บทที่ 02
ใส่ใจได้แต่มอง [1]
บ้านพัฒนเปี่ยม
“สวัสดีค่ะคุณตา”
“ไหว้พระเถอะลูก มารอนรินใช่ไหมหนูพิมพ์”
“ค่ะ ยัยนรินยังไม่ถึงอีกเหรอคะ ไหนว่าออกจากคอนโดคุณภพก่อนพิมพ์ตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง” พิมพ์พัชรแอบบ่นกับคุณตาของนรินดาเบาๆ
วันนี้เธอตั้งใจชวนนรินดาออกไปหาอะไรกินด้วยกัน จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อปรึกษาปัญหาชีวิตสักหน่อย แต่นรินดาดันนัดกับคุณตาเอาไว้ว่าจะแวะกลับมากินข้าวที่บ้าน จึงชวนเธอมากินข้าวที่บ้านคุณตาด้วยกันเสียเลย
เธอตอบตกลงเพราะก่อนหน้านี้ที่นรินดายังไม่ได้แต่งงานกับข้ามภพ เธอเองก็แวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แต่จะเป็นการมาพร้อมกันกับนรินดาเสียส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาคนเดียว เพราะนรินดากลายเป็นคนติดสามีไปแล้ว
“อีกสักพักคงถึงน่ะ หนูพิมพ์ไปนั่งเล่นในสวนก่อนก็ได้นะลูก เดี๋ยวตาให้เด็กยกของว่างไปให้”
“คุณตาจะตัดกำลังพิมพ์เหรอคะ” พิมพ์พัชรแสร้งถาม คุณตาหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจ
“ได้ยินนรินบอกว่าหนูพิมพ์จะแวะมา วันนี้ยัยทิพย์ทำของกินเต็มไปหมดทั้งกับข้าวทั้งขนม กินไม่หมดแล้วจะยุ่งเอา”
“เอ มีของโปรดพิมพ์สักอย่างไหมคะคุณตา หรือว่าคุณแม่เอาใจแต่ลูกเขย” พิมพ์พัชรแสร้งยกมือป้องปากถามเสียงกระซิบ
“แกงส้มกุ้งสดของโปรดของหนูพิมพ์มีแน่นอน ตาได้ยินเขาสั่งให้คนออกไปซื้อกุ้งเมื่อช่วงบ่ายแน่ะ”
“เกรงใจแย่เลยค่ะคุณตา แบบนี้พิมพ์ต้องกินให้หมดแล้ว”
คุยกันไปหัวเราะกันไปอย่างทุกที บ่อยครั้งที่พิมพ์พัชรรู้สึกอิจฉาที่นรินดามีครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นมากขนาดนี้
บรื้นนน~
เสียงรถยนต์ที่ดังมาจากด้านนอกดึงความสนใจจากพิมพ์พัชรและคุณตาให้พากันหันไปมอง ทีแรกพิมพ์พัชรคิดว่าจะเป็นรถของข้ามภพ แต่กลับเป็นรถของเพียงคุณ
“ทำไมวันนี้ตาคุณของตาถึงได้กลับบ้านไวกันนะ ปกติเลิกงานแล้วก็เถลไถลตลอด” คุณตาเปรยยิ้มๆ
พิมพ์พัชรกลั้นยิ้มตาม ทว่ารอยยิ้มของเธอกลับค่อยๆ หายไปเมื่อเพียงคุณไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวแต่กลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่ช่วงนี้น่าจะเป็นคนที่เขาสนิทด้วยที่สุด แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันก็ตาม
“สวัสดีค่ะคุณตา”
“สวัสดีหนูเฌอ ทำไมวันนี้มากับตาคุณได้ล่ะ” คุณตารีบถาม สายตาและรอยยิ้มที่คุณตามองอีกฝ่ายทำให้พิมพ์พัชรรู้สึกตัวได้ทันทีว่ากำลังเป็นคนนอก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังต้องยิ้มเมื่อบังเอิญสบตากับเพียงคุณ
บรื้นนน~
“นรินมาพอดี” คุณตายิ้มกว้างเมื่อเห็นรถของข้ามภพขับตามเข้ามาอีกคัน
“พิมพ์ขอตัวไปหายัยนรินนะคะคุณตา”
“ตามสบายเลยนะหนูพิมพ์”
พิมพ์พัชรยิ้มแห้งให้กับทุกคนก่อนจะรีบผละตัวออกมา เดินมาทัน นรินดากำลังก้าวลงจากรถพอดี
“ไหนแกบอกออกมาตั้งนานแล้ว” ยกมือไหว้ข้ามภพแล้วยิ้มให้เขานิดหน่อย ก่อนจะหันไปบ่นนรินดาตามลำดับ
“แวะซื้อของฝากให้คุณตาน่ะ ว่าแต่นี่แกไปประจบคุณตามาแล้วหรือยัง”
“แน่นอนสิ แต่ฉันอยู่กินข้าวด้วยไม่ได้แล้วนะ เพิ่งนึกได้ว่ายังมีเอกสารที่ต้องส่งป้ามะยมพรุ่งนี้อีกสองชุด”
“อ้าว” นรินดาทำเสียงเสียดาย เพราะนอกจากเธอจะตั้งใจซื้อของมาฝากคุณตากับคุณแม่แล้ว ก็ยังมีของกินอีกตั้งเยอะแยะ
“คุณตายังไม่แก่หรอกค่ะ ยังแข็งแรงมากอยู่เลย”
เสียงที่ดังมาจากในบ้านทำให้นรินดาชะโงกหน้ามองหาเจ้าของเสียง ไม่ต่างจากข้ามภพที่กำลังหอบหิ้วของจากท้ายรถเตรียมถือเข้าบ้านถึงกับหยุดมือไปครู่หนึ่ง
“ใครวะ”
พิมพ์พัชรควรจะพูดอย่างไรดีนะ
“แฟนเฮียคุณน่ะ”
“แฟน?” ข้ามภพถามเสียงเข้ม พิมพ์พัชรได้แต่ยิ้มแห้งพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“คุณภพเข้าไปในบ้านก่อนเลยนะคะ นรินคุยกับยัยพิมพ์แป๊บหนึ่งแล้วจะรีบตามเข้าไปค่ะ”
“อย่าช้าล่ะ”
เสียงและสายตาของข้ามภพทำให้พิมพ์พัชรรู้สึกเกรงใจเขาขึ้นมาเหมือนกัน แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร นรินดาก็จูงมือเธอมานั่งคุยกันในสวนเหมือนอย่างที่คุณตาแนะนำในตอนแรก
“เอกสารสองชุดไม่มีจริงใช่ไหมยัยพิมพ์”
นั่งลงได้นรินดาก็เริ่มสอบสวนทันที พิมพ์พัชรถอนหายใจพลางไหวไหล่ แต่ไม่ได้คิดจะพูดอะไร เพราะอย่างไรเสียนรินดาเองก็ดูออก
“ไม่เอาน่า ไหนๆ แกก็มาแล้ว อยู่ต่ออีกสัก...”
“ฉันแค่มีเรื่องจะมาปรึกษาแกเฉยๆ น่ะ” พิมพ์พัชรตัดบทเพราะไม่ต้องการฟังนรินดาหว่านล้อมให้อยู่ต่อ
“เรื่องอะไรวะ แกซีเรียสขนาดนั้นเลยหรือไง” นรินดาถามเพราะไม่เคยเห็นพิมพ์พัชรจริงจังหรือดูเครียดกับเรื่องอะไรมากอย่างนี้มาก่อน
“อะ ช่วยเลือกหน่อย” พิมพ์พัชรยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกไป
“หา แกจะให้ฉันช่วยแกเลือกผู้ชายเนี่ยนะ!” นรินดาเบิกตาโพลง ถามเสียงดังจนพิมพ์พัชรต้องถลึงตาใส่เพราะเธอไม่อยากให้ใครได้ยิน
“เออสิ ตั้งใจว่าวันหยุดหน้าจะพาไปที่บ้านน่ะ”
“เอาจริงเหรอแก”
“จริงสิ ฉันคุยๆ กับแต่ละคนไว้บ้างแล้ว บอกแล้วว่าอยากจะพาไปพบครอบครัวเพราะไม่อยากถูกจับแต่งงาน อย่างน้อยมีคนคุย ลองเริ่มต้นศึกษากัน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไปกันไม่รอดก็ไม่เป็นไร” พิมพ์พัชรอธิบายพลางถอนหายใจ พลอยทำให้นรินดาถอนหายใจตามไปด้วย ก้มมองโปรไฟล์ของผู้ชายที่เบื้องต้นพิมพ์พัชรคงเลือกมาแล้วระดับหนึ่ง
“แล้วแกถูกใจคนไหนเป็นพิเศษล่ะ”
“ถ้ามี ฉันจะโผล่หัวมาให้แกช่วยเลือกทำไม”
ยิ่งคิดพิมพ์พัชรยิ่งรู้สึกเบื่อ
“คนนี้ชื่ออะไร”
“ทินกร ลูกครึ่งไทยเยอรมัน ทำธุรกิจเครื่องประดับ จริงๆ ก็น่าสนใจ ติดตรงที่เขาไปๆ มาๆ ระหว่างไทยเยอรมัน ฉันไม่อยากมีรักทางไกล กลัวว่ามันน่าจะเป็นปัญหาในอนาคต”
“ก็จริง แกไม่ค่อยชอบเดินทางอยู่แล้วด้วย แล้วคนนี้อะ”
“คุณเปรมดิ์ คนไทยเชื้อสายจีน เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร จริงๆ ฉันสนใจคนนี้นะ”
“แกสนใจร้านอาหารของเขามากกว่า”
“อย่างนั้นทำไมแกไม่คิดว่าฉันจะสนใจเครื่องประดับล่ะ”
“นาฬิกาข้อมือแกยังถอดวางทิ้งไปทั่ว เอาอะไรมาชอบเครื่องประดับ” นรินดาประชดใส่ก่อนจะปัดหน้าจอเลื่อนไปที่รูปโปรไฟล์ของผู้ชายอีกคน
“คนนี้ทำอะไร”
“อสังหา”
“โอ้โห ก็เริดอยู่นะแก”
“ฉันไม่ชอบพวกนายหน้า”
“งั้นก็ตัดไปสอง เหลือหนึ่ง คุณเปรมดิ์ เจ้าของร้านอาหาร”
“ติดนิดหน่อย” พิมพ์พัชรเปรยเบาๆ พร้อมกับทำสีหน้าหนักใจ
“ติดอะไร”
“ธุรกิจร้านอาหารที่ว่าเป็นธุรกิจกงสีของครอบครัว ฉันก็เลย...”
“กลัวว่ามันจะเป็นปัญหาในอนาคต”
“อืม”
“เฮ้อ นี่ยัยพิมพ์...”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” เพียงคุณเดินออกมาทางหลังบ้าน ตั้งใจจะเดินมาร่วมวงสนทนา แต่การมาของเขากลับทำให้พิมพ์พัชรกับนรินดาเลิ่กลั่ก
พิมพ์พัชรรีบคว้าโทรศัพท์มือถือคืนมาจากนรินดาทันที แต่ท่าทีรีบร้อนของเธอกลับยิ่งทำให้เพียงคุณสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
“รวมหัวกันทำอะไรอีกล่ะ”
“ยัยพิมพ์มัน.../ไม่มีอะไรค่ะเฮีย”
ยิ่งแก้เหมือนสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
นรินดาหันไปมองพิมพ์พัชรนิดหน่อย พอเห็นพิมพ์พัชรรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เธอจึงเข้าใจได้ว่าพิมพ์พัชรต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
“ฉันกลับเลยก็แล้วกัน”
“อ้าว ไหนคุณตาบอกว่าเราจะแวะมากินข้าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ” เพียงคุณถามด้วยความแปลกใจ
“พิมพ์เพิ่งนึกได้ว่ามีเอกสารต้องรีบเคลียร์เพราะต้องใช้พรุ่งนี้น่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะเฮีย กลับนะยัยนริน ฝากลาคุณตากับคุณแม่ด้วย”
“แล้วเราจะกลับยังไง รถซ่อมเสร็จแล้วเหรอ”
จำได้ว่าตอนขับรถเข้ามาเขาไม่เห็นรถของพิมพ์พัชร ด้านเจ้าตัวก็ดันลืมว่าตัวเองไม่ได้ขับรถมา แต่เรียกแท็กซี่มาจากบริษัท
“เดี๋ยวคนขับรถนรินไปส่งค่ะ” นรินดาเอ่ยปากพร้อมจูงมือพิมพ์พัชรออกมาทันที ถึงอีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายแต่หากซื่อบื้อนัก เธอเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน