หากตอนนี้ข้อพรได้หนึ่งข้อ… ฉันจะขอให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้
ทำไมกันนะ… ทำไมคนที่มาเห็นความน่าสมเพชของฉันถึงเป็นผู้ชายคนนี้ ทำไมต้องเป็นเขาด้วย ทำไมต้องเป็น…
“เฮียไมล์”
“ตอบเฮียมา ใครทำร้ายเธอ ใครทำกับเธอแบบนี้”
ร่างสูงหยุดยืนตรงหน้าฉัน ดวงตามังกรดุดันหลุบต่ำ สีหน้าเรียบนิ่งเย็นชาจนน่ากลัว เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ฉันได้มองเขาใกล้ ๆ แบบนี้ พันไมล์ไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งหน้าตาที่หล่อเหลาและแววตาน่าหลงใหล เขายังดูดีไม่เคยเปลี่ยน ไม่สิ… ต้องบอกว่าเขาดูดีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น… ฉันควรจะหาข้อแก้ตัวเกี่ยวกับร่องรอยพวกนี้ก่อน ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้ไปถึงหูเฮียนำทัพกับพันเก้าแน่ ๆ ไม่มีทางเด็ดขาด
“ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ” ฉันหลุบสายตาต่ำพลางสวมเสื้อโค้ชปิดทับ พันไมล์จ้องมองกันนิ่ง ๆ แววตาเขาไม่เชื่อฉัน แต่เขาไม่พูดอะไร นั่นยิ่งทำให้ฉันอึดอัด
ไม่ชอบเลย… การต้องถูกผู้ชายคนนี้จับจ้องน่ะ
“ฉันขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะ คงใกล้เวลาเป่าเค้กแล้ว” ลุกขึ้นยืนเสร็จก็ทำท่าจะเดินหนีพันไมล์ออกมา หากทว่ายังไม่ทันจะเดินผ่านหน้าเขาไปกลับต้องร้องออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกมือหนาคว้าจับข้อมือข้างที่มีรอยช้ำเต็มแรง “โอ๊ย…”
“…” ดวงตามังกรวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะคลายมือออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย เขาหลุบตามองแขนฉันนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด ฉันรู้สึกหวาดหวั่นกลับท่าทางนิ่ง ๆ ของพันไมล์มาก หากจะพูดว่าฉันรู้จักจินหลงดี สำหรับผู้ชายคนนี้ฉันก็รู้จักเขาดีไม่แพ้กัน
“อย่านะเฮีย… อย่ามาสนใจอะไรฉันเลย”
“ทำไม” น้ำเสียงเย็น ๆ ถามกลับ แววตากดดันเอาคำตอบ
“มันไม่มีอะไร… จริง ๆ นะ”
พันไมล์เงียบไปอีกแล้ว เขากำลังประเมินคำพูดฉัน และแน่นอนว่าเขาไม่เชื่อ “ถอดเสื้อออก”
“ฮะ เฮีย” หัวใจฉันหล่นวูบตอนเขาสั่ง มือข้างหนึ่งคว้ากระชับเสื้อโค้ชตัวเองด้วยความหวาดหวั่นทันที
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องกลัว”
“ฉันไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากถอด” ฉันปฏิเสธ อยากจะดึงข้อมือออกจากมือหนา แต่เพราะรอยช้ำมันยังเจ็บอยู่จึงทำได้แค่ยืนนิ่ง ๆ ไม่อยากแสดงอาการอะไรออกไปมากกว่านี้
“ก็ได้” เขารับคำง่าย ๆ ทำให้ฉันอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ “งั้นเฮียถอดให้เอง”
“อ๊ะ… ยะ อย่านะ!” ร่างกายฉันถูกมือหนาตรึงไหล่ก่อนเขาจะใช้มืออีกข้างรั้งเสื้อโค้ชถอดออกจากแขน ฉันพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก แต่ทำอะไรได้ไม่มากนักเพราะความเจ็บปวดจากรอยช้ำมันทำร้ายกันอยู่ จะส่งเสียงห้ามก็กลัวคนนอกบ้านจะได้ยิน เพราะห้องนั่งเล่นนี่อยู่ไม่ไกลจากสวนนัก สุดท้ายต้องยอมปล่อยให้เขาปลดเสื้อโค้ชออกจากร่างกายในที่สุด
“…” พันไมล์เงียบไปเมื่อเห็นร่องรอยช้ำ ๆ บนต้นแขนและข้อมือของฉัน ดวงตามังกรดุดันไปด้วยเพลิงไฟ ริมฝีปากหนาเม้มแน่น เขากำลังโกรธมาก เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่อยากให้เขาเห็นไง
“พอใจเฮียหรือยัง ฉันขอเสื้อคืนด้วย” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น รู้สึกสมเพชตัวเองสุด ๆ เสื้อโค้ชถูกดึงกลับมาสวมเหมือนเดิม น้ำตาที่เหือดหายไปกลับรื้นขึ้นมาอีกแล้ว
บ้าจริง… อย่าร้องไห้นะไกอา อย่ามาทำสำออยต่อหน้าเขาตอนนี้ แค่นี้แกมันก็น่าสมเพชจะตายอยู่แล้ว
“ใครทำ”
“ไม่มี…”
“เฮียจะถามอีกครั้ง ใครทำร้ายเธอ ไกอา!” เสียงเข้มขัดจังหวะคำปฏิเสธของฉัน พันไมล์กำหมัดแน่นอย่างเก็บกดอารมณ์สุด ๆ ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ทำไมเขาต้องมาสนใจฉันด้วยนะ ทำไมกัน…
“ใครจะทำก็ช่าง เฮียไม่ต้องมาสนใจได้ไหม ฉันจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมอง ไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูดคุย อย่างที่เราเคยเป็นนั่นแหละดีแล้ว” ฉันก้มหน้าพูดไปตามความรู้สึก ที่พูด… ไม่ใช่คำประชด ไม่ใช่เพราะน้อยใจ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ฉันแค่ต้องการให้พันไมล์ทำอย่างนั้นจริง ๆ
“ไม่อยากให้สนใจก็อย่าทำให้เป็นห่วงสิ”
“…” ฉันชะงักนิ่งกับคำพูดตรง ๆ ของผู้ชายตรงหน้า แม้มันจะแผ่วเบามาก แต่มันดังก้องกังวานไปทั่วหัวใจฉัน
พันไมล์เป็นห่วงฉันเหรอ… เขาพูดแบบนั้นทำไม
“ไม่อยากให้มองก็อย่ามาให้เห็น”
“…”
“ไม่อยากคุยด้วยก็อย่าสบตาสิ”
“…” อ่า… ทำไมหัวใจฉันเต้นแรงขนาดนี้ มันเต้นแรงจนเจ็บหน่วงไปหมดแล้ว
“เพราะถ้าเธอทำไม่ได้ เฮียก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
ฉันผิดเองสินะ… ผิดที่มาพบกับเขาวันนี้ ทั้งที่ผ่านมาฉันพยายามเลี่ยงที่จะพบกับเขามาตลอด ทุกครั้งที่รู้ข่าวว่าพันไมล์จะกลับมา ฉันก็จะเป็นฝ่ายหายไป ขนาดฉันไปเรียนต่อที่ฮ่องกง ฉันยังเลือกไปอยู่คนละเขตกับเขาเลย เพราะกลัวว่าวันหนึ่งโลกแคบ ๆ ใบนี้จะเหวี่ยงให้เราสองคนกลับมาพบกันอีก
เหมือนเช่นตอนนี้…