บทที่ 01
หมูกระทะร่วมสาบาน [3]
“จอดรถค่ะ พิมพ์จะลง”
“พิมพ์ใจเย็นๆ”
“พิมพ์บอกให้จอดรถค่ะ!” พิมพ์พัชรหันไปสั่งจิรภักดิ์เสียงดัง แต่เขากลับมองเธอกลับมานิ่งๆ ไม่มีทีท่าว่าจะจอดรถจนเธอต้องยื่นมือไปทำท่าจะปลดล็อก
“ถ้าพี่ภักดิ์ไม่จอด พิมพ์จะโดด” เธอโกรธจนควันแทบจะออกหู เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ เขาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนคนจมน้ำ ไม่มีสักวินาทีที่รู้สึกสบายใจ
“อย่าคิดว่าพิมพ์ไม่กล้านะคะ”
“โอเคๆ แต่ตรงนี้จอดไม่ได้ ไปจอดข้างหน้าแล้วกัน”
“พิมพ์จะลงตรงนี้ค่ะ”
เอี๊ยดดด
จิรภักดิ์เบรกรถตามคำสั่งเมื่อพิมพ์พัชรทำท่าจะเปิดประตูแล้วกระโดดลงจากรถจริงๆ
ปัง!
“พิมพ์!”
เสียงดังๆ ของจิรภักดิ์ไม่ได้ทำให้พิมพ์พัชรหันกลับไปสนใจอีกเลย เธอตั้งใจเดินย้อนกลับไปด้านหลังเพราะเป็นทางเดียวที่จิรภักดิ์จะตามเธอมาไม่ได้เว้นเสียแต่เขาจะขับรถถอยหลัง ซึ่งตามหลักของความปลอดภัยแล้ว คนอย่างเขาไม่ทำแน่ๆ หรือถ้าจะไปกลับรถวนกลับมาเจอเธออีกรอบก็ยังอีกตั้งหลายกิโลฯ โน่น
“พิมพ์”
แต่เธอไม่คิดหรอกว่าเพียงคุณจะขับรถตามเธอมา
“มาขึ้นรถ”
“แต่...”
“อยากให้เขาตามมาหรือไง”
ในเมื่อตอนนี้ทางเลือกมีแค่จิรภักดิ์กับเพียงคุณ เธอก็ต้องเลือกเพียงคุณนั่นแหละ
บรื้นนน~
เขาออกรถทันทีที่เธอยอมขึ้นรถมาด้วยกัน
ตื๊ด~
“โอ๊ย รำคาญ!”
จากที่กำลังโกรธ เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อจิรภักดิ์ยังโทรมาตอแยเธอไม่หยุด หมดความอดทนเธอจึงปิดเครื่องไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วนั่งกอดมันเอาไว้
“เฮียจอดส่งพิมพ์ข้างหน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมพ์เรียกแท็กซี่กลับเอง เฮียจะได้ไม่ต้องอ้อมไปส่ง”
เพราะบ้านของเขากับคอนโดของเธออยู่คนละทางจึงรีบบอก
“นรินบอกเฮียแล้วว่าจะโทรให้เฮียไปรับเราที่บริษัท คิดเสียว่าเฮียชดเชยให้ตอนนี้ก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของเฮียสักหน่อย” พิมพ์พัชรฝืนยิ้มทั้งที่ใกล้จะหมดแรง ทำงานหนักมาสองเดือนยังไม่เหนื่อยเท่ากับนั่งกินข้าวกับจิรภักดิ์หนึ่งชั่วโมง เธอมันโคตรเก่ง
“อาหารไม่อร่อยหรือไง” เพียงคุณชวนคุย ปรับแอร์ลงอีกสักหน่อยเผื่อว่ามันจะช่วยให้เธอใจเย็นลง
“ค่ะ ขืนเป็นแบบนี้ทุกมื้อ พิมพ์คงผอมตายแน่ๆ” เธอระบายความอัดอั้นอย่างลืมตัว
เพียงคุณมองแล้วรู้สึกได้ว่าเธอคงอึดอัดมากจริงๆ เพราะปกติแล้วแทบไม่เคยเห็นเธอหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียเอาเป็นเอาตายอย่างนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่โวยวายเวลาถูกขัดใจหรือถูกจับได้ไล่ทันเท่านั้น
“ถ้ามีอะไรให้เฮียช่วยบอกแล้วกัน” เขาเสนอตัวช่วยอย่างเต็มใจ เธอมองแล้วได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบรับเพราะคงไม่กล้ารบกวนเขาแน่ๆ
“คราวหลังถ้ามีเรื่องด่วน เราโทรหาเฮียโดยตรงหรือทิ้งข้อความเอาไว้ได้เลย ถ้าเฮียไม่ได้รับสาย จะรีบโทรกลับให้เร็วที่สุด”
พิมพ์พัชรพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ มองเขาอย่างชื่นชม
ที่ผ่านมาแม้เขาจะขี้บ่นและชอบจับผิดเวลาเธอกับนรินดาวางแผนทำอะไรด้วยกัน แต่เขาก็คือคนเดียวที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เธอด้วยความเต็มใจทุกครั้ง
“เราก็เหมือนน้องสาวเฮียอีกคนนั่นแหละ”
ยิ้มเจื่อนลงเพราะประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมา แม้จะมาจากความหวังดี แต่ก็คือการย้ำว่าความหวังดีของเขาอยู่ภายใต้เงื่อนไขของคำว่าพี่น้อง ในสายตาของเขา เธอเป็นได้แค่เพื่อนของน้องสาวเท่านั้น
“ไหนเฮียบอกว่ามีน้องอย่างยัยนรินคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” แสร้งใช้ความหน้ามึนถามตลกกลบเกลื่อนใส่เขาไปอย่างทุกที
“ยัยนรินแต่งงานไปแล้ว มีคนช่วยแบ่งเบาภาระ ช่วงนี้เฮียก็เลยรู้สึกว่างๆ น่ะ”
“อ้อ เป็นคนชอบมีภาระใช่ไหมคะ”
“ไม่ได้ชอบ แต่ถ้าเป็นเราก็พอจะยกเว้นได้”
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นจนต้องรีบหันหน้าหนี กลัวว่ายิ่งมองหน้าเขาแล้วมันจะยิ่งเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม
จ้อกกก~
แต่น้ำย่อยในกระเพาะหักหน้าเธอเสียแล้ว ส่งเสียงร้องเสียดังจนเธออยากจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไปให้รู้แล้วรู้รอด
“สงสัยอาหารร้านนั้นจะไม่อร่อยจริงๆ” เพียงคุณอดไม่ได้ที่จะแซว
“จริงๆ ก็ไม่แย่หรอกค่ะ แต่บรรยากาศมันทำให้พิมพ์ไม่ค่อยเจริญอาหาร” พิมพ์พัชบ่นพลางนั่งลูบท้อง “รบกวนเฮียจอดร้านสะดวกซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ พิมพ์หิวอะ จะซื้ออะไรกลับไปกินที่ห้องสักหน่อย”
“เราอยากกินอะไรล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ เดี๋ยวค่อยไปเลือกเอาแล้วกัน”
“งั้นก็เลือกมาสักร้าน”
“เฮียจะเลี้ยงเหรอคะ”
“เหอะ!”
“กินอะไรที่แพงๆ ดีนะ” พิมพ์พัชรทำทีเป็นครุ่นคิด
เพียงคุณเหลือบมองด้วยหางตาแล้วได้แต่ส่ายหัว ทว่ามุมปากของเขากลับยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุ
“นั่นค่ะ ป้าอ้วนหมูกระทะ”
เหลือบเห็นร้านหมูกระทะข้างทางพอดี ทำเอาเพียงคุณต้องหันไปมองหน้าให้แน่ใจ
“เฮียไม่ชอบกินหมูกระทะเหรอคะ”
“ก็กินได้ แต่แค่สงสัยว่าเราจะกินหมูกระทะตอนดึกๆ เนี่ยนะ ไม่กลัวอ้วนหรือไง”
“ปล่อยให้น้องเฮียมันรักษาหุ่นไปคนเดียวเถอะค่ะ พิมพ์หิว พิมพ์จะกิน” เธอยืนยันหนักแน่น ยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่อเพียงคุณยอมเลี้ยวรถเข้ามาจอดบริเวณร้านหมูกระทะตามที่บอก
“แล้วไหนบอกอยากกินของแพง”
“ตอนนี้ดึกแล้ว ไม่น่ามีอะไรแพงๆ เร็วๆ ให้กินแล้วมั้งคะ ไว้เฮียว่าง อยากเสียเงินเมื่อไรบอกพิมพ์อีกทีแล้วกันค่ะ พิมพ์จะได้โทรจองร้านล่วงหน้าแล้วก็ล้างท้องรอเลย” พิมพ์พัชรพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือก่อนจะเปิดประตูรถลงไปสูดกลิ่นที่หัวใจเรียกร้องแล้วเดินเข้าร้านไปพร้อมกับเพียงคุณ
พนักงานเดินนำไปส่งที่โต๊ะสำหรับสองที่ เธอกับเขานั่งลงกันคนละฝั่ง ก่อนจะสั่งเครื่องดื่ม
“เบียร์สดหนึ่งเหยือกค่ะ”
“หืม”
“เฮียไม่ดื่มเบียร์เหรอคะ”
“ได้หมด แต่เราน่ะ จะดื่มเหรอ”
“เฮียไม่เลี้ยง พิมพ์จ่ายเองก็ได้นี่คะ”
“ไม่ได้จะไม่เลี้ยง เอาเถอะ ตามนั้นก็แล้วกัน”
พิมพ์พัชรยักคิ้วอย่างผู้ชนะ ก่อนจะสั่งเลือกสั่งหมูกระทะพร้อมผักแบบชุดเพราะถ้าเลือกแบบบุฟเฟ่ต์ต้องเดินไปตักเอง นาทีนี้เธอไม่อยากเดินแล้ว อยากกินให้หนำใจมากกว่า
ไม่นานทั้งชุดหมู ผักและเบียร์ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ พิมพ์พัชรยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคว้าตะเกียบขึ้นคีบหมูวางบนเตา เสียงดังชู่ของเบคอนเวลาโดนความร้อนนี่มันเพราะเสียเหลือเกิน
“ฟิน”
“เหอะ บรรยากาศร้านนี้มันทำให้เรารู้สึกเจริญอาหารหรือไง”
“แน่สิคะ อย่างน้อยก่อนจะเอาอะไรใส่ปากก็ไม่ต้องคิดว่ามันดีต่อสุขภาพไหม ย่อยยากหรือเปล่า กินแล้วจะปวดท้องตอนดึกไหม อึดอัดท้อง ไม่สบายท้องขึ้นมาจะทำยังไง”
“ขนาดนั้นเลย”
“ค่ะ แต่พิมพ์ไม่พูดถึงแล้วดีกว่า มาค่ะ ชนแก้วกับเฮียดีกว่า ฉลองที่เฮียพามาเลี้ยง” พิมพ์พัชรยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ คนถูกมัดมือชกให้พามาเลี้ยงส่ายหัวไม่หยุดแต่ยอมที่จะเลี้ยงอย่างเต็มใจ
“เฮียถามได้ไหมว่าทำไมเราถึงลงจากรถกลางทาง ทะเลาะกับเขาหรือเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“รู้ไหมว่ามันอันตราย”
“ดีกว่าอึดอัดตายอยู่ในรถนี่คะ”
“พิมพ์”
“ไม่พูดเรื่องนั้นแล้วได้ไหมคะ พิมพ์ไม่อยากพูดถึงเขา” พิมพ์พัชรตัดบทไปปิ้งหมูบนเตา ชิ้นไหนสุกเธอก็คีบไปใส่จานให้เขาก่อน เหมือนจะสนุกกับการย่างมากกว่าการได้กินเอง
“เราอิ่มแล้วหรือไง”
“ยังค่ะ พิมพ์กินได้เรื่อยๆ ค่ะ นั่งจนร้านปิดก็ได้ ว่าแต่เฮียรีบไปไหนหรือเปล่าคะ อ้อ หรือว่า...”
“ไม่รีบหรอก” เพียงคุณรีบตอบก่อนจะรินเบียร์จากเหยือกเติมใส่แก้วให้เธอ
“เฮียยิ้มอะไรคะ ขำคนหิวมันบาปนะคะ”
“ไม่ได้ขำคนหิว ขำตัวเองต่างหาก”
“ขำตัวเองเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่อยู่ๆ ก็มานั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนน้องน่ะสิ” เพียงคุณพูดไปยิ้มไป
พิมพ์พัชรที่กำลังจะคีบหมูใส่ปากถึงกับชะงัก‘เพื่อนน้อง’ คืนนี้เขาย้ำคำนี้มากี่รอบกันแล้วนะ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ กินเยอะๆ นะคะ นานๆ จะได้มีโอกาส เพราะถ้าวันไหนพิมพ์มีแฟน พิมพ์คงไม่ได้มานั่งดื่มเบียร์กับเฮียแล้ว” พิมพ์พัชรคีบหมูใส่จานให้เพียงคุณไปอีกชิ้น ก่อนจะหันไปหยิบแก้วเบียร์ขึ้นรอเขายกแก้วขึ้นมาชน
“เราจะทิ้งเฮียไปนั่งดื่มเบียร์กับแฟนงั้นสิ”
“แหงสิคะ พิมพ์ไม่ได้อยากเป็นแค่น้องสาวใครไปตลอดชีวิตสักหน่อย” พิมพ์พัชรบอกยิ้มๆ แต่พูดจบแล้วสายตาของเพียงคุณกลับทำให้เธอใจเต้นแรง
“พิมพ์หมายถึงพิมพ์ก็อยากเป็นที่รักของใครสักคนบ้างน่ะค่ะ”
“นั่นสินะ เฮียก็อยากเป็นที่รักของใครสักคนเหมือนกัน ไม่ได้อยากเป็นแค่เฮียของใครไปตลอดชีวิตสักหน่อย” เพียงคุณตอบกลับเบาๆ ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับแก้วของเธอ แล้วต่างคนต่างดื่มจนหมดแก้ว
เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านั่งคุยกับเขาจนดึกดื่น เพราะสำหรับเธอ ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เวลามักเดินเร็วเสมอ