เสน่ห์เล่ห์รักร้อน1
ตัวอาคารรูปทรงทันสมัย สูงเสียดฟ้าที่ตั้งตระง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้คนที่ยืนมองต้องแหงนเงยเพื่อที่จะมองให้เห็นตัวอักษรตัวโตที่ถูกติดไว้กับตัวอาคาร มันช่างดูโดดเด่นและแสนได้จะใจว่าว่า...
“คาวินอินเตอร์กรุ๊ป คอเปอร์เรชั่น”
ซึ่งตัวอักษรนั้นน่าจะเหมาะเป็นชื่ออาคารมากกว่าที่จะเป็นชื่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในอาคารนี้แน่ๆ เพราะดูจากขนาดความใหญ่โตของตัวอักษรแล้วก็น่าที่จะเป็นชื่ออาคารมากกว่าอื่น หรืออีกทีก็คงเป็นชื่อบริษัทเจ้าของอาคารมันถึงได้ดูใหญ่โตเสียปานนั้น
แต่เอ...มันจะเป็นอะไรก็ช่างเถอะน่า ไม่เห็นมีความจำเป็นที่เธอจะต้องรู้นี่นา เออเนาะ คิดอย่างนั้นแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาให้กับตัวเอง เธอจะมายืนพินิจพิเคราะห์ไอ้ตัวอักษรบนยอดตึกนั้นอยู่ทำไม แค่รู้ว่าที่นี่คือที่ๆ เธอต้องมา และเวลานี้เธอก็มายืนอยู่ต่อหน้าจุดหมายมันก็น่าจะพอแล้ว เพราะจุดประสงค์อื่นในการมาที่นี่มันสำคัญกว่าความอยากรู้เรื่องการตั้งชื่อไอ้อักษรตัวโตๆ นั่นเป็นไหนๆ
“เฮ้อ...”
หญิงสาวร่างบางผ่อนลมหายใจออกจากปอดแรงๆ แล้วจัดการยกสองมือเรียวสวยขึ้นมาจับกระชับสายสะพายของกระเป๋าใบย่อมให้กระชับกับบ่าเล็กๆ เหมือนเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง ก่อนที่ท้าวบางจะชะงักการก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งออกก้าวเดินได้เพียงแค่สองสามก้าวเท่านั้นเมื่อดึงสายตาละความสนใจจากตัวอักษรบนยอดตึกนั่น
“เออเนาะ...จะบอกยังไง เขาจึงจะยอมให้เราเข้าพบ ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักเรามาก่อนเลย แถมถ้าจำไม่ผิดคนที่เรามาขอพบเขายังมีตำแหน่งงานที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย มีธุระกับเขางั้นเหรอ ธุระเรื่องอะไรเขาคนนั้นจึงจะยอมให้เราได้เข้าพบ โอ๊ย...คิดไม่ออก จะบ้าตาย หือ...หาอะไรรองท้องก่อนแล้วกันถ้างั้น”
เพชรน้ำหนึ่งก้มลงมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือตัวเอง ร้องครางเบาๆ ว่าเก้าโมงกับสิบห้านาที ไม่รู้ว่าป่านนี้คนที่เธอจะมาขอเข้าพบเขาจะมาหรือยัง แต่ไม่ว่าเขาคนนั้นจะมาแล้วหรือยังไม่มา เธอก็ว่าตัวเองควรหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพชรน้ำหนึ่งคิดแล้วปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆออกมา ยังกับจะออกรบ หญิงสาวรำพันกับตัวเองก่อนหันซ้ายหันขวา กวาดสายตาสอดส่องหาร้านรวงเหมาะๆ สักร้าน เพื่อเติมพลังงานให้กับร่างกายของตัวเอง มองเห็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมฟุตปาธท่าทางไม่เลวจึงเปลี่ยนทิศทางการก้าวเดินบังคับสองขาให้ก้าวเข้าไปที่ร้านนั้นแทนการก้าวเดินเข้าไปภายในตัวอาคารหรูหลังใหญ่ตรงหน้า
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ชุดไม้ตัวย่อมที่เจ้าของร้านจัดไว้สำหรับรับรองลูกค้า สั่งกาแฟกับขนมปังปิ้งมาสองสามแผ่น ทานเสร็จสักครู่เธอก็เดินกลับมายืนอยู่ต่อหน้าอาคารหรูรูปทรงทันสมัยนั่นอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ
“เอาน่าน้ำน้ำหนึ่ง...เป็นไงเป็นกันสิ”
พอเรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จ หญิงสาวร่างโปร่งระหงก็ก้าวฉับๆ เข้าไปภายในตัวอาคารอย่างมาดมั่นส่วนภายในใจคิดว่ายังดีหรอกที่ชั้นล่างยังมีประชาสัมพันธ์ให้สอบถามเมื่อสายตาคมเหลือบไปประทะเข้ากับเค้าเตอร์ที่มีพนักงานหญิงหน้าตาดีนั่งอยู่ด้านหลังสองคน และหนึ่งในสองกำลังส่งยิ้มหวานเป็นการทักทายมาให้ ที่ทำให้เพชรน้ำหนึ่งต้องยิ้มตอบกลับและก้าวเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะ...ดิฉันมาขอพบ คุณคาวิน อินนุสรณ์ น่ะค่ะ”
เพชรน้ำหนึ่งยิ้มเยือนพร้อมๆ กับแจ้งความจำนงต่อประชาสัมพันธ์สาวสวยตรงหน้า
“คุณคาวิน อินนุสรณ์”
ประชาสัมพันธ์สาวสวยทวนคำของเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร แต่ก็ดูว่าสีหน้าจะดูเจื่อนลงกว่าเดิมนิดหนึ่ง
“คุณเอ่อ...หมายถึงท่านประธานหรือเปล่าคะ ถ้าใช่คุณได้นัดท่านไว้ล่วงหน้าไหมคะ”
คำว่า ‘ท่านประธาน’ มันทำเอาหญิงสาวร่างบางหน้าเค้าเตอร์ต้องลอบกลืนน้ำลายเหมือนกันแต่ก็จำต้องยิ้มไว้ไม่สะทกสะท้านกำตำแหน่งใหญ่โตของบุคคลที่เธอกำลังมาขอเข้าพบ และดูท่าว่าจะยากในการเข้าถึงเสียแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จำเป็นที่จะต้องพบเขาให้ได้
“เอ่อ...ฉันไม่ได้นัดเขาเอาไว้หรอกค่ะ แต่จะขอเข้าพบเขาได้ไหมคะ คือฉันมีธุระสำคัญมากที่จะต้องพูดกับเขา หรือเขาไม่เข้าออฟฟิศหรือเขาไม่เข้ามาที่นี่วันนี้หรือเปล่าคะ”
“ท่านประธานเข้ามาตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ แต่ดิฉันเกรงว่าท่านอาจไม่ว่างให้คุณเข้าพบถ้าไม่ได้นัดเอาไว้ คือท่านมีตารางงานที่ค่อนข้างจะยุ่งมากๆ ในช่วงสองสามเดือนมานี้”
ประชาสัมพันธ์สาวสวยยังคงอธิบายด้วยท่าทางเป็นมิตรดุจเดิม ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“หรอคะ ...ถ้างั้นรบกวนคุณช่วยบอกเขาทีได้ไหมคะว่าดิฉันชื่อ เพชรน้ำหนึ่ง สิวกร มาขอเข้าพบ แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ฉันจะมาใหม่วันหลัง”
“งั้นดิฉันจะลองเรียนท่านดูนะคะ รบกวนคุณช่วยนั่งรอสักครู่ค่ะ”