ความร้อนแล่นวาบไปทั่วใบหน้าฉันเลย อะไรของเขาเนี่ย คิดจะพูดถึงเรื่องนั้นก็พูดขึ้นมาเลยงั้นเหรอ แล้วไหนใครกันที่บอกว่าฉันชอบเขาไม่ได้อ่ะ วันนั้นยังปฏิเสธฉันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เลย
“แต่ฉันว่าฉันเหนือกว่ารถคันนี้อย่างหนึ่งนะ”
หือ?
“ฉันรวยด้วยไง ไม่งั้นคงซื้อคันนี้ไม่ได้หรอกจริงไหม” พูดจบเขาก็หัวเราะในลำคอ ทำฉันอดเบะปากใส่อย่างนึกหมั่นไส้ไม่ได้
“และก็หลงตัวเองมากด้วย”
“ฉันได้ยินนะ” พี่ฌอนหุบยิ้มทำหน้าตึงใส่ฉันทันที ฉันร้องเอ๊อะแล้วเสสายตาไปมองรถ ก่อนจะอมยิ้มแล้วลูบมันอีกรอบ อ่า… ฟินง่ะ!
“เลิกลูบมันแล้วก็ขึ้นไปนั่งมันแทนได้แล้ว”
หา… นี่ฉันจะได้สัมผัสกับภายในของมันเหรอ ฉันจะได้นั่งมันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย!
“เหอะ เธอนี่มัน… ไม่คิดจะเก็บอาการหน่อยหรือไง นี่ถ้ามีหูมีหางป่านนี้มันคงกระดิกไปมาแล้วมั้ง ตื่นเต้นซะเหลือเกินนะ” พี่ฌอนว่าแล้วเปิดประตูรถให้ฉัน ระบบประตูดีดขึ้นด้านบน ฉันเงยหน้ามองด้วยสายตาตื่นเต้นขั้นสุด อยากจะร้องว้าวออกมาดัง ๆ
เท่โคตร!
“เอ้า! ขึ้นไปสิ ฉันเริ่มจะหมั่นไส้รถตัวเองแล้วนะเนี่ย ให้ตายเหอะ”
“อ่า ๆ ขึ้นแล้ว ๆ” ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเบาะแสนนุ่ม หลับตาฟินอย่างไม่เก็บอาการ เสียงหึดังมาจากพี่ฌอนก่อนประตูรถจะถูกปิด ฉันลืมตาขึ้นเมื่อเขาเข้ามานั่งฝั่งคนขับแล้ว ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อ ๆ ขยับเข้ามาใกล้ในระยะประชิด วินาทีนั้นฉันแทบลืมหายใจ
“คาดเบลล์ด้วยถ้าไม่อยากปลิว รถพี่มันแรงนะน้อง” เขายกยิ้มมุมปากคล้ายสนุกกับการแกล้งกัน ขณะมือก็เอื้อมจับเบลล์มาคาดให้ฉัน ก่อนหันกลับไปกดสตาร์ทรถ ฉันพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างพยายามผ่อนคลายความตื่นเต้นเมื่อครู่
ให้ตายสิ… ทำไมตอนอยู่ใกล้พี่ฌอนมันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงแทบจะระเบิดเสียยิ่งกว่าตอนเห็นรถอีกนะ!
…หรือว่าฉันอาจจะชอบพี่ฌอนมากกว่ารถไปแล้วก็ได้?!
“เอ๊ะ เราไม่ได้กำลังจะกลับบ้านฉันเหรอ?”
ฉันถามเมื่อเห็นว่ารถหรูเลี้ยวเข้าซอยหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซอยบ้านฉัน พี่ฌอนไม่ตอบอะไร เขาเลี้ยวรถเข้าลานจอดหน้าตึก ๆ หนึ่ง เมื่อจอดรถเสร็จเขาก็เปิดประตูลงรถไป ฉันเลยต้องลงรถตามเขาด้วย
ร้านนี้…
“เธอหิวไม่ใช่เหรอ ฉันก็หิวเหมือนกัน”
อ่า…เขาพาฉันแวะมาร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของครอบครัวฉันนี่เอง ว่าแต่พี่ฌอนรู้จักร้านนี้ได้ยังไงกันนะ?
“รุ่นพี่รู้จักที่นี่ด้วยเหรอ” ฉันถามเมื่อเราสั่งก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จ
ที่นี่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสารพัดอย่าง มีทั้งน้ำตก น้ำใส ต้มยำ เย็นตาโฟ เรียกได้ว่าครบวงจรก๋วยเตี๋ยวเลยล่ะ ร้านเป็นตึกสามชั้นขนาดกลางสองคูหา มีลานจอดรถหน้าร้านทำให้ที่นี่มีลูกค้าค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญ… อร่อยมาก!
“พวกไอ้แฝดเคยพามากินบ่อย ๆ มันบอกว่าที่นี่เป็นร้านประจำของครอบครัวเธอ”
“อื้อใช่! รุ่นพี่ก็รู้ใช่มะว่าคนในบ้านฉันไม่มีใครทำอาหารเป็นเลยสักคนนอกจากพี่ธันย์ เวลาที่พี่ธันย์อยู่หอพวกเราก็มักจะมาฝากท้องที่นี่บ่อย ๆ บางทีก็เบื่อพวกอาหารตามสั่งอ่ะ ยิ่งพวกพิซซ่าหรือฟาสฟู้ดด้วยแล้ว แหวะ…ไม่ถูกปากอ่ะ”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บรรยากาศระหว่างฉันกับพี่ฌอนเปลี่ยนไป ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่ฌอนเอาแต่เมินหนีไม่ก็ผลักไสไล่ส่งฉันเสมอ หรือฉันอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองมากไป จริง ๆ แล้วพี่ฌอนก็แค่หิวเฉย ๆ เท่านั้น เขาอาจจะยังไม่ได้เปิดใจให้ฉันหรอกมั้ง
“…” จู่ ๆ บรรยากาศระหว่างเรามันก็เงียบลงกะทันหัน ฉันไม่กล้าเงยหน้าสบตากับพี่ฌอนเลย ไม่รู้ว่าเขามองฉันอยู่หรือเปล่า ฉันควรหาอะไรทำแก้เขินดีไหมนะ จริงสิ… โทรศัพท์ไง!
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วกดเปิดเครื่อง ก่อนจะแทบขว้างมันทิ้งเมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นปุบปับเลย
“เอ่อ…” ฉันเหลือบตามองพี่ฌอนที่กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน แต่สายตาเขาจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์มากกว่า และมันกำลังขึ้นชื่อไคโร ฉันรีบหยิบมันขึ้นมากดรับทันที “ฮะ ฮัลโหล… เออว่าไง”
[มึงถึงบ้านหรือยังวะ]
“หะ… อ้อ ยังอ่ะ พอดีแวะกินเตี๋ยวร้านประจำเราอ่ะ” ฉันตอบตามตรง จังหวะพอดีกับก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ จึงจัดแจงปรุงรสพลางแนบโทรศัพท์กับไหล่ไปด้วย
[กินกับใครวะ? ไอ้รุ่นพี่นั่นเหรอ?]
“ก็เออสิ กูกลับกับพี่ฌอน จะไม่ให้กูกินกับเขาแล้วจะให้กินกับใครวะ ถามแปลก ๆ ไอ้นี่” ฉันขมวดคิ้วใส่ปลายสายโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดบทสนทนานั้นตกอยู่ในสายตาของผู้ชายตรงหน้า
[เหรอ แล้วตอนนี้หมอนั่นนั่งอยู่ด้วยป่ะ?] ฉันเลื่อนสายตาขึ้นมองพี่ฌอนก็เห็นว่าเขากำลังจ้องอยู่ อะ… อะไรเล่า! ทำไมเขาต้องมองฉันแบบนั้นอ่ะ? [อยู่หรือเปล่าวะ?]
“อะ เออ… ทำไมวะ?” ฉันรีบหลุบตาหนีแล้วตอบปลายสาย เริ่มรำคาญไอ้ไคโรล่ะ คนจะกินเนี่ย อะไรนักหนา ยิ่งหิว ๆ อยู่นะเว้ย
[งั้นมึงพูดคำว่าคิดถึงหน่อยดิ๊]
“หะ? ทำไมอ่ะ?” เออ ฉันงง จู่ ๆ ไอ้บ้าไคโรมันก็สั่งให้ฉันพูดอะไรแปลก ๆ มันเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย
[ก็บอกให้พูดไง!] ปลายสายตวาดใส่อย่างหงุดหงิด ฉันละมือจากตะเกียบแล้วถือโทรศัพท์แทน
“ก็ทำไมล่ะ กูงงนี่”
[กูบอกให้พูดมึงก็พูดเหอะสวย แค่พูดว่าคิดถึงมันจะตายหรือไงวะ] ถึงจะยังไม่เข้าใจแต่ฉันก็ยอมพูดไปอย่างงง ๆ
“เออ ๆ คิดถึง! พอใจยัง?”
กึก…
ฉันมองไปทางพี่ฌอนที่อยู่ ๆ เขาก็ชะงักไป เลิกคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจอีกคน อะไรกันผู้ชายพวกนี้ ฉันตามอารมณ์ไม่ทันจริง ๆ
[เออดี งั้น…]
พรึ่บ
“อ๊ะ...” ฉันสะดุ้งตอนที่โทรศัพท์ถูกผู้ชายตรงหน้าแย่งไป ได้ยินเสียงไคโรมันพูดอะไรต่อไม่รู้ก่อนสายจะโดนตัดด้วยน้ำมือของพี่ฌอน พอกดวางสายเสร็จเขาก็คืนโทรศัพท์ให้ฉันที่ยังมองเขาด้วยความมึนงง
“รีบกินเข้าไปซะ อย่าห่วงคุย บ้านเธอไม่เคยสอนมารยาทเหรอ”
หูย… แรงอ่ะ! อารมณ์เสียอะไรอีกเนี่ย แค่นี้ต้องด่ากันด้วยเหรอ?
“กินเข้าไปสิ ยังจะมองอีก”
“กินแล้ว ๆ”
ให้ตายสิ! อารมณ์เขาขึ้น ๆ ลง ๆ ยิ่งกว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาซะอีกแน่ะ!
นี่ฉันชอบผู้ชายคนนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย?