นางพญาแห่งหมู่บ้านริมผา
ตอน กินเด็กเป็นอมตะ (4p)
ลมหนาวพัดกรรโชกแรง หอบเอาเกล็ดหิมะสีขาวโพลนโปรยปรายลงมาปกคลุมหมู่บ้านผาหมอกจนขาวโพลนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เทือกเขาสูงตระหง่านเบื้องหลังกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งยักษ์ ทัศนียภาพที่เคยเขียวขจีบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นดินแดนสีขาวบริสุทธิ์ที่งดงามและเยือกเย็น
ในค่ำคืนที่หิมะตกหนักที่สุด เสียงร้องอุแว้ของทารกน้อยก็ดังก้องกังวานออกมาจากเรือนไม้สักหลังใหญ่ สร้อย ให้กำเนิดบุตรชายท่ามกลางความหนาวเหน็บ แต่หัวใจของทุกคนในบ้านกลับอบอุ่นยิ่งกว่าเปลวไฟในเตาผิง
ทารกน้อยผิวขาวอมชมพูราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา จมูกโด่งเป็นสันได้รูป และดวงตากลมโตสุกใสราวกับลูกกวางน้อย สร้อยตั้งชื่อลูกชายคนแรกของเธอว่า "น้องเหมันต์" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงฤดูกาลแห่งการกำเนิดที่แสนวิเศษนี้
ข่าวการกำเนิดของนายน้อยแห่งผาหมอกแพร่สะพัดออกไปไกล ข้ามขุนเขาและลำธาร ไปยังหมู่บ้านอื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป เรื่องราวของนางพญาผู้มั่งคั่งและใจดี (ในแบบของเธอ) ดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาขอพึ่งใบบุญ
เหล่าพรานป่าจากหมู่บ้านข้างเคียงที่ได้ยินกิตติศัพท์ความงามและความใจป้ำของสร้อย ต่างพากันหอบลูกจูงเมีย (หรือหนีเมียมา) มาขออาศัยใบบุญ แลกกับการช่วยล่าสัตว์และหาของป่า ชายแก่ไร้ลูกหลานดูแลจากหมู่บ้านไกลโพ้นก็ดั้นด้นมาขอทำงานบดยาสมุนไพร แลกกับข้าวปลาอาหารและที่ซุกหัวนอน
อาณาจักรของสร้อยขยายตัวอย่างรวดเร็ว เรือนไม้สักหลังเดิมถูกต่อเติมขยายออกไปจนกลายเป็นคฤหาสน์ไม้ขนาดมหึมา มีเรือนเล็กเรือนน้อยผุดขึ้นรายรอบเพื่อรองรับบริวารที่เพิ่มจำนวนขึ้นนับสิบชีวิต โรงเรือนเก็บสมุนไพรและโรงงานแปรรูปสินค้าป่าถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่เกษตรกรรมขยายออกไปจนสุดลูกหูลูกตา สวนหม่อนเขียวขจีตัดกับสีขาวของหิมะอย่างงดงาม
บ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาว สร้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกบุขนสัตว์หนานุ่มหน้าเตาผิงไฟขนาดใหญ่ในห้องโถงกลางบ้าน เธอกำลังให้นม น้องเหมันต์ ที่นอนดูดนมจากเต้าอวบอิ่มอย่างตะกละตะกลาม ผิวพรรณของสร้อยหลังคลอดเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าเดิม แก้มสีชมพูระเรื่อรับกับริมฝีปากแดงสด เรือนร่างที่เคยอวบอัด บัดนี้ยิ่งดูอิ่มเอิบ เต็มตึงไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ขยายใหญ่ขึ้นจนล้นทะลักเสื้อคลุมผ้าไหมตัวบาง
เมื่อน้องเหมันต์อิ่มหนำและผล็อยหลับไป สร้อยก็ส่งลูกน้อยให้พี่เลี้ยงสาวชาวดอยนำไปนอนในเปลที่ไกวอยู่มุมห้อง แต่ทว่า... น้ำนมในอกของเธอยังคงคัดตึง ปวดหนึบ และไหลซึมออกมาเปียกชุ่มเสื้อคลุม
สร้อยเงยหน้าขึ้นมองเหล่าบริวารชายที่นั่งล้อมวงผิงไฟอยู่รอบๆ ห้องโถง นับรวมแล้วกว่ายี่สิบชีวิต ทั้งพรานป่าหน้าใหม่ หน้าเก่า ช่างก่อสร้าง และชายแก่ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเป็นจุดเดียว แววตาของพวกเขาฉายแววหื่นกระหายและความปรารถนาที่ปิดไม่มิด
"นมแม่... ยังเหลือเยอะเลยจ้ะ" สร้อยเปรยขึ้นเบาๆ พลางใช้มือลูบคลำเต้าที่คัดตึง "ปวดไปหมดแล้ว... ใครจะช่วยแม่สร้อย 'ระบาย' ออกได้บ้าง"
คำเชิญชวนนั้นเปรียบเสมือนเสียงระฆังเริ่มยก เหล่าชายฉกรรจ์และผู้เฒ่าต่างลุกฮือขึ้นมาพร้อมกัน แย่งกันเสนอตัว
"ข้าเองแม่สร้อย! ข้าดูดเก่ง!"
"ให้ข้าเถอะ! ข้าลิ้นไว!"
สร้อยหัวเราะร่าอย่างชอบใจ เธอโบกมือห้ามศึก "ใจเย็นๆ จ้ะ... ได้ทุกคนแหละจ้ะลูกๆ ของแม่... เข้าแถวมาเลยจ้ะ แถวตอนเรียงสองเข้ามาเลย"
เหล่าทาสรักรีบจัดแถวอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบยิ่งกว่าทหารเกณฑ์ พวกเขายืนเรียงกันเป็นแถวคู่ยาวเหยียดตั้งแต่หน้าเก้าอี้โยกไปจนถึงประตูห้องโถง
"คู่แรก... เข้ามา" สร้อยสั่ง
พรานโชติ และ ไอ้ผา สองขุนพลคู่ใจได้รับเกียรติเป็นคู่เปิดสนาม ทั้งสองคนเดินเข่าเข้ามาหาสร้อยด้วยความนอบน้อมและกระหายอยาก สร้อยปลดสายเสื้อคลุมออก ปล่อยให้สาบเสื้อแยกกว้าง เผยให้เห็นเต้าเนื้อขาวจั๊วะขนาดมหึมาสองลูกที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีเขียวจางๆ และหัวนมสีชมพูเข้มที่ชูชัน มีหยดน้ำนมสีขาวขุ่นไหลซึมออกมาที่ปลายยอด
"เชิญจ้ะ..." สร้อยแอ่นอกให้
พรานโชติไม่รอช้า ตรงเข้าประกบเต้าข้างซ้าย อ้าปากงับหัวนมแล้วดูดดึงอย่างแรงเสียงดังจ๊วบ! ไอ้ผาประกบเต้าขวา ใช้ลิ้นตวัดเลียรอบปานนมก่อนจะดูดกลืนความหอมหวานเข้าไป
"อูยยย... ดีจ้ะ... ดูดแรงๆ ให้หายปวดเลยจ้ะ..." สร้อยแหงนหน้าคราง มือเรียวลูบหัวชายหนุ่มทั้งสองสลับไปมา
เมื่อทั้งคู่ดูดกินจนหนำใจและน้ำนมเริ่มพร่องลง สร้อยก็สั่งเปลี่ยนคู่
"ต่อไป..."
คู่แล้วคู่เล่าทยอยเข้ามาปรนเปรอสร้อย ทั้งดูด ทั้งเลีย ทั้งขบเม้ม และบีบเคล้นเต้าเนื้อนุ่มนิ่ม สร้อยนั่งหลับตาพริ้ม รับรสสัมผัสที่หลากหลาย จากปากหยาบๆ ของพรานป่า ลิ้นสากๆ ของช่างก่อสร้าง และริมฝีปากเหี่ยวย่นแต่นุ่มนวลของเหล่าชายแก่
น้ำนมไหลรินออกมาไม่ขาดสาย หล่อเลี้ยงตัณหาและความจงรักภักดีของเหล่าบริวาร สร้อยไม่ใช่แค่แม่ของลูกน้อยเหมันต์ แต่เธอคือ "แม่" ผู้ยิ่งใหญ่ของชายทั้งอาณาจักร ผู้มอบความสุขและความอิ่มเอมใจให้แก่ทุกคนที่ยอมสยบแทบเท้า
ท่ามกลางความหนาวเหน็บของฤดูหิมะ ภายในเรือนไม้สักหลังใหญ่นี้กลับร้อนระอุไปด้วยไฟราคะและอำนาจของนางพญา
ราตรีกาลเข้าปกคลุมหมู่บ้านริมผา แต่แสงไฟจากคบเพลิงและกองไฟรอบเรือนไม้สักยังคงลุกโชน ขับไล่ความหนาวเหน็บและสัตว์ร้ายให้ถอยห่าง เหล่าบริวารชายฉกรรจ์ผลัดเวรยามเดินตรวจตราความปลอดภัยรอบบริเวณอย่างเข้มงวด ดุจดั่งทหารองครักษ์ที่พิทักษ์ราชินีและองค์รัชทายาทตัวน้อย
ภายในเรือนใหญ่ กลิ่นหอมของสมุนไพรต้มโชยมาจากหม้อดินเผาที่ตั้งอยู่บนเตาอั้งโล่ ลุงมิ่ง ลุงคง และปู่เสือ สามผู้เฒ่าผู้ภักดีกำลังง่วนอยู่กับการปรุงยาบำรุงสูตรพิเศษ เพื่อฟื้นฟูกำลังวังชาให้นางพญาหลังคลอด
"ดื่มหน่อยนะแม่สร้อย... ร้อนๆ จะได้เลือดลมเดินดี" ลุงมิ่งประคองถ้วยยาส่งให้ สร้อยจิบยาขมปร่าแต่ชุ่มคอ แล้วส่งยิ้มหวานเป็นการขอบคุณ
แต่ยาบำรุงขนานแท้ที่สร้อยรอคอยไม่ใช่สมุนไพรต้มเหล่านี้ หากแต่เป็น "น้ำทิพย์แห่งความเยาว์วัย" จากหนุ่มน้อยวัยฉกรรจ์
ที่มุมห้อง เด็กหนุ่มวัย 18 ปี สามคน "ไม้ เอก และ โท" นั่งคุกเข่ารออยู่อย่างสงบเสงี่ยม ทั้งสามเพิ่งเดินทางมาจากหมู่บ้านไกลโพ้นเพื่อขอฝากตัวเป็นข้ารับใช้ รูปร่างของพวกเขายังไม่กำยำล่ำสันเท่าพรานป่ารุ่นพี่ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใหม่ ผิวพรรณเต่งตึง และพลังหนุ่มที่อัดแน่นอยู่ทุกอณู
สร้อยกวักมือเรียกทั้งสามเข้ามาใกล้
"มานี่สิจ๊ะเด็กดี... น้ามีรางวัลต้อนรับสมาชิกใหม่"
ไม้ เอก และโท ขยับตัวเข้ามาหาด้วยท่าทางประหม่าปนตื่นเต้น สร้อยค่อยๆ ปลดผ้าถุงที่พันกายอยู่ออก เผยให้เห็นเรือนร่างอวบอิ่มขาวผ่องท่ามกลางแสงเทียนสลัว
"ถอดกางเกงออกสิจ๊ะ... ให้น้าดูของดีหน่อย"
เด็กหนุ่มทั้งสามทำตามอย่างว่าง่าย กางเกงผ้าฝ้ายเก่าๆ ร่วงลงไปกองที่พื้น เผยให้เห็นอาวุธประจำกายที่ผงาดง้ำชี้หน้า
ของ ไม้ นั้นยาวเรียว ผิวขาวสะอาด หัวบานสีชมพูสดใสเหมือนดอกบัวตูม ของ เอก สั้นกว่านิดหน่อยแต่ป้อมอ้วน เส้นเลือดปูดโปนสีเขียวตัดกับผิวขาวเหลือง ส่วนของ โท นั้นดำคล้ำ หัวหยักบานใหญ่และงอนโค้งขึ้นด้านบนอย่างสวยงาม
สร้อยมองดูความแตกต่างที่ลงตัวด้วยความพอใจ เธอคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งสามคน แล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักด้วยริมฝีปาก
เธอเริ่มจากไม้ อมดูดความยาวเรียวเข้าไปจนสุดคอหอย ดูดดึงเนิบนาบสลับรัวเร็ว จนไม้ครางฮือ ตัวสั่นเทา จากนั้นเธอก็หันไปหาเอก ใช้ลิ้นตวัดเลียรอบหัวบานป้อมๆ แหย่ปลายลิ้นลงไปในรูเปิดเล็กๆ แล้วดูดจ๊วบจนเกิดเสียงดัง สุดท้ายเธอหันไปหาโท ใช้มือช่วยรูดรั้งหนังหุ้มปลายที่เปิดกว้าง แล้วอมเข้าไปเต็มคำ สัมผัสความแข็งขึงและงอนโค้งที่ครูดถูเพดานปากอย่างเร้าใจ
สร้อยสลับดูดอมทั้งสามแท่งอย่างชำนาญ ราวกับกำลังเล่นดนตรีชิ้นเอก เสียงซี๊ดซ๊าดของเด็กหนุ่มดังระงมไปทั่วห้อง จนกระทั่งความอดทนของวัยหนุ่มขาดผึง
"โอ๊ย... น้าสร้อย... ผมไม่ไหวแล้ว... จะแตกแล้ว!" ไม้ร้องเสียงหลง
"แตกเลยจ้ะ... แตกใส่ปากน้าเลย" สร้อยเงยหน้าขึ้น สั่งเสียงอู้อี้
ไม้เกร็งกระตุก ปล่อยน้ำรักขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเข้าปากสร้อยเป็นคนแรก รสชาติคาวหวานปะแล่มลิ้นทำให้สร้อยกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานนัก เอกและโทก็ตามมาติดๆ ปลดปล่อยธารน้ำทิพย์แห่งความหนุ่มแน่นเข้าไปผสมโรงในโพรงปากนุ่มจนล้นทะลักไหลย้อยลงมาตามมุมปาก
สร้อยใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดแท่งเอ็นของทั้งสามจนเกลี้ยงเกลา ดูดเค้นหัวดอกเห็ดทีละอันเพื่อรีดกินน้ำที่ค้างในหบอดลำ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนหอบหายใจหน้าแดงก่ำ
"เก่งมากจ้ะ... น้ำเยอะดีจริงๆ... แต่แค่นี้ยังไม่พอนะ... น้ายังไม่อิ่มเลย"
สร้อยล้มตัวลงนอนหงายบนพรมขนสัตว์ แยกขาออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม "เข้ามาสิจ๊ะ... มาช่วยกันเติมเต็มน้าหน่อย"
สามหนุ่มวัยกระทงที่ไฟราคะถูกจุดติดแล้ว ไม่รีรออีกต่อไป ไม้ แทรกตัวเข้าไประหว่างขา จับท่อนเอ็นที่เริ่มแข็งตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งจ่อที่ปากทางรักที่ฉ่ำเยิ้ม แล้วดันพรวดเข้าไปจนสุด
"อ๊าาา... แน่น... ฟิตจัง..." ไม้คราง
เอก รีบขยับตัวขึ้นไปคร่อมที่หน้าอก ใช้มือบีบเคล้นเต้าใหญ่แล้วก้มลงดูดนมอย่างหิวกระหาย ส่วน โท อ้อมไปด้านหลัง ยกศีรษะสร้อยขึ้น แล้วยัดเยียดความเป็นชายเข้าปากเธออีกครั้ง
บทรักสามรุมหนึ่งเริ่มบรรเลงขึ้นอย่างดุเดือด เด็กหนุ่มเลือดร้อนแรงดีไม่มีตก กระแทกกระทั้นเข้าใส่สร้อยอย่างบ้าคลั่ง รวดเร็ว และหนักหน่วงตามสัญชาตญาณดิบ ไม้ซอยยิกๆ จนสร้อยตัวสั่นคลอนหัวสั่นหัวคลอน เอกดูดนมจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ โทกระแทกปากจนแก้มตอบ
"อื้อ... อื้อ... อ๊อก!"
สร้อยถูกปรนเปรอจนสติเตลิดเปิดเปิง เธอเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายกระตุกเกร็งนับไม่ถ้วน เมื่อไม้เสร็จสมและปลดปล่อยน้ำรักรอบสองเข้าไปในตัวเธอ เอกก็รีบสลับลงมาเสียบแทนที่ทันที และเมื่อเอกเสร็จ โทก็มารับช่วงต่อ วนเวียนกันไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
น้ำรักจากสามหนุ่มวัยกลัดมันถูกฉีดพ่นเข้าไปในมดลูกของสร้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไหลย้อนออกมาผสมปนเปกันเป็นฟองขาวฟ่อดเคลือบไปทั่วต้นขาและพรมขนสัตว์
จนกระทั่งไก่ป่าเริ่มขันบอกเวลาเช้า ทั้งสี่ชีวิตจึงนอนแผ่หราหมดแรง กอดก่ายกันเป็นก้อนกลม สร้อยนอนยิ้มกริ่มอย่างเปี่ยมสุข ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวนางพญาที่ได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจ...