"แล้วไป ฉันเกือบคิดว่าเธอนับฉันเป็นสามีจริงๆ " สิงหายังจะย้ำ ยิ้มกะล่อนระบายที่มุมปากร้ายๆ แอบแกล้ง พอรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร มันน่ารักดีที่เห็นตุลาขัดๆ เขินๆ แบบนี้
"บ่คั๊บ บ่นับคั๊บ" เด็กน้อยรีบแก้ตัวโบกไม้โบกมือพัลวัน
ขับมาอีกได้สักพักผ่านบ้านหลังใหญ่หลายหลัง รถหรูของหมอหนุ่มก็มาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง มีขนาดใหญ่สองชั้นสไตล์ทันสมัย ผนังด้านข้างเป็นกระจกใส จนมองเห็นแสงไฟสีส้มถูกเปิดอยู่ด้านใน มีชายผ้าม่านสีนวลทิ้งตัวเป็นระเบียบผ่านหน้าต่างกระจกนั่น
ยังมีโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังอีกส่วนของบ้าน ถูกเปิดไฟสว่างไสว ชั้นสองโดดเด่นด้วยระแนงไม้เป็นเส้นยาวเท่าขนาดความสูงจากหลังคาถึงพื้น ทาสีน้ำตาลหม่นตัดสีครีมอันเป็นสีที่ขับให้บ้านดูแพงเข้าไปอีก มีระเบียงหน้าห้องให้นั่งจิบชารับลมห้องใครห้องมันด้วย
สิงหาใช้รีโมทกดเปิดประตูก่อนจะขับเข้าเทียบจอดช้าๆ ตุลาเผลอรอบสายตามองอย่างตื่นเต้น บ้านคนอยู่จริงเหรอทำไมมันสวยและใหญ่ขนาดนี้
พอก้าวขาลงจากรถเขาก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ลอยมาสัมผัสจมูกเบาๆ พอกวาดสายตามองรอบบ้านก็เห็น ต้นไม้พุ่มกำลังออกดอกบานขาวโพลนบนต้น มีทั้งไม้ดอก ไม้ยืนต้นให้ร่มเงา ปลูกไว้ตามริมรั้ว หน้าบ้านมีสนามหญ้าและส่วนย่อม ที่ไม้ดอกหลากสีกำลังเอนไหวตามกระแสลมยามค่ำคืน แทบไม่อยากเชื่อว่าอยู่คนเดียว เพราะมันทั้งมีระเบียบ และสะอาดสะอ้าน
ตุลายืนกอดกระเป๋าเป้ท่าทางเงอะเงิ่น อึ้งกับภาพบ้านที่ได้เห็นพักใหญ่ สอดส่ายสายตามองดูความแปลกเปลี่ยนของสถานที่เงียบๆ จนคาดว่าบันทึกรายละเอียดได้ครบ สิงหาจึงกระแอมคอใส่ เรียกให้คนตัวบางเข้าบ้าน
"ห้องของเธออยู่ชั้นบน ตามมาซิ " ใช้น้ำเสียงระมัดระวังไม่ให้ อีกฝ่ายตื่นกลัวเขาอีก
เด็กหนุ่มเดินก้มหน้าตามเขาเข้าไปในบ้านอย่างเชื่องช้า พื้นบ้านถูกปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนให้ความรู้สึกเย็นสบายยามย่ำเท้าลง มีเฟอร์นิเจอร์ไม่เยอะมากจนรก แค่ไม่กี่ชิ้นที่ถูกจัดแต่ง และวางตั้งราคาก็แพงจนตุลาไม่กล้าคิดจะซื้อมาก่อน ทีวีจอขนาดใหญ่เท่าฝาบ้าน ไม่รู้เอาไว้ดูอะไร ชุดโซฟาหนังสีดำเงาตั้งเด่นหน้าทีวี เด็กน้อยมองดูอย่างตื่นตา จนเกือบลืมนึกถึงย่า กว่าจะนึกออกก็เผลอชมความรวยของหมอจนอิ่มเอมใจ ไปเกินครึ่ง
นึกได้ก็รีบหันไปถามหมอที่ยืนประกบทางด้านหลัง"ย่าผมล่ะคั๊บ? "สิงหายกข้อมือดูนาฬิกาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมท่าทาง
"อยู่ห้องฝั่งนั้น นายไปหาหาก่อนก็ได้นะคงยังไม่นอน เสร็จแล้วค่อยขึ้นไปดูห้องนอนของนาย"
ไม่รอให้สิงหาพูดจบจับใจความได้ กระต่ายน้อยก็ออกวิ่งไปหาย่าตนทันที แม้จะไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ก็ไปได้อย่างถูกทาง
พอเปิดประตูเข้าห้องก็เจอย่าจันทน์ อย่างที่สิงหาบอก กำลังนั่งดูที่วีบนเก้าอี้โยกกับสาวใช้คนหนึ่งอย่างสบายใจ ตุลารีบโผล่เข้าสวมกอดทันที นึกต่อว่าตัดพ้อย่าตนสารพัด
"มาหยังคือบ่บอกหล้า ?รู้บ่คนเขาเป็นห่วง คิดว่าหายไปใสแล้ว" แอบค้อนสายตาใส่แบบงอนๆ พลางสะอื้นงอแงเหมือนเด็ก ทั้งที่เป็นถึงนักฟุตบอลทีมโรงเรียนแท้ๆ แต่ตอนนี้กับเหมือนเด็กอนุบาลไปได้ ส่วนสิงหายืนมองความเป็นไปของย่าหลานด้านนอก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ตุลาทั้งเช็ดน้ำตา ทั้งเถียงย่าไม่หยุด พรั่งพรูออกมาราวกับว่าตนถูกทอดทิ้ง
"ย่าคือเฮ็ดแบบนี้ หล้าห่วงหลายเด้นิ๊ ย่าบ่บอกหล้าจักหน่อยเลยว่ามากับหมอ ถ้าเขาเอาไปขายย่ากะสิไปนำเขาติ"
"เขาสิขายย่าจังใด เขาเป็นแฟนหล้าบ่าแม่นติ ?"
"บ่แม่นแม๊ ! จังใดสิแม่น หล้าเป็นผู้ชาย สิมีแฟนเป็นผู้ชายได้จั่งได้"
"แต่กะแต่งงานกันแล้วเด้ล่ะ..สิบ่แม่นจังใด" ย่าหลานปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ตุลาถึงกับกับเถียงไม่ออกคนแก่ พอเถียงแพ้ก็เลือกอ้างอาบน้ำร้อนมาก่อน จนเด็กหนุ่มต้องยอมแพ้เถียงไม่ไหว กลับออกมาหาสิงหาที่รอจะพาไปส่งห้อง
ที่ชั้นสองของบ้านฝั่งที่สิงหาอยู่ มีห้องอยู่สองห้อง ห้องแรกขึ้นบันไดมาถึงก่อนคือห้องตุลา เดินเลยไปอีกหน่อย เป็นห้องของสิงหา ทั้งสองห้องมีมุมระเบียงติดกัน สิงหาชี้มือบอกว่านี่ห้องของตุลาให้เขาอยู่ตามสบายๆ ไม่ต้องเกรงใจ จากนั้นคนตัวโตก็เดินเลยเข้าห้องตัวเองไป ตุลาที่เห็นความใกล้กันของสองห้องก็ทำสีหน้าหวั่นๆ เขามีความเสี่ยงหรือเปล่านะ มาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ เผลอย่นคิ้วสูงจนสิงหาสิงหาสังเกตเห็น
"ไม่ต้องห่วง ฉันรับรองไม่ทำอะไรเธอแน่" สิงหาหันมารับปากอีกครั้งก่อนประตูห้องจะถูกปิดลง
แต่ถึงจะรับปากครั้งที่ร้อย เด็กน้อยก็ยังไม่เชื่อ สายตาตุลายังเต็มไปด้วยความตระหนก
พอเข้ามาในห้อง ตุลาก็ต้องแปลกใจตาโต ตรงหน้าคือที่นอนเตียงกว้างสีฟุต ซ้ายมือมีโต๊ะอ่านหนังสือหันหน้าเข้าหากำแพง ทั้งยังมีชุดคอมพิวเตอร์สำหรับให้ตุลาไว้ทำงาน หันหลังกลับอีกหน่อยทีวีจอแบนจะติดผนังอยู่ทางด้านปลายเตียง ด้านขวามือก็เป็นตู้เสื้อผ้าแบบประตูเลื่อน ที่จัดเตรียมชุดให้ตุลาไว้พร้อมใช้ อันมีเตียงนอนวางไว้ตรงกลางห้อง
ถัดมาข้างๆ ตู้ มีประตูบานหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประตูห้องน้ำ เมื่อตุลาเปิดเข้าไปจะรู้สึกถึงกลิ่นเทียนหอม หอมกระจายอุ่นๆ ในอากาศ ตรงเบื้องหน้ามีตู้กระจกใสสี่เหลี่ยมสูงจากพื้นเกือบชิดฝ้า ตั้งเด่นๆ ไว้กลางห้องน้ำ ภายในตู้กระจกใสจะมีฝักบัวน้ำไหลห้อยลงมาจากเพดาน มีชั้นเก็บเครื่องอาบน้ำตั้งไว้ด้านข้างเรียบร้อยพร้อมใช้สะดวกสบาย มองออกมาจากข้างในจะเห็นเงาตัวเองสะท้อนในกระจกอ่างล้างหน้า ที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไว้ส่องอะไร
พอออกมาด้านนอกห้องกระจกไปทางขวามือ ยังมีอ่างน้ำแช่ตัว...ตุลาตาโตอีกแล้ว ได้แต่หวีดร้องชมความรวยในใจ กลับออกไปวางกระเป๋าเสร็จอย่างแรกที่ต้องทำก่อนคือต้องทดลองใช้ห้องน้ำหรูๆ นี่เป็นอย่างแรก เพราะหลังเลิกเตะบอลเนื้อตัวก็มอมแมมไปด้วยเหงื่อไคล ได้อาบน้ำล้างตัวคงจะรู้สึกดี และคงรู้สึกดีมากๆ ถ้าได้อาบในห้องน้ำห้าดาวแบบนี้ ว่าแล้วเด็กน้อยก็จัดการชำระล้างตัวเองอย่างสบายอารมณ์ มีฮัมเพลงเบาๆ ระหว่างอาบน้ำไปด้วย
ทางหมอสิงหาที่เข้าห้องตัวเองได้สักครู่ ได้ยินเสียงของห้องอีกฝั่ง พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตนยังไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งจะซื้อไปให้ตุลาเลย คิดได้สิงหาก็หยิบตรงไปเคาะห้องตุลาอย่างไม่รีรอ ทว่าเคาะตั้งนานคนข้างในก็ไม่ตอบ จนสิงหากังวลใจว่าจะเป็นอะไรกับคนตัวเล็ก เลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป
พอดีกับตุลาที่อาบน้ำสบายตัวแล้ว จะออกจากห้องถึงได้รู้ปัญหา ผ้าเช็ดตัวไม่มี
เดินวนเปิดหาในตู้ตั้งนานก็ไม่เจอ เลยเปิดออกมาทันทีทั้งแบบนั้นเพราะหมอบอกว่าตามสบาย เลยไม่ทันคิดอะไรมาก ประจวบกับทางหน้าห้องหมอสิงห์ดันเปิดเข้ามาพอดี ทำให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันแบบจังๆ ในจังหวะที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย
"หมอ เข้ามาทำไม "ตุลาลนลานตกใจ มือควานหาอะไรมาปิด
ส่วนหมอสิงหาถึงกับตาค้าง เมื่อเห็นร่างน้องเปลือยเปล่าล่อนจ้อนแบบนั้น ส่วนขาวนวล ที่ถูกปกปิดพ้นจากแดด ขาวงามจนดึงดูดสายตา ส่วนที่โผล่ รับลมแดด ก็ขึ้นสีแทนพองาม ยิ่งบางส่วนกลางกาย ตั้งตรงท่อนนั้นมันพอดีกับระยะสายตา สิงหาก็เลยได้มองมันเต็มๆ
"หมอคือเข้ามาได้! " ตุลาตกใจควานได้ชายผ้าห่มมาปิดส่วนหลับ หน้าแดงอับอายจนถึงใบหู เก็บซ่อนอาการไม่ทัน ปากบ่นต่อว่าใส่หมอราวกับรัวปืนกล
"เข้ามาได้จังใดหมอบ้า หมอโรคจิต มาในห้องคนอื่นได้จั่งใด" ยืนกระโดดหย๋อยๆ หาทางหลบให้พ้นการถูกมอง แต่ทว่าคงไม่ทันแล้ว อีกคนเห็นจนหมดแล้ว
"ฉันเอาผ้ามาเช็ดตัวมาให้ ได้ยินเสียงนายอาบน้ำ"
"น่านหมอโรคจิต โรคจิตจริงๆ แอบฟังผมอาบน้ำนำพร้อม...หมอบ้า" โวยวายไปกันใหญ่
"ฟังก่อน...ฉันไม่ได้โรคจิต" สิงหาพยายามอธิบาย เพราะผนังห้องน้ำติดกัน หมอจึงได้ยินเสียงตุลาฮัมเพลง เขาขยับตัวเข้าใกล้จะอธิบาย ตุลายิ่งเสียงดังสติแตก
"ไอ้หมอโรคจิต "
"ฉันไม่ได้โรคจิตแต่พี่เอาผ้า..."
ตุบ!!
โครม!!
ไม่ทันขาดคำตุลาก็ถีบสิงหาจนหงายหลังล้มก้นจ้ำพื้น
เหตุการณ์ชุลมุนอลหม่านสงบลงด้วยหมอสิงหาหัวแตก ตุลาขาแพลง ไม่ใช่เพราะใครทำร้ายใคร แต่จังหวะที่ถีบหมอ ตัวตุลาก็ล้มหัวทิ่มขากระแทกกับขอบเตียง และหมอที่ถูกถีบกระเด็นหัวไปชนขอบโต๊ะหนังสือ ทั้งสองเลยได้มาคนล่ะแผล เพื่อเป็นการรับขวัญกันและกัน
"โอ๊ยๆ แสบๆ ซี้ดอ่า" สิงหาสูดปากซี้ด ให้ตุลาทำแผลบนหัวปูดบวมเลือดอาบ
"โอ๊ยนี่จะฆ่าพี่หรือไง ถีบมาได้ไม่นับหนึ่งสองสาม" ไม่รู้ว่าจะบ่นจะว่าอะไรให้ตุลาดี สิงหาได้แต่นั่งเจ็บ ที่ผ่านมารักษาแต่คนอื่นวันนี้ถูกรักษาบ้าง เจ็บเหมือนกันแฮะ
"ใครบอกให้หมอเข้ามาล่ะ ดีนะแค่ผมถีบเบาๆ ถ้าเต็มแรงกว่านี้ หมอคอหักคงไปแล้ว "
ได้ทีทำขู่ จะไม่ตีนแรงได้ไงกองหลังของทีมเลยนะ
"นี่ไม่คิดจะขอโทษฉันแล้วยังขู่ฆ่าอีกเหรอ " สิงหาว่าพลางทำตาดุ เด็กน้อยที่ยังเอาแต่อวดอ้างลูกเตะอีก ได้ยินหมอว่าเลยตัวลีบลง ทำตาแป๋วๆ ท้ายที่สุดหลังทำแผล ตุลาก็ยอมขอโทษหน้าตาเจื่อนๆ แต่ขอโทษท่าไหนไม่รู้ไปๆ มาๆ สิงหาผิดซะอย่างนั้น
"ไม่เข้ามาในห้องผม ผมก็ไม่ตกใจทำแบบนั้นหรอก "
"เอ้า ! ฉันผิด?"
"ใช่"
หมอได้แต่อึ้งก็ใครจะไปรู้ว่าตุลาจะเป็นคนขวัญอ่อนแบบนี้นี่ พูดไปก็ให้นึกถึงภาพตุลาขาวๆ ลอยมาในส่วนความคิด ทำให้คนพูดถึงกับรู้สึกแปลก หน้าร้อนๆ ใจสั่นๆ อีกคนก็ก้มหน้างุดๆ
สายตาหมอมองทำตุลาอับอายเสียจนไม่รู้จะต่อว่ายังไง ตั้งแต่เขาเกิดมาคนเห็นหมดก็มีแต่พ่อ แต่ล่าสุดอาบน้ำกับพ่อก็ตอนสิบขวบ ส่วนเวลาอยู่กับเพื่อนในทีมบอลก็ไม่เคยถอดเสื้อผ้าให้ใครเห็น คนที่ได้เห็นหมดยันแก่นใน ก็มีแต่หมอคนเดียวนี่แหละ...
พอเห็นตุลาเอาแต่ก้มหน้าไม่สบตาสิงหาก็รู้ได้ทันที "อายพี่ทำไมผู้ชายด้วยกัน" เขาถามออกมาซื่อๆ
"ผมบ่เคยนี่คั๊บ ขนาดเล่นน้ำกับเพื่อนผมยังไม่เคยถอดเสื้อเลย " ไม่แปลกใจ ที่หมอจะโดนลูกเตะขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะถือโทษโกรธตุลา ตรงกันข้าม ยิ่งหลงชอบความน่ารักของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่าอายุถึง18 เป็นหนุ่มแล้วยังไม่เคยถอดเสื้ออาบน้ำกับใคร ยิ่งพอนึกว่าตนเห็นทั้งเนื้อทั้งตัวตุลาเป็นคนแรกใจคนหนุ่มกลับยิ่งสั่น จุดที่มันไม่ควรจะรู้สึกร้อน ก็ตื่นตัวจนน่าตกใจ
ใจเย็นไอ้หมอ..น้องมันเป็นผู้ชาย
เสียงหนึ่งเตือนตัวเองอยู่แว่วๆ..
แต่เป็นผู้ชายที่ขาวข๊าวนะ...
อีกเสียงก็แทรกมาในความคิด เขาเพิ่งเห็นอะไรแบบนี้เหมือนกันมีบ้างที่หมอหนุ่มจะตบะแตกซ่าน
สิงหาต้องสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป...ก่อนจะเตลิดไกลไปมากกว่านี้
หลังจากทำแผลให้หมอเสร็จ เป็นทีของสิงหาที่ต้องดูแลตุลาต่อ แรงมืออุ่นๆ ค่อยๆ แตะยาลงบนข้อเท้าบาง ความอ่อนโยนที่เผยออกมา ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับรู้สึกผิด ที่คิดว่าอีกฝ่าย จะจับตนถ่วงน้ำ ยัดกระสอบปุ๋ย พอได้สัมผัสใกล้ๆ คนตัวโตออกจะอ่อนโยน ผิดจากที่เขาหวาดกลัวเป็นหลายขุม
ซีกหน้าด้านข้าง ที่ตุลาแอบเหล่มอง ได้รูปรับกับจมูกโด่ง ปากอวบสีสวยได้รูป ช่างเป็นพรจากสวรรค์ ยิ่งมองยิ่งอิจฉาในความหล่อของคนตรงหน้า ที่เขาก็อยากจะหล่อๆ แบบนั้น น่าเสียดายถ้าหากตนเป็นผู้หญิง คงได้เที่ยวขี้โม้โอ้อวดคู่แต่งงานทั่วโรงเรียน อวดคนข้างบ้านให้ยัยสายสร้อย ที่บ้าอ่านนิยายชโลมโลกกรี๊ดคอแตกไปเลย เพราะว่าอ้ายหมอคนนี้ เท่ราวกับพระเอกนิยายมีชีวิต
แต่เพราะตัวเองเป็นผู้ชาย เรื่องแต่งงานกับหมอหล่อประจำอำเภอเลยต้องถูกเหยียบไว้ให้มิด และตั้งใจจะเก็บเป็นความลับจนกว่าปัญหาบ้าๆ จะคลี่คลาย
"เจ็บไหมตุลา ?" เสียงอบอุ่นของสิงหาถึงขั้นทำให้คนเหม่อลอยสะดุ้ง ใบหน้าหล่อคิ้วคมช้อนสายตาขึ้นพร้อมระบายยิ้มอ่อน"เจ็บก็บอกนะจะได้เบามือ"
"บ่เจ็บคั๊บ"
"ดีแล้ว ทายาแล้วพันผ้าไว้หน่อย ตอนเดินอย่าลงน้ำหนักที่เท้าข้างนี้เยอะนะ จะได้หายไวๆ "
"ขอบคุณคั๊บ"
จ๊อก!!!!
ท้องจับไก่ขายหน้าจนเจ้าของอาย ตุลาได้แต่ยิ้มแหย่ะๆ มันต่อหน้าหมอเลยไม่รู้จะแถไปทางไหนดี
"หิวเหรอ" สิงหาเอ่ยถาม ตุลาไม่ได้ตอบ แต่คนหนุ่มก็เหมือนจะรู้คำตอบแบบกลายๆ เขาหันดูนาฬิกาเรือนแพงบนข้อมือขาวเนียน ถึงได้รู้ว่าเวลานี้สามทุ่มแล้ว ตุลาจะท้องร้องดังขนาดนี้คงไม่แปลก ส่งยิ้มมุมปากให้น้อยๆ ก่อนจะลุกออกไป
คุณหมอหนุ่มที่แทบไม่เคยเข้าครัว ลงมาแอบเปิดเตาต้มน้ำ ทำโจ๊กให้เด็กหนุ่มด้วยตัวเอง ครั้นจะไปเรียกแม่บ้านก็เกรงใจนี่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว ไม่ล้นบ่ากว่าแรงคนหนุ่มอย่างเขาคงพอทำได้
สักพักก็ยกขึ้นมาให้เด็กน้อยรอกินหน้าสลอน "กินสิฉันทำมาให้...ทำไมมองฉันแปลกๆ" ตุลาแงนมองหน้าคมหล่ออย่างคาดไม่ถึงไม่น่าเชื่อว่าจะอบอุ่นเหมือนกันไม่น่ากลัวแบบที่จินตนาการเลย
ระหว่างนั่งกินข้าวไปเงียบๆ แต่อยู่ในสายตาหมอ แทบทุกอิริยาบถ คุณหมอหนุ่มที่นั่งมือเท้าคางจ้องตุลาได้สักพักก็เรียกขึ้น
"น้อง !"
"..."
"น้อง !"
ตุลาทำหน้างง เรียกใครเขาเหรอ?
"ใช่ น้องนั่นแหละ ต่อไปพี่จะเรียกว่าน้อง ตุลาก็เรียกพี่ว่าพี่นะ เราจะได้ใกล้ชิดกันกว่านี้"
"ทำไมต้องทำให้ใกล้ชิดล่ะ เรียกคุณหมอเหมือนเดิมก็ดีแล้วนี่ครับ ผมไม่ได้สนใจ ผมเรียกอะไรก็ได้"
"ไม่ได้ ไม่สนใจไม่ได้"
"ทำไมไม่ได้ ผมเรียกคุณหมอไม่เห็นจะหยาบคายตรงไหนนี่ครับ "
"ไม่หยาบคาย แต่เราแต่งงานกันแล้ว เท่ากับฐานะตุลาเปลี่ยนแล้ว มันคงจะดูแปลกๆ จริงไหม ถ้ายังเรียกกันห่างเหิน "คนฟังข้าวแทบพุ่งออกจากปาก ก็แค่แต่งปลอมๆ ทำไมต้องจริงจังด้วยล่ะ
"ต้องเรียกจริงจังขนาดนั้นด้วยเหรอครับ"
"ถ้ามีใครกำลังจับตาดูเรา จะได้สมเหตุสมผลไง"
สมเหตุผลอะไรไม่รู้ หมอสิงหาไม่อธิบายต่อ และก็เหมือนตุลาจะลังเลว่าจะเชื่อไม่เชื่อ ว่าจะเรียกพี่ตามที่หมอบอกอยู่ไหม