📗 ༊*·˚◞♡
🌒 เย็นวันนั้น
ท้องฟ้าเทาอมส้ม เหมือนฝนจะตกแต่ยังไม่ตก ลินาปิดคอม เก็บปากกา รูดกระเป๋าเบา ๆ มองรอบที่ทำงาน เห็นคนทยอยลุกทีละคน กลิ่นกาแฟจาง ๆ ปนกลิ่นกระดาษใหม่
หัวหน้าทีมเงยหน้าจากแฟ้ม “วันนี้พอแค่นี้ กลับได้ พรุ่งนี้ต่อ”
“ค่ะ” ลินายิ้มบาง ๆ ยกมือไหว้ แล้วเลี่ยงไปทางเดินที่ไม่ค่อยมีคน เธอไม่ได้ไปลิฟต์หลัก เดินผ่านแผงไฟ เงาบนพื้นยาวเป็นเส้น เธอเดินตามเงาตัวเอง
ปลายทางไม่ใช่ประตูออก แต่เป็นประตูเหล็กสีหม่น มีป้ายเล็ก ๆ เขียนว่า “โรงเก็บเอกสารเก่า” ตัวหนังสือซีดแทบมองไม่เห็น เงียบ อับ และชื้น จนคนส่วนใหญ่ไม่อยากเข้ามา
เธอแตะบัตร “ติ๊ด” เบา ๆ ประตูขยับเปิด กลิ่นกระดาษเก่ากับฝุ่นตีจมูก เธอสูดลมหายใจยาว ก่อนก้าวเข้าไป
ห้องลึกยาว มีชั้นเหล็กเรียงจนสุดผนัง กล่องสีน้ำตาลซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ ฝุ่นคลุมบาง ๆ บางกล่องมีชื่อโครงการ บางกล่องมีปี บางกล่องเขียน “บัญชี” ด้วยลายมือเร่งรีบ
โต๊ะไม้เก่าใกล้ประตูมีแฟ้มวางอยู่สองสามเล่ม เธอไม่ได้มามั่ว ๆ ตอนเช้าขอสิทธิ์เข้าห้องนี้ไว้ เขียนเหตุผลว่า “ตรวจข้อมูลเก่าเพื่อเทียบค่าเริ่มต้น” เหตุผลพอรับได้ ไม่สะดุดตา แต่ใจเธอมีอีกเหตุผล ผูกกับบ้านของเธอเอง
เธอเดินเข้าไป หยุดที่ชั้น “บัญชีเก่า” นิ้วไล้ขอบกล่องทีละใบ ฝุ่นติดปลายนิ้ว เธอดึงกล่องปีที่ตรงกับปีบ้านเริ่มมีปัญหา ยกลงมาวางบนโต๊ะ ใช้มีดกระดาษกรีดเทปที่แข็งจนกรอบ “กร๊อบ” แผ่ว ๆ
ข้างในเต็มไปด้วยแฟ้มสันหนาหลายสี เธอเปิดแฟ้มแรก เป็นสรุปค่าใช้จ่ายฝ่ายก่อสร้าง มีลายเซ็นหัวหน้าในตอนนั้น ไม่ใช่ที่หา เธอเปลี่ยนแฟ้ม สีฟ้าอ่อน รายชื่อผู้รับเหมาช่วงยาวเต็มหน้า เบอร์โทรที่คงใช้ไม่ได้แล้ว ชื่อบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่คุ้น
แฟ้มต่อไป ปกเขียนว่า “บันทึกหนี้ค้างจ่ายและการไกล่เกลี่ย” ตัวอักษรเล็กเรียบ เธอใจเต้นแรงขึ้นนิด มืออุ่นขึ้นทันที เธอนั่ง เปิดช้า ๆ ไล่ดูรายการ ชื่อบริษัทเล็ก ชื่อบุคคล คนกลาง ทนาย คำว่า “ผ่อน” “ยืดเวลา” “ยึดคืน” โผล่ทีละช่วง
เธอพลิกไปอีกหน้า มุมล่างขวามี “หน้าแนบ” หนีบด้วยคลิปสนิมคล้ำ เธอดึงเบา ๆ คลิปจะหักแต่ไม่หัก เธอค่อย ๆ คลี่หน้าเอกสาร
บรรทัดที่สองมีชื่อ…ชื่อที่คุ้นจนเจ็บ ชื่อพ่อของเธอ อยู่ช่อง “ผู้ถือหนี้ร่วม” คู่กับชื่อบริษัทรับเหมาช่วงที่ไม่เคยได้ยิน
ลินานิ่ง หายใจไม่ทั่วท้องสักพัก หัวใจเต้นดังขึ้น แต่เสียงรอบตัวกลับหายเหมือนช้าลง เธอแตะตัวหนังสือเบา ๆ กลัวมันเลือนหายต่อหน้า
“ทำไมชื่อพ่ออยู่ตรงนี้” คำถามผุดในหัว ไม่ใช่สงสัยธรรมดา แต่มาพร้อมภาพเก่า คืนไฟดับทั้งบ้าน แม่บอก “ไม่เป็นไร” โทรศัพท์ดังถี่ พ่อเงียบกว่าปกติ เช้าอีกวัน มีผู้ชายสองคนมาเคาะประตู พูดคำที่ตอนนั้นไม่เข้าใจ “ยึด” “ชำระ” “ขาดนัด” วันนี้พอเห็นเอกสาร พวกคำแข็ง ๆ กลายเป็นแผล
เธอสูดลมยาว ดึงสติกลับ หยิบปากกาจะจด แล้วชะงัก ที่นี่ไม่ใช่โต๊ะเธอ ไม่ใช่สมุดเธอ ในห้องมีตาไม่เห็นกับปากไม่เห็น เธอเก็บปากกา วางมือบนกระดาษแทน หัวแม่มือแตะขอบเหมือนยึด
เสียงฝีเท้าแผ่ว ๆ ดังมาจากประตู ก้าวละนิด เธอได้ยินแต่ไม่หัน พยายามอ่านต่อ แต่สายตาพร่า
“กำลังหาว่าใครทำบ้านเธอพัง?” เสียงทุ้มคุ้นดังเรียบด้านหลัง
มือเธอหยุดกลางหน้าเอกสาร เธอกัดริมฝีปาก ดึงหน้าให้เรียบ กลั้นลมหายใจครั้งหนึ่ง ก่อนค่อยหัน
คิมหันพิงขอบประตู เหมือนยืนอยู่นานแล้วแต่เธอเพิ่งรู้ เขาใส่เสื้อเชิ้ตเรียบ แขนเสื้อพับสองทบ เห็นเส้นเลือดที่ท่อนแขน ไฟเพดานทำให้หน้าอีกฝั่งอยู่ในแสง อีกฝั่งอยู่ในเงา สายตานิ่ง ไม่ยิ้ม ไม่ตำหนิ ไม่ซ้ำคำถาม
ลินากลืนลม “ทำงานค่ะ” เธอตอบสั้น เสียงไม่สั่น
“งานไหน” เขาถามช้า ๆ
“ตรวจเอกสารเก่า เทียบค่าเริ่มต้นค่ะ” เธอชี้แฟ้ม “ดูว่าตอนนั้นทำวิธีไหน วันนี้จะได้ไม่ผิดซ้ำ”
เขามองหน้าเธอแวบเดียว กวาดสายตามาที่หน้าแฟ้ม แล้วกลับไปที่มือเธอที่ยังวางแนบบนหน้า เขาไม่รีบเดินเข้ามา ยังคงพิงเหมือนรอฟังคำสารภาพ แต่เธอไม่สารภาพ
ห้องเงียบ มีแต่เสียงแอร์เก่า ๆ ดังสม่ำเสมอ กลิ่นฝุ่นยังเต็มห้อง
เขาดันตัวจากประตู เดินเข้ามาช้า ๆ เท้าแทบไม่ส่งเสียง แต่เงากลับทอดยาวไปถึงโต๊ะ เงานั้นลาดผ่านมือเธอเสี้ยววินาที หัวใจเธอสะดุดเหมือนเหยียบพื้นต่างระดับ เธอไม่ปิดแฟ้ม ไม่เปิดต่อ รอให้เขาหยุดเอง
เขาหยุดข้างโต๊ะ ระยะพอได้ยินเสียงหายใจ เธอไม่สบตานาน แต่ก็ไม่ก้มจนผิดปกติ เขาโน้มตัวเล็กน้อย สายตาตกที่บรรทัดเดียวกับที่เธอหยุด ชื่อพ่อในช่อง “ผู้ถือหนี้ร่วม”
“ชื่อคุ้น” เขาว่าเบา ๆ เหมือนพูดลอยๆ
“ค่ะ” เธอตอบสั้น ตาลดต่ำลงอีก
เขานิ่ง แล้วขยับเดินอ้อมไปอีกด้าน วางมือบนพนักเก้าอี้ มือเขาเกือบแตะไหล่ แต่ไม่แตะ ใกล้พอให้รู้สึกถึงความอุ่นที่ไม่แตะจริง ๆ กลิ่นเสื้อเขาเบา ๆ สะอาดคุ้นจมูก
“คนที่ชื่ออยู่นี่ ไม่ใช่คนสั่ง” เขาพูดช้า “ส่วนใหญ่โดนบังคับให้ถือเพราะไม่มีทางเลือก หรือเพราะเชื่อผิดคน”
ลินาบีบนิ้วแน่นขึ้น เธอยังเงียบ กลัวว่าถ้าพูดไปทุกอย่างจะออกมาเอง เธอเลือกให้คำของเขาวางอยู่บนโต๊ะแทน
เขายกมุมปากนิดเดียว “เก็บสีหน้าเก่งขึ้น”
เธอเม้มปาก “ฉันทำงานค่ะ”
เขาตรงไปตรงมา “ฉันถามอีกครั้ง กำลังหาว่าใครทำบ้านเธอพัง?”
ลินาหายใจเข้าออก แล้วตอบคำเดิม “ทำงานค่ะ” คราวนี้ตรงและคมกว่า
ดวงตาเขานิ่งแต่ลึก เขาเอนหลังนิดเดียว แล้วเอ่ยประโยคสั้น ๆ ที่เฉียบเหมือนมีด “อย่าให้ใครเห็นว่าเธอสนใจแฟ้มนี้ นอกจากฉัน”
หัวใจเธอกระตุกแรง เธอเงยขึ้นสบตาเพียงวินาที ก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น นี่คือกรอบ นี่คือเชือกที่รูดคาดเอวไว้ ให้เดินได้แต่ห้ามวิ่ง
“ทำไมคะ” คำถามหลุดเบา ๆ เธอไม่ได้ท้าแค่อยากรู้
“เพราะแฟ้มแบบนี้ ไม่ใช่แค่กระดาษ” เขาว่าเรียบ “มันคือเชือกของใครบางคน จับผิดมือก็โดนบาด ปล่อยผิดจังหวะก็ตก”
ภาพเชือกขึ้นในหัว จับผิดก็เลือดซิบ ปล่อยพลาดก็ร่วง เธอกลืนน้ำลายในห้องเงียบ ๆ
เขาใช้นิ้วแตะขอบแฟ้ม ปิดหน้าแนบช้า ๆ เสียงกระดาษเสียดกันแผ่ว ๆ หยิบคลิปสนิม หนีบคืนอย่างระวัง ทุกอย่างกลับเหมือนไม่เคยเปิด
“คนในเงายังเดินอยู่ในตึกนี้” เขาพูดต่อ “เธอเห็นรอยแล้ว แค่นี้พวกนั้นก็เริ่มดมกลิ่น”
ภาพเงาที่ไซต์เมื่อคืนผุดขึ้น ขนลุกตั้งแต่ต้นคอถึงท้ายทอย เธอนึกถึงกระจกห้องรีวิวที่ชอบยืนมอง นึกถึงทางเดินแคบ ๆ ที่ชอบใช้ นึกถึงลิฟต์แก้วกลิ่นโลหะ เธอเริ่มเข้าใจว่าเงาไม่ใช่เรื่องคิดไปเอง
“แล้วฉันควรทำยังไงคะ”
“ทำงาน” เขาตอบคำเดียว แต่น้ำหนักต่างจากเมื่อครู่ “ทำให้ดี ทำให้มากพอจนทั้งชั้นเห็นว่าควรปกป้อง จากนั้นค่อยขยับเชือกทีละนิด โดยไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังจับผิด”
เธอนิ่งแล้วพยักหน้า “ค่ะ”
เขาถอยก้าวหนึ่ง มองชั้นเอกสาร “กล่องพวกนี้ คนคิดว่าเป็นกระดาษ แต่จริง ๆ คือแผนที่เมืองนี้ทั้งเมือง ความโลภ ความกลัว ความหวัง ความพัง เธออยากเดินในแผนที่ ฉันให้เดิน แต่ต้องเดินในเงาของฉัน”
คำว่า “เงาของฉัน” ทำให้เธอหยุดหายใจเสี้ยววินาที ไม่แน่ใจว่าอึดอัดหรือโล่ง เธอเอนพิงพนักเก้าอี้ เอามือวางบนตัก ไม่แตะแฟ้มอีก
เขาบอกเหมือนสอนผูกเชือก “คืนนี้กลับทางเดิม อย่าเปลี่ยนเส้น อย่าหยุด ใครเรียกอย่าหัน”
“ค่ะ”
เขาไปพิงประตูอีกครั้ง แต่สายตาคมขึ้น เงียบขึ้น ใกล้ขึ้น ทั้งที่ระยะเท่าเดิม
“เธอไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาพูดช้า “จำไว้ ถ้าจะมองหาใครในเงา ให้มองผ่านฉัน อย่ามองตรง เธอจะได้ไม่โดนมองกลับ”
เธออาจไม่เข้าใจหมด แต่จับแก่นได้ อย่าทำให้เด่น อย่าชี้ตรง อย่าแสดงตื่นเต้น อย่าให้กลิ่นเป้าหมายลอยจากตัว เธอสูดลม แล้วพยักหน้า
“เก็บแฟ้มได้ไหมคะ”
“เก็บที่เดิม” เขาตอบ “แล้วเช็ดฝุ่นมือก่อนออก เผื่อมีใครถาม จะได้ตอบได้ว่า ‘ช่วยจัด’ ให้เขาเห็นว่ามือสะอาด”
เธอจัดเอกสาร หนีบคลิป ปิดแฟ้ม ใส่กล่อง เทปกดแน่น หยิบผ้าแห้งเช็ดนิ้วช้า ๆ ฝุ่นจาง เหลือผิวแดงนิด ๆ จากแรงกด
เขาเลื่อนตัวพ้นกรอบ เปิดทางให้เธอออกก่อน เธอเดินผ่าน ระยะใกล้พอเห็นเส้นผมข้างขมับ และได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง เธอก้าวสู่ทางเดินแคบ ไฟเพดานกะพริบครั้งหนึ่งแล้วนิ่ง ลมเย็นวูบผ่านข้อเท้า เหมือนมีใครเพิ่งเดิน ทั้งที่ไม่มีใคร
“ปิดไฟ” เขาบอก เธอกดสวิตช์ ห้องดับ เงามืดพุ่งเข้าหาทันที ประตูปิด “แกร๊ก” ชัด ๆ
พวกเขาเดินเงียบ ๆ ไม่มีคำเพิ่ม เสียงรองเท้ากระทบพื้นเข้าจังหวะแบบบังเอิญ เธอเผลอปรับก้าวให้ตรงกับเขา ถึงมุมแยกไปลิฟต์ เขาหยุด
“พรุ่งนี้เข้ารีวิวปกติ” เขาบอกเรียบ “ถ้าใครถามว่าเย็นนี้ทำอะไร บอกว่าเคลียร์แฟ้มฝุ่น” เขาย้ำคำว่า “ฝุ่น” ชัด ๆ
“ค่ะ”
“ดี” เขาพยักหน้า แล้วแยกไปอีกทาง เธอมองแผ่นหลังในเงาที่ยืดยาวจนลับ ก่อนถอนใจยาวครั้งแรกหลังเข้าห้องเอกสาร
ระหว่างรอลิฟต์ เธอมองเงาตัวเองบนกระจก เงายาว ผูกผมหางม้า หน้าผากโล่ง ดวงตาเข้มกว่าตอนเช้า แต่ยังมีอะไรสั่นอยู่ ไม่ใช่กล้าล้วน เป็นเชือกที่ตึงพอดี
ลิฟต์เปิด เธอเข้าไปคนเดียว กลิ่นโลหะในลิฟต์แก้วพาใจย้อนถึงคำในห้อง “เชือกของใครบางคน” ภาพชื่อพ่อบนหน้าเอกสารซ้อนกับกระจก เธอกำมือในกระเป๋า กดความสั่นอีกระลอก
ลิฟต์เลื่อนลง เมืองนอกกระจกสว่างเป็นจุด ๆ เหมือนดาวตกลงดิน เธอกะพริบตาช้า ๆ มองเลขลดลงทีละชั้น ถึงล็อบบี้สว่าง เธอไหว้ยาม เดินออกสู่ลมเย็น กลิ่นฝนลอยมา แต่ฟ้ายังไม่มืด เธอทำตามที่บอก ไม่เปลี่ยนเส้นทาง ไม่หยุด ไม่แวะ ใครเรียกไม่หัน เดินตรงไปสถานีเหมือนทุกวัน
ระหว่างทาง เธอเหมือนถูกมองจากด้านหลัง เธอไม่หัน เงาเธอยาวซ้อนกับเงาเสาไฟ เงาอื่นตัดผ่านบ้าง หยุดบ้าง แต่ไม่มีใครเข้ามาใกล้ เธอเดินตามเส้นนั้นจนถึงบันไดสถานี
บนรถไฟ คนเงียบ จ้องจอกัน เสียงประกาศชัด เธอจับราวนิ่ง มือไม่สั่นแล้ว เธอเปิดโทรศัพท์ ข้อความเพื่อน “ถึงยัง เล่าเรื่องงานหน่อย” เธอตอบ “ถึงแล้ว พรุ่งนี้โทรหา” แล้วปิดจอ เก็บใส่กระเป๋า
ถึงห้อง เธอเปิดไฟหัวเตียง เธอถอดรองเท้า วางกระเป๋า ล้างหน้า เสียงน้ำไหลช่วยให้ใจเข้าที่ เธอนั่งโต๊ะ หยิบสมุด เปิดหน้าใหม่ ปากกาแตะเบา ๆ
⟡ หลังเลิกงาน ไปห้องเอกสารเก่า
⟡ กลิ่นฝุ่นแรง ต้องหายใจช้า
⟡ เจอแฟ้ม “หนี้ค้างและไกล่เกลี่ย”
⟡ หน้าแนบมีชื่อพ่อ
มือเธอหยุด กลืนน้ำลาย แล้วเขียนต่อ
⟡ เขาพิงประตูอยู่ก่อน
⟡ “กำลังหาว่าใครทำบ้านเธอพัง?”
⟡ ฉันตอบ “ทำงานค่ะ”
⟡ เขาเข้ามาใกล้ ใจสะดุด
⟡ “อย่าให้ใครเห็นว่าเธอสนใจแฟ้มนี้ นอกจากฉัน”
เธอขีดเส้นใต้บรรทัดสุดท้ายสองครั้ง หนักพอไม่ให้กระดาษฉีก แล้ววางปากกาเงียบ ๆ
เธอไปที่หน้าต่าง เปิดให้ลมเข้า กลิ่นฝนชัด เม็ดแรกกระทบขอบระเบียงเบา ๆ เธอยืนมองฝนแรกที่ค่อย ๆ หล่น ไม่หนัก ไม่เบา เหมือนคำของเขา เดินในเงา ไม่มาก ไม่น้อย
ความจริงที่ตามหายื่นมือมาให้จับนิดหน่อย ยังไม่ทั้งหมด เธอเพิ่งแตะขอบได้ ยังไม่รู้ว่าช่วงกลางเป็นอะไร ใจเต้นอีกนิด แต่ไม่สับสน เธอรู้ว่าทางไม่เรียบ จะมีโค้ง หลุม หิน และคนในเงาคอยดัก เธอกลัวอยู่ แต่ยังอยากเดิน
เธอปิดหน้าต่าง กลับมาที่โต๊ะ เติมท้ายหน้า
⟡ ทางนี้ยาว ฉันจะไม่วิ่ง ฉันจะเดิน
⟡ ทำงานให้แน่น แล้วดึงเชือกทีละนิ้ว
⟡ ถ้าหนักเกินมือ จะผ่อน แต่ไม่เลิก
เธออ่านบันทึกตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำเสียงเรียบตามตั้งใจ ปิดสมุด วางข้างหมอนเหมือนทุกคืน เอื้อมปิดไฟใหญ่ เหลือไฟหัวเตียง
ก่อนล้มตัว เธอหยิบสายบัตรขึ้นมาดู แสงไฟสะท้อนแผ่นใส มุมหนึ่งเป็นรอยขีดเล็ก ๆ จากคืนที่ลงไซต์ เธอยิ้มให้รอยนั้น มันไม่สวย เหมือนวันนี้ที่จับกระดาษเก่ามีกลิ่นฝุ่น ไม่สวย แต่จริง 😊
เธอนอนตะแคง ดึงผ้าห่มขึ้นถึงอก หลับตา หายใจช้า ระหว่างที่ความง่วงกำลังดึง เธอได้ยินเสียงเขาในหัวอีกครั้ง “อย่าให้ใครเห็นว่าเธอสนใจแฟ้มนี้ นอกจากฉัน” คำสั้น ๆ กลายเป็นเชือกเส้นใหม่ที่พยุง ไม่ใช่ผูกมัด
เธอพึมพำ “รับทราบ” แล้วปล่อยปิดตาลงพร้อมฝนที่เริ่มแรงขึ้น ข้างนอกเหมือนมีสายตาจากไหนสักแห่งยังเฝ้ามอง ไม่ใช่เกลียด เป็นสายตาของคนในเงา รอจังหวะของตัวเอง 🌧️
ลินารู้แล้วว่า เมืองนี้ คนที่ยืนกลางไฟไม่ใช่ทุกคนที่มีอำนาจ หลายคนในเงาต่างหาก เธอต้องเรียนรู้เงาให้พอ
🌙 คืนนั้น
เธอไม่ฝันหวาน ไม่ฝันร้าย เธอฝันเห็นห้องเอกสารกล่องนับไม่ถ้วน และเงาของใครบางคนพิงประตู พูดเบามากเหมือนลม “อยู่ในเงา…แล้วค่อยเดิน”
ฝนข้างนอกตกหนัก ลินาหลับแต่ใจยังเต้น เป็นจังหวะที่เธอเริ่มฟังรู้เรื่องแล้ว ว่าอะไรคือกลัว อะไรคือกล้า และอะไรคือสายใยระหว่างเธอกับความจริง สายใยที่ยังไม่ตั้งชื่อ แต่แน่นขึ้นทุกนาที ❤️🔥
͘ ☆ ⁺◦ 𓂋 ꒰ ꗭ ꒱ 𖠋 ꕀ .* ♥︎₊˚⟢⊹