“มึงนี่นะ… โผล่มาไม่ดูหน้าดูหลังเล้ย!”
เสียงเฮียนับกาลบ่นอย่างเหนื่อยใจเรียกสติผมให้กลับมา แต่สายตายังคงจ้องผู้หญิงตรงหน้านิ่ง
นี่ผมเบลอจนหลอนเลยเหรอวะ… ทำไมผมเห็นข้าวสวยอยู่ตรงนี้ได้วะ
“หมายความว่าไงอ่ะเฮีย ไหนบอกว่าไม่ใช้ความรุนแรง? แล้วที่ฌอนพูดคืออะไร?” ‘หยาดฟ้า’ แฟนเฮียนับกาลถามเสียงเข้ม ผมจึงละสายตาจากข้าวสวยไปมองเธอ
เวรแล้วไง… ทำไฟไหม้บ้านเฮียแล้ว!
“อะ อ้อ… ผมหมายถึงหมาอ่ะเฮีย ไอ้หมาสี่ตัวเมื่อกี้ที่มันกัดกันที่บ้านผมอ่ะ ผมจัดการแล้วนะ” ผมรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ ลืมไปว่าเมื่อกี้เฮียสั่งผมลับ ๆ ให้โทรไปสั่งกระทืบไอ้สวะสี่ตัวที่คุกคามแฟนเฮีย แล้วไอ้ผมก็เสือกปากไวรีบมารายงานโดยไม่ทันมองว่าแฟนเฮียยืนอยู่ด้วย
“เหรอ ๆ เออ! หมาไงจ๊ะ มันหมายถึงหมาที่บ้านมัน เค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ตัวเองเข้าใจผิดแล้ววว” เฮียนับกาลพยักหน้าเออออตามพลางโอบเอวแฟนสาวท่าทางออดอ้อน เธอกอดอกกดสายตาต่ำมองผมทีสลับเฮียนับกาลที “งะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าเนอะ เฮียหิวแล้วเนี่ย”
“แต่ฉันคุยกับ… เอ๊ะ เธอชื่ออะไรเหรอ?” หยาดฟ้าหันกลับมาถามร่างบางด้านข้างผม เธอเองก็เหมือนเพิ่งจะตั้งสติได้รีบละสายตาไปจากหน้าผม
“สวย เอ่อ… ชื่อข้าวสวย”
“อ้อ ฉันชื่อหยาดฟ้านะ เรียกหยาดก็ได้ เมื่อกี้ต้องขอบใจเธอจริง ๆ เธอเท่มากเลย แต่คราวหลังอย่าทำแบบนั้นอีกจะดีกว่านะ ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง น่าจะตามใครมาช่วยมากกว่านะ”
เมื่อกี้คนที่ช่วยแฟนเฮียนับกาลจากการถูกไอ้สวะพวกนั้นคุกคามก็คือข้าวสวยสินะ สมกับที่เป็นเธอจริง ๆ ทำอะไรมุทะลุที่สุด คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากนักหรือไงวะ
บ้าเอ๊ย… แล้วทำไมผมต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วย
“แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะ อยากจะเลี้ยงขอบคุณเธอจัง ตอนนี้ว่างหรือเปล่าอ่ะ”
“เอ๊ะ… เอ่อ พอดีฉันติดแข่งน่ะ”
หะ…
ผมมองข้าวสวยตาโต เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?
“หืม? เธอแข่งรถด้วยเหรอเนี่ย น่าทึ่งแฮะ” หยาดฟ้าทำหน้าทึ่ง ๆ แต่ผมนี่สิอึ้งมากกว่า คือก็พอรู้ว่าข้าวสวยน่ะห้าวหาญมาก แต่ไม่คิดว่าจะห้าวขนาดแข่งรถกับเขาด้วย
“พวกพี่เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามเธอออกไป ซึ่งมันเรียกสายตาแปลกใจจากคู่รักสองคนนั้น
“อย่าบอกพวกพี่นะ! ถ้าเขารู้ฉันโดนฆ่าแน่ ๆ” ข้าวสวยเงยหน้ามองผมด้วยสายตาขอร้องกึ่งกดดันกลาย ๆ ผมกะแล้วเชียวว่าเธอต้องแอบหนีที่บ้านมาแน่ ๆ ร้อยทั้งร้อยพวกไอ้แฝดไม่มีทางยอมให้น้องสาวมาทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้หรอก
“อ้าว ทั้งสองคนรู้จักกันเหรอ?” เฮียนับกาลที่กอดไหล่แฟนเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่เชิง ยัยนี่เป็นน้องเพื่อนสนิทน่ะ”
“เออ ถ้างั้นก็ดีเลย เอาไว้วันหลังค่อยให้ไอ้ฌอนมันชวนเธอมาเลี้ยงก็ได้นะหยาด วันนี้เราก็ไปเดตกันก่อน ปล่อยให้เธอไปแข่งรถเหอะเนอะ” เฮียนับกาลหันไปเกลี้ยกล่อมหยาดฟ้า เธอมุ่ยหน้านิด ๆ
“ก็ได้ ไว้วันหลังฉันจะชวนเธอมานะ ต้องมาให้ได้ด้วย โอเคไหม?” หยาดฟ้ามองข้าวสวยอย่างรอคำตอบ ข้าวสวยอึกอักหันมามองหน้าผมเหมือนขอความเห็น ผมได้แต่กระแอมไอกลบเกลื่อน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เธอตัดสินใจเอง
“เอ่อ… ได้สิ”
สุดท้ายคู่รักบันลือโลกก็เดินจากไปอย่างง่ายดายเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ผมหลุบตามองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงยืนนิ่ง อดใจไม่ไหวเผลอถามออกไป
“แล้วเธอมาที่นี่กับใคร? มาบ่อยแค่ไหน?”
“หะ?” ข้าวสวยเงยหน้ามองผม ภาพเธอเมื่อตอนเย็นยังติดตาผมอยู่เลย ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบาง ๆ แลดูน่าทะนุถนอมนั่น…
“มึงอยู่นี่เองเหรอ กูตามหาไปทั่ว โทรหาก็ไม่ติด” อยู่ ๆ ระยะห่างระหว่างผมกับข้าวสวยก็ถูกแทรกด้วยร่างสูงของใครคนหนึ่ง มันหันกลับมาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าโคตรกวนประสาท ไอ้นี่อีกแล้ว…
“อะ เออ… มีไรวะ พอดีกูปิดเครื่องกลัวพี่สิงห์โทรกวน” ไคโรละสายตาจากผมกลับไปมองข้าวสวย มันสำรวจเธอเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ
“การแข่งยกเลิกแล้ว”
“อ้าว ทำไมวะ”
“เห็นไอ้ไปป์มันบอกว่าฝั่งนู้นไปมีเรื่องกับใครมาไม่รู้ แม่งโดนกระทืบยับเลย”
หึ… คนของเฮียนับกาลนี่ทำงานกันไวจริง ๆ
“งะ งั้นเหรอ” ข้าวสวยมองข้ามไหล่ไอ้ไคโรมาสบตากับผม มุมปากหนาขยับยิ้มบาง ๆ เธอคงเดาออกแล้วล่ะสิ
“แล้วนี่มึงหายไปไหนมา ทำไมถึงมายืนอยู่กับ…” ไอ้ไคโรหันมามองเหมือนเพิ่งเห็นหัวผม ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับอาการหมาหวงก้างของมันหรอกนะ แต่ตอนนี้ชักรู้สึกหมั่นไส้ยังไงไม่รู้ว่ะ
“อ้อ… มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แล้วนี่กลับกันได้เลยใช่ไหมวะ กูจะได้กลับ ขี้เกียจฟังพี่สิงห์บ่น” ข้าวสวยตอบแบบขอไปทีแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง ไคโรชักสีหน้าใส่ผมทำนองว่าจะยืนหัวโด่อยู่ทำไม
เอาจริง ๆ ผมก็งงตัวเองนะว่าจะหน้าด้านยืนฟังทั้งสองคนคุยกันทำไม ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าผมมาที่นี่ทำไม ตอนแรกกะว่าจะแวะมานั่งคุยกับเฮียนับกาลสักหน่อย แต่มาถึงเฮียก็สั่งให้จัดคนไปกระทืบไอ้สี่ตัวนั่น แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ สรุปคือผมไม่ได้คุยกับเฮียนับกาล แถมยังมาเจอข้าวสวยอีก
นี่มันโลกกลมหรือบังเอิญหรือห่าอะไรวะเนี่ย
“เออ กลับเลยก็ได้ เดี๋ยวกูไปส่ง”
ผมมองมือไอ้ไคโรที่พาดบนไหล่ข้าวสวยแล้วบังคับให้เธอเดินไปด้วยกัน แวบหนึ่งที่ข้าวสวยมองมาทางผม เราสบตากันชั่วขณะ ก่อนริมฝีปากผมมันจะขยับโดยไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
เวร… นี่ผมเผลอตัวพูดอะไรออกไปวะเนี่ย?!