่ยิ้มใจดีให้ฉัน
“ขอบคุณพวกพี่นะคะ ฉันก็ไม่อยากโดนเรียกว่าทอมเหมือนกัน แต่มันไม่รู้จะทำยังไง ก็ฉันถูกเลี้ยงมาแบบผู้ชายนี่ ความสวยอะไรฉันไม่รู้หรอก” ฉันทำหน้าหงอย พี่เอกกี้ยิ้มเล็กยิ้มน้อย ก่อนจะเบี่ยงหน้าฉันให้หันไปทางกระจก
“เอ้า มองกระจกแล้วพูดอีกทีซิว่าตัวเองสวยไหม”
ว้าว… สวยจริง ๆ ด้วย
ฉันจับจ้องใบหน้าตัวเองที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ มันไม่ได้ฉูดฉาดอะไรมาก แต่กลับดูอ่อนหวานเสียจนฉันจำตัวเองแทบไม่ได้เลย
“แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ… หรือยัง” เสียงพี่สิงห์สะดุดไปยามเขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน แววตาอึ้ง ๆ เล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นเครียดขึง “กูเปลี่ยนใจล่ะ สวยกลับบ้านเหอะ”
“เอ๊ะ…” ฉันหน้าเหวอไปเลยตอนถูกพี่สิงห์ดึงมือให้ลุกขึ้นยืน เขาทำท่าเหมือนจะพาฉันกลับบ้านจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่เอกกี้เอาตัวขวางทางไว้
“อะไรกันยะ! จะมาพานางเอกฉันกลับบ้านแบบนี้ไม่ได้! แกจะบ้าเหรอสิงห์” เพราะเสียงพี่เอกกี้เล็กแหลมมาก มันจึงดังขนาดเรียกความสนใจจากคนรอบข้าง ส่งผลให้พี่รีวายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เขามองฉันแล้วชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถูกเสียงของพี่แพรวดึงสติกลับมา เธอเดินมายืนข้างพี่เอกกี้เพื่อช่วยขวางพี่สิงห์ไว้
“เดดไลน์ใกล้เข้ามาแล้วนะสิงห์ ไหนจะต้องตัดต่ออีก พวกเราไม่มีเวลาแล้วแกก็รู้นี่”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ก็ไอ้สิงห์น่ะสิ มันจะพาสวยกลับ” พี่เอกกี้หันไปฟ้องพี่รีวาย หน้าตาพวกพี่เขาซีเรียสกันมาก
“อ้าว ทำไมวะก็ไหนมึงโอเคแล้วนี่”
“เออ แต่กูไม่คิดว่าชุดที่มันต้องใส่จะรัดขนาดนี้นี่” เขาชี้มาที่ชุดฉัน ทุกสายตาเลยเพ่งมาที่ฉันทันที ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกด้วยความอาย อะไรเนี่ย! จู่ ๆ ก็ชี้เป้ามาให้ฉันโดนจ้องซะงั้น!
“จะให้ทำไงล่ะ มันมีแค่ชุดนี้ก็ใส่ไปก่อน ยัยน้ำมันตัวเล็กกว่าสวย ไซส์มันก็เลยเล็กตามไปด้วย แกอย่าทำให้มันเป็นเรื่องได้ไหม เราเสียเวลามาจะครึ่งวันแล้วนะ”
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียดมาก พี่สิงห์เองก็ดูจะหัวเสียไม่น้อย เขาเหมือนคนไม่มีทางเลือก สายตาคมตวัดมองฉันอยู่ตลอด
“ตกลงจะถ่ายกันไหม กูไม่ได้ว่างทั้งวันนะ ถ้าวันนี้ไม่พร้อมก็นัดไปวันอื่น” พี่ฌอนลุกจากเก้าอี้ เขาพูดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีปัญหาเรื่องเปลี่ยนตัวนักแสดง เขาไม่ได้มองมาทางฉันเลย สายตาเขาเมินผ่านราวกับไม่เห็นฉันเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้สิงห์ กูไหว้ล่ะว่ะ พวกเราเหลือเวลาก่อนเดดไลน์ส่งผลงานแค่สองอาทิตย์เองนะเว้ย ไหนมึงบอกว่าการประกวดครั้งนี้สำคัญกับอนาคตพวกเรามากไงวะ มึงจะยอมให้มันพังง่าย ๆ แบบนี้เหรอ?”
ฉันรับรู้ได้ถึงความหวังอันแรงกล้าที่มันทับถมลงมาบนบ่าตัวเอง การประกวดครั้งนี้คงจะสำคัญกับพวกพี่ ๆ มาก โดยเฉพาะพี่สิงห์ ฉันรู้ดีว่าเขารักความฝันของเขามากแค่ไหน
“พี่ไปเตรียมตัวเถอะพี่สิงห์” ฉันดึงมือออกจากฝ่ามือหนาของพี่ชาย เขาหันกลับมามองกันด้วยสายตาลังเล “เอาน่า อย่าสนใจชุดสวยเลย วันนี้ก็ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาชุดใหม่เนอะ”
“ชะ ใช่ ๆ พรุ่งนี้ฉันจะเอาชุดใหม่มาให้ รับรองว่าไม่รัด ไม่สั้นแน่นอน” พี่แพรวพยักหน้ารับแข็งขัน พี่สิงห์ปรายตามองฉันอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง
ท่าทางแบบนั้นในความหมายของพี่สิงห์ก็คือ… อยากทำอะไรก็ทำสินะ