[การกลับมา]
.
.
.
ปัจจุบัน
“ไมล์ เหม่ออะไรอยู่เหรอ ถึงบ้านแล้วนะ”
ห้วงความคิดของผมหยุดชะงักลงพร้อมกับใบหน้าสวยของ ‘เหมยหลิน’ ยื่นเข้ามาใกล้ ดวงตาสวยจ้องมองด้วยความสงสัย สองคิ้วเลิกสูงเล็กน้อย ผมจ้องหน้าเธอชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างรถซึ่งจอดสนิทอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แสนคุ้นตา บ้านที่ผมไม่ได้กลับมาร่วมปี
“อ้อ ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อย”
“จริงเหรอ เดี๋ยวนี้ไมล์เหม่อบ่อย ๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า” ฝ่ามือเล็กทาบลงบนหน้าผากผม สีหน้าเหมยหลินบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังเป็นห่วงผมมาก เธอมักจะน่ารักแบบนี้เสมอ ทั้งดูแลและเอาใจใส่ผมตลอดเวลาจริง ๆ
“สงสัยจะเป็นไข้ใจมั้ง”
“แหวะ เสี่ยวอีกแล้วนะไมล์” เหมยหลินเบะปากใส่ผมเบา ๆ เธอหันไปเปิดประตูลงจากรถ ผมก็เช่นกัน เราสองคนลงมายืนอยู่บนถนนหน้าทางเข้าบ้านซึ่งปกติในเวลายามเย็นแบบนี้จะพลุ่งพล่านไปด้วยเจ้าตัวแสบ น่าแปลกที่ครั้งนี้กลับเงียบสงบผิดปกติ
“ทำไมบ้านเงียบแบบนี้นะ” ผมว่าขณะก้าวเท้าขึ้นบันไดหินอ่อน เหมยหลินเดินตามพลางมองซ้ายมองขวาอย่างนึกสงสัยเหมือนกัน
“นั่นสิ หรือจะไปอยู่ที่สวนกันหมดนะ…”
“อ้าวเฮีย! มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เสียงทักสดใสจากด้านหลังเรียกสายตาของเราสองคนให้หันกลับไปมองในทันที ร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมรอยยิ้มกว้าง ข้างกายของเธอจับจูงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มวัยสามขวบเข้ามาด้วย ทำหัวใจของผมพองโตขึ้นมาเลย
“นั่นพริบพราวเหรอ… ไหนขอลุงกอดหน่อยสิคะ” ผมย่อตัวลงเพื่อขอกอดหลานสาวสุดรักที่ไม่ได้พบกันเกือบปี ล่าสุดที่พบกันพริบพราวยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ตอนเล็กว่าน่ารักแล้ว โตมาช่างน่ารักน่ากอดยิ่งกว่าเดิมอีก
‘พันเก้า’ ยืนกอดอกมองผมกอดลูกสาวของเธอยิ้ม ๆ ก่อนจะแซวขึ้น “แหมเฮีย มาถึงก็ขอกอดหลานก่อนเลยนะ ไม่คิดจะกอดน้องสาวก่อนบ้างเลยเหรอ ไม่เจอกันเป็นปี ๆ เนี่ย ความคิดถึงไม่มีเลยใช่มะ”
“ทำไม อิจฉาลูกเหรอหมวย?” ผมอุ้มพริบพราวขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปยีหัวน้องสาวสุดที่รักด้วยความมันเขี้ยว พันเก้ารีบปัดมือผมออกก่อนจะย่นหน้าใส่
“ชิ ไม่ได้อิจฉาซะหน่อย เค้ากอดเจ้เหมยก็ได้” แล้วยัยตัวแสบก็ตรงเข้าไปกอดเหมยหลินตามที่พูดจริง ๆ “คิดถึงเจ้จังเลย ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”
“คิดถึงเธอเหมือนกัน แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมดเหรอ ทำไมบ้านเงียบจัง” เหมยหลินคลายกอดออกก่อนจะถามในสิ่งที่ผมก็สงสัยด้วยภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดนัก
“อ้อ ทุกคนอยู่ที่สวนน่ะ ปีนี้พวกเราจัดงานวันเกิดกันที่สวน เค้าว่าเรารีบไปกันดีกว่านะ คนอื่นกำลังรออยู่เลย” พันเก้าคว้าแขนผมกับเหมยหลินแล้วดันให้เดินไปทางสวนข้างบ้าน “โอ๊ยตื่นเต้นจัง วันเกิดเค้าปีนี้ทุกคนมากันครบเลย ดีใจอ่ะ”
“มาครบ?” ผมหันไปเลิกคิ้วใส่น้องสาว และใช่… วันนี้เป็นวันเกิดของพันเก้า ที่ผมเลือกกลับเมืองไทยวันนี้ก็เพราะตั้งใจจะมางานวันเกิดน้องสาวนี่แหละ
“อื้ม ก็ไม่เชิงครบซะทีเดียวหรอกนะ ครอบครัวเฮียฟา ครอบครัวเฮียไซน่ะมาแล้ว ขาดแค่เฮียโนอาห์นั่นแหละ นี่เฮียทัพยังแอบบ่น ๆ อยู่เลย รายนั้นน่ะอยากเจอทุกคนแบบครบหน้าครบตามากกว่าเค้าเสียอีกนะ”
“นี่ไอ้ไซกับไอ้ฟามาแล้วเหรอ…”
“เออดิ ใครจะมาสายเหมือนมึงล่ะไอ้พี่เมีย” ผมถามยังไม่ทันจบ ไอ้ผู้ชายหัวทองเดินออกมาขัดพร้อมกับโอบไหล่เมียสุดที่รักของมัน ผมเหลือบตามอง ‘นำทัพ’ นิ่ง ๆ ก่อนละไปทางด้านหลังของมันซึ่งเต็มไปด้วยเด็กเล็กเด็กน้อยกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน บรรยากาศช่างสดใสจริง ๆ เลย “ฮ่องกงกับไทยมันก็ไม่ได้อยู่คนละซีกโลกนะ กว่าจะกลับบ้านแต่ละทีมันยากมากเลยหรือไงวะ”
นำทัพจิกกัดเรื่องที่ผมไม่ได้กลับเมืองไทยมาร่วมปีเพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่กับธุรกิจร้านอาหารสาขาฮ่องกงที่ผมรับช่วงต่อมาจากป๊า เหมยหลินกุมมือผมเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ผมรู้อยู่แล้วว่าการกลับมาที่นี่ครั้งนี้จะต้องถูกใครหลายคนงอนแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่าหนึ่งในนั้นจะมีไอ้หัวทองนี่รวมอยู่ด้วย
“ก็รู้ว่ามาแล้วจะเจอหน้ามึงไง กูเลยไม่อยากมา” ผมตอบกลับเนือย ๆ แล้วเดินผ่านหน้านำทัพกับพันเก้าไปหาพวกเด็ก ๆ ที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่ตรงโต๊ะใหญ่ ถุงของขวัญมากมายถูกวางลงบนโต๊ะ ดวงตาเด็ก ๆ ระยิบระยับแพรวพราวขึ้นมาทันที “ลุงไมล์คนหล่อกลับมาแล้ว มีใครคิดถึงลุงบ้างไหมน้า”
.......................
ฝากคอมเม้นท์พูดคุยกับไรท์ได้น้าาา ไรท์ไม่ดื้อค่าาาา