ปึง…
ฉันละสายตาจากเม็ดฝนด้านนอกระเบียงกลับมามองประตูกระจกซึ่งมีผ้าม่านกั้นอยู่ เสียงประตูห้องเมื่อครู่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาคนนั้นคงจะกลับไปแล้ว ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับเข้ามาภายในห้องแสนเงียบงันอีกครั้ง
แม้ว่าพันไมล์จะจากไปแล้ว แต่ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างยังคงอบอวลราวกับว่าเขายังคงมีตัวตนอยู่ตรงนี้ ยังคงอยู่ในห้องนี้กับฉัน…
ฉันหยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่แปะอยู่บนแจกันมาอ่าน ลายมือหวัด ๆ สไตล์ผู้ชายเอาแต่ใจฉันจำมันได้ไม่เคยลืม ยิ่งได้อ่านข้อความนั่นหัวใจฉันก็พลันเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
‘เรื่องหัวข้อวิจัย เฮียยินดีจะช่วยทุกอย่าง พร้อมเมื่อไหร่เข้าไปที่ร้านได้เลยนะ’
เขายินดีจริง ๆ น่ะเหรอ… พันไมล์น่ะ… ยินดีที่จะพบเจอกับฉันอีกจริง ๆ ใช่ไหม…
.
.
.
หลายวันต่อมา
‘ร้านอาหารพงษ์นารายณ์’
ฉันเงยหน้าอ่านป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่ซึ่งเขียนเป็นภาษาจีนและภาษาไทยประดับอยู่เหนือทางเข้า ร้านอาหารแห่งนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่พอสมควรแถมยังมีชื่อเสียงมากในย่านนี้ ลูกค้าจึงพลุกพล่านเป็นพิเศษโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โชคดีที่วันนี้เป็นวันธรรมดาผู้คนจึงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ จองไว้กี่ท่านคะ” เสียงทักทายภาษาจีนจากพนักงานต้อนรับเรียกสายตาจากฉันให้หันกลับมามอง เมื่อเราสบตากัน ใบหน้าสวยหวานฉีกยิ้มกว้าง สองตากลมโตวาววับขึ้นมาทันที “เจ้ไกอา!”
ฉันขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะจ้องมองใบหน้าสวยหวานแสนคุ้นเคย ก่อนจะเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อจำเธอคนนี้ขึ้นมาได้ “จันจิเหรอ?”
“ใช่! จันเอง โอ๊ยคิดถึงเจ้จังเลย”
จันจิ เด็กสาววัยมัธยมปลายที่ฉันเคยพบเมื่อหลายปีก่อน เวลานี้เธอโตเป็นสาวแล้ว แถมยังน่ารักขึ้นมากเลยด้วย ฉันเกือบจำไม่ได้เลยล่ะ ฉันรู้จักกับจันจิเพราะเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของพันเก้า เมื่อก่อนจันจิชอบแวะมาเที่ยวบ้านพันเก้าบ่อย ๆ ฉันจึงพลอยสนิทกับเธอไปด้วย
“เป็นยังไงบ้าง แล้วนี่…” ฉันชะงักคำถามเมื่อมองเข้าไปในร้านอาหาร ก่อนจะดึงสายตากลับมามองจันจิอีกครั้ง ร่างบางกำลังอยู่ในชุดกี่เพ้าแสนสวยซึ่งเดาได้ไม่ยากเลยจากชุดของพนักงานคนอื่นที่คล้ายกับเธอ “อย่าบอกนะว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่?”
“ใช่แล้วเจ้ จันย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เรียนจบมอปลายแล้ว เตี่ยเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่คนเดียวก็เลยส่งจันมาอยู่กับเฮียไมล์ หรือพูดให้ถูกคือส่งจันมาให้เฮียไมล์ควบคุมนั่นแหละ” จันจิทำหน้าง้ำงอประกอบคำพูด ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มแป้นแล้นเหมือนเดิม “ว่าแต่เจ้ไกอาเถอะ หายไปไหนมาตั้งหลายปี จันไม่ค่อยได้เจอเจ้เลยนะ เจ้เก้าบอกว่าเจ้มาเรียนที่ฮ่องกงเหมือนกัน แต่ทำไมไม่เห็นเจ้แวะมาที่นี่บ้างเลย”
ฉันยิ้มอย่างไม่รู้จะตอบคำถามยาวเหยียดของจันจิยังไง ซึ่งเป็นจังหวะที่ใครอีกคนกำลังเดินออกมาจากในร้านอาหารพอดี เธอคนนั้นชะงักเล็กน้อยพลางมองหน้าฉันด้วยแววตาประหลาดใจ ก่อนร่างบางในชุดกี่เพ้าสง่างามจะเดินเข้ามาหาเราสองคนด้วยรอยยิ้มที่แสนเป็นมิตร
“ไกอาใช่ไหม… ดีจังเลยที่ได้พบกันอีก”
“สวัสดีค่ะเจ้เหมย” ฉันพนมมือไหว้เหมยหลินตามศักดิ์ของคนที่อายุน้อยกว่า เธอรับไหว้ฉันด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาจันจิซึ่งกำลังยืนมองพวกเราด้วยสีหน้างุนงงแปลก ๆ
“ทั้งสองคนรู้จักกันอยู่แล้วสินะ แล้วทำไมไม่พาไกอาเข้าไปในร้านละยัยจัน น่าตีจริงเชียวเด็กคนนี้” เหมยหลินทำเสียงดุใส่จันจิด้วยสีหน้าเอ็นดู
“อุ๊ย ขอโทษค่ะเจ้เหมย จันมัวแต่ดีใจมากไปหน่อยที่เจอเจ้ไกอา ดูสิ ยืนคุยเพลินเลย แฮ่ ๆ” จันจิเกาหัวพลางยิ้มแป้น
“ไปเถอะจ้ะ เข้าไปด้านในกันเถอะ” เหมยหลินเชื้อเชิญฉันเข้ามาด้านในร้านอาหารที่ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต บรรยากาศภายในร้านยังคงเหมือนเดิม กลิ่นอายของความเป็นไทย-จีนผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้รู้สึกคิดถึงเมืองไทยอย่างบอกไม่ถูก
เหมยหลินพาฉันมานั่งลงที่โต๊ะริมระเบียงซึ่งมองเห็นบรรยากาศรอบร้านได้อย่างชัดเจน เธอหันไปสั่งบางอย่างกับจันจิก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฉัน จันจิยิ้มรับแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ฉันมองตามด้วยความสงสัย แต่ก็เก็บไว้ในใจไม่ได้เอ่ยถามออกไป
“ไมล์บอกเจ้เรื่องที่ไกอาจะเข้ามาทำวิจัยที่ร้านแล้วนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกเจ้ได้เสมอเลย เจ้ยินดีช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณนะคะ ฉันคงใช้เวลาในการเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ จากทางร้านประมาณเดือนหนึ่งค่ะ นอกนั้นก็แค่ทำรายงานอย่างเดียว คงรบกวนทางร้านไม่นานค่ะ” ฉันตอบอย่างเป็นงานเป็นการ เพราะไม่อยากรบกวนทางร้านนานนัก อีกอย่างการเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ มันก็ค่อนข้างหนักหนาพอสมควร อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ จึงต้องแจ้งกับทางร้านเอาไว้ก่อน
“รบกวนอะไรกัน ที่นี่เป็นร้านอาหารของไมล์นะ ไม่ต้องกังวลเลย พวกเราทุกคนยินดีต้อนรับจ้ะ อีกอย่างไกอาก็เป็นเหมือนน้องสาวของไมล์กับเจ้นะ ยิ่งไม่ต้องคิดมากเลยจ้ะ” เหมยหลินพูดและยิ้มให้ฉันอย่างใจดี สีหน้าและแววตาของเธอดูหวังดีกับฉันมากจริง ๆ
แต่น่าแปลก… หัวใจฉันมันกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมาดื้อ ๆ
“อ้าวไมล์ มาพอดีเลย” คำทักทายของเหมยหลินกระตุกหัวใจฉันเล็กน้อย ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ก็พบกับสายตาคมเข้มกำลังมองตรงมา ด้านข้างเขามีจันจิยืนส่งยิ้มมาให้ แสดงว่าเมื่อครู่นี้เหมยหลินบอกให้จันจิไปตามพันไมล์มาสินะ
“สวัสดีค่ะเฮียไมล์” ฉันเป็นฝ่ายพนมมือไหว้พันไมล์ ซึ่งโดยปกติฉันไม่ค่อยทำ ทว่าร่างสูงกลับเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่รับไหว้ฉัน แถมยังไม่ยอมละสายตาไปจากฉันเลยด้วย
ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย… ทำไมพันไมล์ต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นต่อหน้าผู้หญิงของเขาด้วย เขากำลังสร้างความลำบากใจให้กับฉันอยู่นะ
นี่ฉันตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่มาที่นี่