จริงเหรอวะ...
ใช่เหรอวะ...
ฉันเนี่ยนะ... ชอบพี่ฌอน?
“เป็นไรมึง ทำหน้าเหมือนปวดขี้” ไคโรวางแก้วน้ำลงตรงหน้าฉัน ไปป์ ยูเจ ดีโน่เดินตามมานั่งที่โต๊ะเดียวกัน ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านอาหารแถวคณะซึ่งเป็นร้านประจำที่กลุ่มฉันมักมาฝากท้อง
“หรือยังคิดไม่ตกเรื่องหัวใจเต้นอะไรนั่นของมึง”
“เฮ้ย ๆ หัวใจเต้นไรกันวะ ไมกูไม่รู้เรื่อง?” ยูเจเงยหน้ามองฉันสลับกับไปป์ สีหน้าโคตรมีเลศนัย
“คืองี้มึง ไอ้สวยมันไอเอ้น... แค่ก ๆ”
“เลิกพูดมากแล้วแดก ๆ เข้าไป” ฉันยัดแตงกวาใส่ปากไอ้ไปป์เพื่อปิดปากมัน “มึงก็ด้วยยู ไม่เสือกสักเรื่องไม่ตายเนอะ”
“โห้ยไอ้สวย แค่ก ๆ กูเกลียดแตงกวา!!” ไอ้ไปป์สำลักหน้าดำหน้าแดงพลางดื่มน้ำอึกใหญ่ มันชี้หน้าฉันอย่างอาฆาตมาดร้ายสุด ๆ
ฉันเลิกสนใจพวกมันแล้วหันมองไปทางหน้าร้านอาหาร สายตาชะงักเข้ากับร่างสูงคุ้นตาของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนของเขา
พี่ฌอนนั่งลงที่โต๊ะไม่ไกลจากฉันนัก ก่อนนี้ฉันเคยเห็นเขาที่มหาวิทยาลัยบ่อย ๆ โดยเฉพาะสนามบาส ตอนนั้นฉันก็แค่มองอย่างไม่ใส่ใจอะไร เพราะไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แค่เคยเห็นหน้ากันอยู่บ้างในบางครั้งที่เขาแวะมาหาพวกพี่แฝดเท่านั้น ทว่าตอนนี้สายตาฉันมันกลับมองตามเขาไม่ยอมละ ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปจากสายตาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าฉันจ้องเขามากไปหรือยังไงจนทำให้เขารู้สึกตัว เพราะอยู่ ๆ ใบหน้าหล่อขี้เล่นนั่นก็หันมามองทางฉัน ดวงตาคมเลื่อนสบตากัน วินาทีนั้นเราทั้งคู่ต่างนิ่งงัน
ตึกตัก... ตึกตัก...
ฉันกะพริบตาเรียกสติตัวเองกลับมาขณะยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบเหนืออกซ้าย
จริงด้วย... หัวใจฉันเต้นแรงเพราะพี่ฌอนจริง ๆ ด้วย เพียงแค่เห็นหน้าหรือสบตากับเขามันก็มีอาการขึ้นมาทันทีเลย
นี่ฉันชอบพี่ฌอนจริง ๆ เหรอเนี่ย...
“เป็นไรวะไอ้สวย จับนมตัวเองทำไม?”
ปึก!
“ทะลึ่งนะมึง” ไคโรตบหัวยูเจแล้วชี้หน้าปราม ฉันถอนสายตาออกจากพี่ฌอนซึ่งกำลังเลื่อนสายตาไล่กวาดมองพวกเพื่อน ๆ โต๊ะเดียวกับฉัน
“โอ๊ยไอ้ห่า! ตบมาได้นะมึง มือหรือตีนวะเนี่ย!”
“อีกสักดอกไหมล่ะ”
“พอ ๆ เดี๋ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวพุ่งออกมาแล้วจะยุ่ง”
ฉันก้มหน้าก้มตาตักข้าวในจานตัวเองพลางลอบมองไปทางพี่ฌอนอีกครั้ง เขาหายไปแล้ว...
“มองหาใครวะ”
“หะ... อ่ะ เปล่า ๆ ว่าจะไปซื้อน้ำอ่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตัวเอง ไปป์หรี่ตาจับผิดกันเล็กน้อย
“ไอ้ไคมันซื้อน้ำมาให้มึงแล้วนิ ไม่พอ?”
เออ... จริงด้วย
ฉันหลุบตามองน้ำเก๊กฮวยบนโต๊ะตรงหน้า เมื่อเห็นว่าหาข้ออ้างอื่นไม่ได้เลยนั่งลงตามเดิม มองไปทางที่พี่ฌอนเคยนั่งก็พบว่าเขากลับมาแล้ว และกำลังคุยกับเพื่อนของเขาอยู่
อ่า... ฉันถอนสายตาออกจากเขาไม่ได้เลย
[บทบรรยาย ฌอน]
คุณเคยรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ ราวกับถูกใครสักคนจ้องมองไหม มันคล้าย ๆ เซ้นส์บางอย่างที่เราจะรู้สึกได้เวลาถูกคนมองอ่ะ นั่นแหละ... ผมกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่
“มึงรู้จักรุ่นน้องโต๊ะนั้นไหม กูเห็นเขามองมึงมาสักพักล่ะ” ผมมองตามสายตาไอ้โตไปทางด้านหลังตัวเองก็สบเข้ากับดวงตาคู่สวยที่กำลังมองมาพอดี เมื่อเราสบตากัน เธอคนนั้นรีบละสายตาหนีทันที
อ้อ... เจ้าของสายตาที่จ้องผมตลอดเวลานั่นก็คือเธองั้นสินะ
“ก็นิดหน่อย น้องเพื่อนกู” ผมตอบปัด ดึงสายตากลับมา ไม่อยากมองเธอมาก กลัวจะนึกถึงภาพเหตุการณ์คืนนั้นอีก
แม่งเอ๊ย... นึกแล้วเจ็บใจ ผมไม่น่าพลาดแบบนั้นเลยว่ะ!
พูดไปใครจะเชื่อว่าคนอย่างไอ้ฌอนจะเมาหนักถึงขั้นลากผู้หญิงไปกินตับบนเตียงโดยไร้สติได้ขนาดนั้น แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทด้วย แค่นั้นไม่พอ เสือกไปกินตับลูกสาวในบ้านที่พ่อเขายังนอนอยู่ด้วย เกือบถูกยิงตายแล้วไหมล่ะ!
แล้วไอ้คนอย่างผม เป็นประเภทไม่คิดจะจริงจังกับสาวที่ไหน ยึดคติที่ว่า ‘รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน’ มาหลายปี ผู้หญิงที่ผมคบหรือควงด้วยล้วนเป็นสาวรักสนุกเหมือนกัน ไม่เน้นผูกพัน ไม่เน้นจริงจัง ไม่เรื่องเยอะ เพราะผมไม่คิดจะคบใครจริงจังอยู่แล้ว ใครที่อยากจะคบกับผมต้องยอมรับข้อนี้ให้ได้ ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตแบบนี้มาได้อย่างสบายใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาวุ่นวายหรือเรียกร้องอะไรจากผมสักคน กระทั่งคืนนั้นที่ผมพลาด...
ผมจำเหตุการณ์คืนนั้นไม่ค่อยได้ จำได้ราง ๆ ว่าผมเมามาก เพราะความน้อยใจจากน้องสาวสุดที่รักทำให้ผมแวะมาหาพวกไอ้แฝดที่บ้านและนั่งดื่มกับพวกมันจนดึก พอเมาหนักเข้าพวกมันก็ไล่ให้ผมขึ้นมานอนบนห้องพวกมัน ตอนนั้นผมจำได้ว่าเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่โคตรน่ารัก เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนน้องสาวผมเลย ผมเลยอดใจไม่ไหวจู่โจมจูบเธอ
จากนั้น... ผมก็ทำตามสัญชาตญาณตัวเอง กระทั่งตื่นเช้าขึ้นมาและพบว่าผมได้ทำเรื่องน่าปวดหัวเข้าให้แล้ว
ผมพลาดจับทอมทำเมีย!
พูดเลยว่าตอนนั้นผมแทบสติแตก ไม่คิดว่าตัวเองจะเมาหนักถึงขั้นหน้ามืดตามัวขนาดนี้ ผมมองข้าวสวยว่าน่ารักได้ยังไงกันวะ? ทั้งที่ผ่านมาผมไม่เคยมองเธอเป็นผู้หญิงเลย ถึงผมจะไม่ได้รู้จักมักจี่เป็นการส่วนตัว แต่ผมก็เคยเจอเธออยู่บ้างเวลามาหาพวกไอ้แฝด และได้ยินวีรกรรมของเธอจากปากพวกมันบ่อย ๆ ทั้งนิสัยที่แมนเกินชาย หรือห้าวเกินหญิง อีกทั้งยังชอบงานช่าง รักการซ่อมรถยิ่งกว่าอะไร เรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ไกลจากสเป็คของผมมากกก! ผมน่ะชอบผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บอบบางน่าทะนุถนอม ไม่ใช่แกร่งเกินชายแบบนี้
และแน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่คิดจะรับผิดชอบ จะด่าว่าผมเหี้ย ผมเลวก็ได้ สำหรับผมมันก็แค่ความผิดพลาด ข้าวสวยเองก็คงคิดเช่นกัน และสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำเพื่อแก้ไขความผิดพลาดนี้ได้ก็คือการช่วยเธอคุมกำเนิด และผมก็ทำไปแล้ว ถือว่าหมดหน้าที่ความรับผิดชอบของผมแล้ว
“อ้อ หมายถึงโต๊ะนั้นเหรอ นั่นกลุ่มไอ้ไคโร รุ่นน้องปีหนึ่งเอกยานยนต์ พี่ฌอนรู้จักพวกมันด้วยเหรอ?” ผมดึงตัวเองกลับมาตามเสียงของไอ้ฟิว รุ่นน้องปีสองที่เล่นบาสด้วยกันบ่อย ๆ “ข่าวว่าพวกมันเป็นเด็กท็อปของรุ่นเลยนะ โดยเฉพาะไอ้ไคโรกับยัยทอมนั่นอ่ะ”
“ทอม? หมายถึงผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ?” ไอ้โตหันมองไปทางโต๊ะข้าวสวย ผมจึงมองตามก่อนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจ้องมาที่ผมเหมือนกัน
“อือ ใคร ๆ เขาก็ลือกันว่ายัยนั่นเป็นทอมอะนะ เห็นคบแต่เพื่อนผู้ชาย นิสัยก็ห้าวเป้งฉิบเป๋ง”
“พวกมึงคิดกันไปเองหรือเปล่า ผู้หญิงห้าวใช่ว่าจะเป็นทอมทุกคน” ไอ้โตคิดแบบคนโลกสวยตามสไตล์ลุง ๆ ของมัน
“ไม่รู้ดิ นึกแล้วก็โคตรเสียดายหน้าตาสวย ๆ ของยัยนั่นเลยนะ ขนาดหน้าสดมาเรียนทุกวันยังดูออกเลยว่าสวยสมชื่อ แต่อย่าได้ริอ่านไปจีบมันเชียว”
“ทำไมวะ” ผมขมวดคิ้วถาม
“โอ้โหพี่ เพื่อนแม่งแต่ละตัวขี้กั๊กฉิบหาย แถมได้ข่าวว่าพ่อกับพี่ชายยังโคตรโหด ถามจริงใครหน้าไหนมันจะกล้า”
เออก็จริง... เรื่องพ่อกับพี่ชายโหดอันนี้ผมยอมรับ ยังเสียวสันหลังอยู่ กลัวเรื่องที่ผมพลาดไปกินตับเธอจะแดงขึ้นมาจริง ๆ มีหวังผมตายแบบศพไม่สวยแน่ ๆ
ผมปรายตามองไปทางข้าวสวยอีกครั้ง คราวนี้เราสบตากันเต็ม ๆ วูบหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยนั่นสั่นไหว ผมขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
อะไรวะ... ทำไมเธอมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แบบนั้น?