ตอนที่ 7 ผลไม้วิเศษ

1804 Words
ซ่งอวี่ถงรีบเดินทางออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้ “เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ” “ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ” “ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ” สิ้นคำบอกกล่าวซ่งอวี่ถงก็ส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเป่ยเย่ด้วยความรวดเร็ว เดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านหลังนั้นจำต้องรีบเดินทางไปทั้งๆ ที่ในใจก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เมื่อซ่งอวี่ถงจากไปแล้วมู่อิงเถาก็หันมามองเด็กชายอีกครั้ง “หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่” “เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้” “เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอาของเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือต่อไปนี้เรียกข้าว่าพี่สาวก็พอแล้ว” “ไม่เอาหรอกขอรับถึงอย่างไรท่านก็เป็นภรรยาของท่านอาสาม ข้าเรียกอาสะใภ้น่ะถูกแล้ว” “เฮ้อ…ตามใจเจ้าเถอะ เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยกัดผ้าผืนนี้เอาไว้หน่อยข้าจะตรวจดูบาดแผลของเจ้าเสียหน่อย” “ขอรับ” มู่อิงเถาหาเศษผ้าที่สะอาดที่สุดเท่าที่นางจะหามาได้ให้ซ่งหงอี้กัดเอาไว้ นางตั้งใจจะใช้ไม้มาดามกระดูกที่หักไว้ชั่วคราวเมื่อท่านหมอมาถึงก็ค่อยให้เขารักษาอีกที แม้นางจะมีทักษะทางการแพทย์อยู่บ้างแต่ในยุคที่ไม่มีเครื่องมือสำหรับการรักษาเช่นนี้นางจึงทำได้เพียงแค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น [นังเด็กโง่] “เอ๋? ใครกันนะช่างปากเสียจริงๆ” “หืม อะไรหรือขอรับอาสะใภ้” “เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยงั้นหรือ” มู่อิงเถาหันไปจ้องมองเด็กน้อยก็เห็นเพียงใบหน้างุนงงของเขาเท่านั้น “ไม่เลยขอรับก็ท่านบอกให้ข้ากัดผ้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ แล้วข้าจะพูดได้อย่างไรกัน” “จริงด้วย แล้วมันเสียงใครกันเล่า” นางหันซ้ายมองขวาเริ่มระแวงกับบ้านหลังนี้ขึ้นมาแล้ว ‘หรือว่าจะเป็นผี!’ [ผีบ้านของเจ้าน่ะสิ เมื่อคืนวานก็เพิ่งพูดคุยกันเจ้าลืมข้าไปแล้วหรือนังเด็กโง่!] ‘เจ้าลิงฮุยงั้นหรือ’ มู่อิงเถาอุทานในใจเพราะกลัวว่าซ่งหงอี้จะรู้ความลับของนางเข้า [ใช่แต่เอ๊ะ! ลิงงั้นหรือ? นี่เจ้าหลอกด่าข้าอยู่หรืออย่างไร] ‘ใช่ที่ไหนกันเล่าข้าอาจจะออกเสียงผิดไปนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง แล้วเหตุใดซ่งหงอี้ถึงไม่ได้ยินเจ้าเหมือนที่ข้าได้ยินล่ะ’ [มีเพียงเจ้าที่ได้ยินข้าพูด ในมิติแห่งนี้มีผลไม้วิเศษที่ใช้สมานแผลและเชื่อมกระดูกได้เจ้าไปเอามันมาให้เจ้าเด็กคนนั้นกินเสียสิ] ‘จริงหรือนี่!’ [แต่อย่าลืมว่าเอาอะไรออกไปย่อมต้องตอบแทนทุกครั้ง] ‘ข้ารู้แล้วน่าจะไปไถนาพรวนดินให้ทั้งวันเลย ขอบใจนะ’ มู่อิงเถาเอ่ยออกมาด้วยความดีใจอย่างที่สุดแม้ว่าซ่งหงอี้จะไม่ใช่หลานแท้ๆ ของนางแต่เพราะได้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายบาดเจ็บทั้งยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ เช่นนี้ก็อดสงสารไม่ได้ แม้จะรู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะร้ายกาจไม่ได้ต่างจากท่านอาของเขาก็เถอะ แต่เมื่อรู้ว่ามีหนทางรักษาแล้วจะให้นางอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไรคงผิดวิสัยของคนเป็นหมอเป็นอย่างมาก “ข้าจะไปหาสมุนไพรมาประคบแขนให้เจ้า นั่งรอข้าอยู่ตรงหน้าห้ามไปไหนนะเข้าใจหรือไม่” “เข้าใจแล้วขอรับอาสะใภ้” “ห้ามหลับเชียวล่ะเจ้าต้องรอท่านอาของเจ้ากลับมาก่อน” “ข้ารู้แล้ว” มู่อิงเถาลุกขึ้นก่อนจะย้ายร่างอวบอ้วนของนางมายืนอยู่ข้างๆ ตัวบ้านหันมองไปโดยรอบเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดผ่านมาในเวลานี้ นางจึงเข้าไปในมิติวิเศษนั้นตรงไปยังต้นไม้ที่มีผลอิงเถา(เชอร์รี่)อยู่เต็มต้น "คงจะเป็นต้นนี้กระมัง" หญิงสาวยืนครุ่นคิดอยู่นานสองนานด้วยขนาดร่างกายของนางแล้วนั้นคงไม่สามารถปีนขึ้นไปได้อย่างแน่นอน 'แล้วจะเก็บมันลงมาได้อย่างไรกันเล่า' [โง่เสียจริง] "นี่เจ้าด่าข้าอีกแล้วนะ" [ก็โง่จริงหรือไม่เล่าอยากได้อะไรก็เพียงแค่ขอ ลองดูสิ] 'เจ้าลิงฮุยปากเสียก็ควรบอกข้าตั้งแต่แรกหรือไม่เล่าจะให้ยืนงงอยู่ทำไมตั้งนาน' [ข้าได้ยินนะ] “ขะ ข้าก็แค่คิดเท่านั้นเองนะเจ้าน่ะเสียมารยาทมากรู้หรือไม่ มาเที่ยวอ่านใจคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า” [เรื่องของข้า จะเอาหรือไม่ผลไม้นั่นน่ะ] "เอาสิ" นางตอบกลับก่อนจะละความสนใจจากเขาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้สูงใหญ่เบื้องหน้า "ท่านต้นไม้เจ้าคะข้าขอผลไม้จากต้นของท่านเพื่อไปช่วยหลานชายของสามีข้าได้หรือไม่" นางพูดขึ้นในใจก็ยังไม่คงแคลงใจไม่เลิก ‘เจ้าลิงฮุยนั่นกำลังหลอกนางอยู่หรือไม่นะ’ ทันใดนั้นผลอิงเถาที่กำลังสุกได้ที่ก็หล่นลงมาบนพื้นท่ามกลางความตกตะลึงของนาง "มะ ไม่ได้หลอกกันนี่นา" [ข้าก็บอกไปแล้วว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง! รีบเก็บแล้วรีบออกไปได้แล้วรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า] "เจ้าค่ะท่านหลิงฮุยผู้เก่งกาจ ข้าจะรีบเก็บแล้วก็รีบออกไปไม่รบกวนท่านอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ" [ให้มันจริงเถอะ] มู่อิงเถาคร้านจะต่อความกับเขานางรีบเก็บผลอิงเถาที่หล่นอยู่บนพื้นหญ้าไปสี่ห้าลูก ขณะที่กำลังจะออกจากมิติวิเศษนางก็เหลือบไปเห็นบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ใหญ่นั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบมีต้นหญ้าเขียวขจีงดงามต่างจากบ่อน้ำที่แห้งเหือดนั้นเป็นอย่างมาก “น่าแปลกเสียจริง” [บ่อน้ำพุแห่งกาลเวลา] “อะไรนะ” [บ่อนั่นคือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคอันใดก็รักษาหายได้ทั้งนั้น] “จริงหรือ” [แต่น่าเสียดายมันแห้งเหือดแบบนี้มานานแล้วล่ะ] “ทำไมล่ะ” [ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเลิกถามข้าได้แล้ว นี่เจ้าน่ะเอาไปแล้วอย่าลืมมาทำหน้าที่ของตนเองล่ะ] “รู้แล้วน่าเหตุใดเจ้าถึงพูดมากเช่นนี้นะ” มู่อิงเถาบ่นร่ายยาวให้เจ้าของมิติวิเศษไปชุดใหญ่ก่อนจะออกจากมิติวิเศษเพื่อไปหาซ่งหงอี้ด้วยความรวดเร็ว นางเดินกลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าเด็กน้อยผู้นั้นหลับไปแล้ว “คงจะเจ็บมากสินะน่าสงสารเสียจริง” ‘เฮ้ย! ไม่ได้สิในนิยายเล่มนั้นหลานชายของซ่งอวี่ถงเองก็ร้ายไม่ใช่เล่นเลย หาวิธีกลั่นแกล้งนางสารพัดหน้าตาธรรมดาดูไม่มีพิษสงทั้งคู่ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นตัวร้ายไปได้’ มู่อิงเถาส่ายหน้าให้เด็กชายก่อนจะนำผลไม้วิเศษไปจัดการผ่าเป็นชิ้นเล็กๆ เก็บเอาไว้ให้เขากินหลังตื่นขึ้นมา นางไม่ลืมที่จะนำสมุนไพรที่เก็บติดมือมาจากมิติวิเศษมาตำจนละเอียดแล้วห่อด้วยผ้าบางๆ ค่อยๆ ประคบที่แขนของเขาอีกด้วย เป็นเวลากว่าสองชั่วยาม[1] ในที่สุดซ่งอวี่ถงก็เดินทางกลับมาเสียทีเมื่อมองผ่านไปด้านหลังของเขากลับพบเพียงความว่างเปล่า สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนั้นบ่งบอกว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “ท่านหมอไม่มากับท่านด้วยหรือเจ้าคะ” เขาส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองมองไปที่ซ่งหงอี้ผู้เป็นหลานชาย “ท่านหมอที่ข้ารู้จักเขาเดินทางไปต่างเมืองและท่านหมอที่ยังอยู่คิดค่ารักษามากเกินไปเงินที่ข้ามีไม่พอจึงได้แค่ซื้อยากลับมาให้เขากินเท่านั้น” “งั้นหรือ” “เขาหลับไปนานแล้วหรือ” “เจ้าค่ะ” “แล้วนั่นอะไร” สายตาคมกริบของคนตรงหน้าจ้องมองผ้าสีขาวที่พันแขนของเขาเอาไว้ดูเหมือนจะมีหญ้าหรือสมุนไพรบางอย่างที่ประคบเอาไว้ในนั้นด้วย “คือว่าตอนที่ข้ายังเด็กท่านยายเคยสอนเรื่องการใช้สมุนไพรรักษาคนน่ะเจ้าค่ะ ตอนที่ข้าทำความสะอาดบ้านเห็นว่าที่สวนด้านหลังมีสมุนไพรที่สามารถลดการปวดได้จึงนำมาประคบให้เขาก่อนระหว่างที่รอพวกท่านกลับมา” “ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วย” “ข้าก็แค่โง่เขลาในบางเรื่อง” ซ่งอวี่ถงยิ้มออกมาแล้วช่างเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่่นางเคยเห็นมา 'คนอะไรหล่อเหลาเสียจริง' มู่อิงเถาจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาอย่างหลงใหลแต่แล้วจิตใต้สำนึกของนางก็ตื่นตัวขึ้นมาทันใด ‘ไม่ได้นะอิงเถาเจ้ากำลังถูกภาพตรงหน้าล่อลวงอยู่ เขาคนนี้คือคนที่จะสังหารเจ้าเชียวนะตั้งสติเอาไว้สิ’ มู่อิงเถาสะบัดศีรษะไปมาจนซ่งอวี่ถงถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงงแล้วเอ่ยถามนางว่า “เจ้าเป็นอะไรไม่สบายงั้นหรือ” “ห้ะ ไม่นะข้าสบายดี” “ก็เมื่อครู่” “อ้อ คือว่าแมลงวันมันมาตอมหน้าของข้าน่ะ ข้าว่านะท่านกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะวันนี้ข้าจะเป็นคนทำอาหารเอง” “ได้ เช่นนั้นข้ารับหน้าที่ดูแลหงเอ๋อต่อจากเจ้าเอง” "เจ้าค่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมายิ้มให้นางอีกครั้ง ‘ยิ้มแบบนี้อีกแล้วให้ตายสิเห็นคนหล่อไม่ได้เลยเป็นอะไรของข้ากันนะ’ - - - - - - - - - - [1] สองชั่วยาม = 4 ชั่วโมง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD