บทที่ 02
ใส่ใจได้แต่มอง [3]
“ไม่ได้ไปส่งคุณพิมพ์หรอกเหรอ” เดินไปหาคนขับรถที่รถแล้วเอ่ยถามทันที
“เปล่าครับ”
“แล้วเธอกลับไปยังไง”
“เห็นว่ามีคนขับรถมารับนะครับ”
“ใครวะ!” เพียงคุณสบถอย่างหงุดหงิด ครั้นจะเดินกลับไปถามนรินดาเขาก็รู้ว่านรินดาไม่บอกแน่
“มีอะไรรึเปล่าคุณ”
เพียงคุณปิดเปลือกตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้เฌอเอมที่เดินออกมาพอดี
“ไม่มีอะไร คุณตาไปพักแล้วเหรอ”
“อืม น้าทิพย์เพิ่งพากลับขึ้นข้างบนเมื่อกี้น่ะ สักพักน้องนรินกับคุณภพคงตามออกมา”
แยกย้ายกันกลับได้สักที วันนี้เพียงคุณรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่เอาเสียเลยที่ไม่อยากต้อนรับแขก ทั้งยังอยากจะไล่แขกกลับบ้านตั้งแต่พามาถึง
ไม่รู้ว่าเมื่อไรพี่ชายของเธอจะแวะมารับ ตอนแรกเธอบอกว่าพี่ชายแวะมาทำธุระแถวนี้ เธอก็เลยขอติดรถมาด้วยแล้วจะให้พี่ชายแวะมารับ แต่นี่กินข้าวจนอิ่มแล้วพี่ชายก็ยังไม่ถึงสักที
“พี่ฌอร์ณน่าจะถึงแล้ว เรากลับก่อนนะคุณ”
“อืม” เพียงคุณรีบโบกมือลา เฌอเอมหันกลับมายิ้มให้ ก่อนจะรีบเดินไปออกไปขึ้นรถของพี่ชายที่จอดรออยู่หน้ารั้วบ้าน
“อ้าว เฮียไม่ได้ไปส่งพี่เฌอหรอกเหรอคะ”
หันมาเจอนรินดาเดินออกมาพร้อมข้ามภพพอดี
“พี่ชายมารับน่ะ”
“ค่ะ งั้นนรินกลับนะคะ”
“เดี๋ยว” น้ำเสียงเข้มๆ ของเพียงคุณทำให้ข้ามภพเหลือบมอง แต่นรินดาไม่ได้รู้สึกตกใจหรือแปลกใจเลยสักนิด
“อะไรคะ”
“ใครมารับพิมพ์”
คำถามของเพียงคุณทำให้นรินดายิ้มมุมปาก
“ยัยนริน”
“เหมือนจะชื่อคุณเปรมดิ์ค่ะ”
“ใคร”
“เฮียจะสนใจเรื่องของมันทำไมคะ”
“ก็...” เพียงคุณอึกอักขึ้นทันที
“กลับกันเถอะค่ะคุณภพ ปล่อยคนปากแข็งรู้ตัวช้ารอหมาคาบไปก็สะใจดี”
“ยัยนริน”
“อะไรคะ นรินพูดอะไรผิด ไหนตอนที่นรินเคยถามว่าเฮียจะจีบมันไหมเฮียทำเหมือนไม่สนใจ แล้วตอนนี้เฮียเกิดจะอยากรู้ขึ้นมาทำไม หรือว่าสนใจแล้วคะ” นรินดาถามอย่างเอาเรื่อง ยืนรอคำตอบอย่างไม่คิดจะเดินหนีเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“แล้วเราจะปล่อยให้เพื่อนแต่งงานกับผู้ชายอย่างไอ้ไก่นั่นหรือไง”
“คนอย่างยัยพิมพ์ ถ้ามันไม่แต่ง หัวเด็ดตีนขาดมันก็ไม่แต่งหรอกค่ะ เดี๋ยวมันก็หาทางเอาตัวรอดจนได้นั่นแหละ”
“เฮียว่าจะไม่รอดน่ะสิ”
“ถ้าไม่รอดจริงๆ มันก็น่าจะยอมรับได้แล้วนะคะว่าพี่ภักดิ์เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของมัน” นรินดาแสร้งว่าอย่างไม่ใส่ใจ พูดกันมาขนาดนี้เพียงคุณก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นห่วงอีกฝ่ายหนึ่งออกนอกหน้า
“กลับค่ะคุณภพ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะเฮีย”
“ใครมารับพิมพ์”
นรินดานึกขำที่เห็นท่าทีเพียงคุณเหมือนเด็กกำลังงอแง อยากได้ของเล่นใหม่แต่ทำเฉไฉ
“บอกแล้วไงคะว่าเขาชื่อคุณเปรมดิ์”
“ก็แล้วใครล่ะ”
“คุณภพคะ เฮียดุนรินค่ะ ไม่มีเหตุผลด้วย” นรินดาแสร้งวิ่งไปหลบหลังข้ามภพทันที
เพียงคุณสูดหายใจจนอกผายเพื่อสะกดกลั้นความร้อนรุ่มในอก ที่เขาเองก็เพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก หากเป็นจิรภักดิ์ เขายังน่าจะสบายใจกว่านี้เพราะรู้ว่าพิมพ์พัชรไม่ได้คิดอะไรด้วยแน่นอน แต่คนนี้เขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อมาก่อน
“เอาล่ะๆ กลับกันเถอะ”
“ไอ้ภพ!”
“อะไร”
“ฉันยังคุยกับยัยนรินไม่จบ ยังพากลับไม่ได้”
“แล้วนายจะอยากรู้เรื่องของคุณพิมพ์ไปทำไม ชอบเธอเหรอ”
ข้ามภพถามเสียตรง ทำเอาคนถูกถามรู้สึกเหมือนถูกหมัดน็อกกลางอากาศ
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปยุ่ง เป็นแค่พี่ชายเพื่อนก็วางตัวให้มันน่านับถือหน่อย อยากเป็นไก่ตัวที่สองหรือไง”
นรินดายิ้มกว้างแล้วกอดเอวข้ามภพแน่น รู้สึกภูมิอกภูมิใจในตัวสามีเหลือเกินที่สามารถทำให้เพียงคุณหน้าชาได้พอตัว
“ฉันพานรินกลับได้หรือยัง”
“เออ”
“ก็แค่เนี้ย ถ้าตัวนายยังสับสน ก็คุยกับตัวเองให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่ทำคนอื่นเขาสับสนตามไปด้วย”
“ถูกค่ะ ไม่ชอบไม่สนใจ ก็ไม่เห็นต้องอยากรู้นี่คะว่าสุดท้ายแล้วยัยพิมพ์มันจะแต่งงานกับใคร หรือไปไหนมาไหนกับใคร เนอะคุณภพ”
“ชอบ”
“เหอะ/ว้าว”
ข้ามภพแค่นหัวเราในลำคอ ในขณะที่นรินดาอ้าปากหวอเพราะทึ่งในคำสารภาพว่าชอบสาวของพี่ชาย
“จะบอกได้ยัง”
ท่าทีหัวเสียเพราะถูกต้อนให้จนมุมของเพียงคุณทำให้นรินดากลั้นยิ้มแทบไม่ไหว
“คุณเปรมเป็นผู้ชายที่ยัยพิมพ์มันปัดเจอมาจากแอปฯ หาคู่ค่ะ”
“หา!” แม้แต่ข้ามภพยังตกใจ
“ตกใจอะไรกันคะ สมัยนี้แล้ว ถ้าไม่หาผู้ชายด้วยวิธีนี้ก็เหลืออีกวิธีเดียวคือคบกับคนที่ทำงานนั่นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นวันๆ จะไปหาผู้ชายที่ไหน”
“แล้วพิมพ์...”
“ยัยพิมพ์เองมันก็ไม่ใช่เด็กหรือโง่จนไม่ระวังตัวหรอกเฮีย มันก็ศึกษามาบ้างนั่นแหละค่ะ รวมๆ แล้วคิดว่าน่าจะพาไปพบครอบครัวมันวันเสาร์หน้า”
“เสาร์หน้า!” เพียงคุณเบิกตาโพลง ทำไมถึงได้ปุบปับแบบนี้กันนะ
“ค่ะ มันบอกว่าอย่างน้อยก็ไปในสถานะคนคุย ไม่ได้โกหกสักหน่อย นรินว่าดีเสียอีกที่มันจะลองเปิดใจคุยกับใครดูบ้าง”
“โทรถามเพื่อนเราซิว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ทำไมคะ เฮียจะตามไปหรือไง”
“บอกให้โทรก็โทรเถอะน่า” เพียงคุณแสร้งทำรำคาญเพื่อตัดบท นรินดาเบะปากใส่ไปหนึ่งทีแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพิมพ์พัชรทันที
ทว่าพิมพ์พัชรกลับไม่รับสาย รอจนสัญญาณถูกตัดไปสองสายจน นรินดาเริ่มรู้สึกกังวล
“ไหนล่ะดูแลตัวเองได้”
ตื้ด~
ไม่ทันขาดคำพิมพ์พัชรก็โทรกลับมา
“ฮัลโหล ทำอะไรอยู่วะ ฉันตกใจหมด”
[ในร้านคนเยอะน่ะ ฉันก็เลยเดินออกมาข้างนอก แต่เมื่อกี้เจอยัยต้อยติ่งก็เลยคุยกับมันแป๊บหนึ่ง มีอะไรวะ]
“มีคนอยากรู้ว่าแกอยู่ไหน” นรินดาบอกใบ้
เพียงคุณจิปากใส่เพราะหากพูดอย่างนั้นก็มีโอกาสที่พิมพ์พัชรจะรู้ว่าเป็นเขา
[ลุงยศเหรอ]
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวจะฟ้อง แต่ตอนนี้บอกมาก่อนว่าตกลงแกอยู่ไหน”
[ร้านอาหารแถวๆ คอนโดนี้แหละ แต่สักพักก็กลับแล้ว แค่แวะหาอะไรกินเฉยๆ]
“อ้อ แล้วโอเคไหมคนนี้”
[ดีกว่าที่คิดเหมือนกัน]
“แสดงว่าผ่านแล้วดิ”
[อืม นาทีนี้เลือกมากได้ที่ไหน]
นรินดาทำทีเป็นพยักหน้าอยู่สองสามครั้งเพื่อสังเกตสีหน้าของเพียงคุณที่ไม่รู้ว่าพิมพ์พัชรพูดอะไรเพราะเธอไม่เปิดลำโพงให้ฟัง
“โอเคๆ แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย”
[เออ ขอบใจ เดี๋ยวกลับถึงคอนโดแล้วฉันโทรบอกอีกที]
“บาย”
วางสายด้วยความสบายใจ นอกจากเพื่อนจะปลอดภัยแล้ว ยังมีสัญญาณที่ดีว่าการเปิดใจครั้งแรกในรอบหลายปีของพิมพ์พัชรดูจะไปได้สวย
“ยิ้มอะไร พิมพ์อยู่ที่ไหน”
หุบยิ้มลงทันทีเมื่อเพียงคุณถามเสียงเข้มใส่ไม่หยุด
“ร้านอาหารแถวๆ คอนโดมันน่ะค่ะ มันบอกว่าอีกสักพักก็กลับแล้ว”
“แล้วคุณพิมพ์โอเคใช่ไหมคุณถึงยิ้มแบบนั้น” ข้ามภพถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ นรินคิดว่ายัยพิมพ์มันน่าจะชอบเขา”
“ชอบเขา? เจอกันครั้งแรกก็ชอบเลยหรือไง”
นรินดาเลิ่กลั่ก เหลือบมองข้ามภพอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ เพียงคุณก็ดันพาลใส่เธอซะงั้น
“ค่ะ มันบอกว่าคุยกับเขาแล้วรู้สึถูกคอ มันตกลงกับเขาแล้วว่าจะพาเขาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จัก”
“เหอะ!” เพียงคุณแค่นหัวเราะก่อนจะเดินไปที่รถ
“อ้าว เฮียจะไปไหนคะ”
“ไปตีเด็ก”
นรินดาเบิกตาโพลง กำลังจะถามต่อสักหน่อยแต่ข้ามภพห้ามเอาไว้ ก็เลยได้แต่ยืนมองเพียงคุณที่สตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยความร้อนใจแล้วขับรถออกจากบ้านทันที
“ชอบก็จีบสิวะไอ้คุณ ก็แค่จีบเด็ก มันจะยากอะไร”
บรื้นนน