อารัมภบท

1978 Words
อารัมภบท เหนือมวลหมู่ท้องนภากว้างใหญ่ไพศาลอันบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจดั่งขนนกสีขาวกระจ่างใสนวลละออ ปรากฎริ้วละอองอากาศตามทาง ตลอดระยะการหลบหลีกหนีจากการไล่ล่าของฝูงอีกาฆาต เสียงหวีดเล็กแหลมกรีดร้องข่มขวัญผู้หลบหนีจนเสียงดังกัมปนาถราวกับเสียงหวีดร้องของสัตว์นรก กลิ่นอายสังหารคุกรุ่นแผ่ขจรขจายไล่ตามมาระยะประชิดหมายมาดจะเด็ดปีกหิ้วศรีษระของนกยูงสาวใจกล้าผู้ลักลอบออกมาเพ่นพ่านนอกเกาะพานเร้นซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกมันใคร่อยากจะครอบครองจะใจสั่นเนื้อเต้น ปีกแข็งกร้าวถูกปกคลุมด้วยปีกขนสีเขียวเป็นประกายแววมรกตสลับเหลือบฟ้าครามสะบัดสยายปีกโฉบบินอาศัยความคล่องตัวและความว่องไวในท่วงท่าสง่างามเป็นธรรมชาติหลบหลีกการไล่ล่าอย่างชำนาญ ขณะนักล่าต่างร้อนใจกระวนกระวายงัดความคิดมากางวางแผนโอบล้อมไล่ต้อนนกยูงสาวบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ทว่าผู้ถูกล่ากลับโบยบินสะบัดสยายปีกพริ้วไสวเป็นประกายงดงามเอ้อระเหยลอยชายคล้ายนกยูงสาวจอมเกียจคร้าน นางพยายามยั่วยุหยั่งเชิงเร่งและผ่อนชะลอความเร็วพร้อมเปล่งวาจาชวนน่าหมั่นไส้เพิ่มฟืนใต้กองไฟให้เหล่าอีกาฆาตโทสะพลุ่งพล่าน “จะหวีดร้องหาพระแสงกระไร บิดามารดาพวกเอ็งผูกคอตายใต้ต้นลำดวนรึ น่ารำคาญ!” เสียงหวานเอื้อนเอ่ย น้ำเสียงที่ใช้ดูเหมือนจะเป็นการหยอกเย้า และแน่นอนว่าหากเป็นคนสนิทย่อมรับรู้และสัมผัสได้ถึงความน่ารำคาญในน้ำเสียง แววตาสีดำล้ำลึกสว่างวาบอีกาฆาตฝูงนั้นข่มโทสะที่ถูก พลับพลึง บุตรสาวหนึ่งในสองของ ปกปราชญ์ และ ครองขวัญ ผู้มีอำนาจเป็นใหญ่ในเกาะพานเร้นยั่วเย้า ภายหลังการสิ้นบุญปริศนาก่อนวัยอันควรได้ทิ้งบุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจสองนางเอาไว้ให้พี่ชายผู้มีร่างกายอ่อนแอประหนึ่งเทียนไขใกล้ดับแสง ทำให้เกาะพานเร้นถูกรุกรานจากพงศ์เผ่าอีกาฆาตที่จับจ้องอยากจะยึดครองเกาะพานเร้นตาเป็นมัน สาเหตุที่พวกมันหยิ่งผยองพองขนถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะเกาะพานเร้นเป็นสถานที่อบอวลไปด้วยจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์แตกต่างจากสถานที่อยู่อาศัยเปรียบเสมือนฟ้ากับเหว ผู้แข็งแกร่งในเกาะพานเร้นประสบเคราะห์เภทภัยจากไปก่อนวัยอันควรเช่นนี้ย่อมเป็นนิมิตหมายที่ดีของพวกมัน... ท่านลุงปกปราณเพียงผู้เดียวจะสามารถปกปักษ์เกาะพานเร้นจากความกระเหี้ยนกระหือรือของอีกาฆาตได้อย่างไร พลับพลึงและพลับพลายเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหลและความโกลาหลนี้บีบบังคับให้พวกนางรับรู้ถึงความยากลำบากของเผ่าพันธุ์ก่อนวัยอันควร พลับพลึง ผู้เป็นพี่สาวมีมนตราซ่อนเร้นอำพรางสับเปลี่ยนใบหน้าสืบสานจากมารดา ส่วน พลับพลาย มีมนตรายึดเกี่ยววิญญาณควบคุมจิตใจมอมเมาผู้คน สืบทอดจากบิดารุ่นต่อรุ่น เผ่าครุฑผู้อยู่เหนือเผ่าปักษาทั้งปวงสามารถขจัดความกำแหงถือดีของอีกาฆาตได้ก็เร้นกายบำเพ็ญถือศีลภาวนาในวิมานอย่างสงบ ยากจะยื่นมือเข้ามาสอดในระยะเวลาหลายร้อยปีถัดจากนี้เป็นเหตุให้ระยะนี้เผ่าอีกาฆาตกำแหง คอยดักซุ่มลอบทำร้ายเข่นฆ่าเหล่าพงศ์เผ่านกยูงที่มักจะเล็ดลอดออกมาเที่ยวเล่นนอกอาณาเขตอยู่เป็นประจำ และวันนี้ก็เป็นวันดวงซวยของสองพี่น้อง... ภายหลังชักชวนนัดแนะกันออกมาเล่นน้ำลำธารบริเวณป่าโมกคลายร้อน ไม่นานพลันประจันหน้ากับพวกใจมืดบอดอยากยึดครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองที่มาคอยดักซุ่ม อีกประการหนึ่งก็อยากจะย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีโดยการจับตัวนางกลับไปเป็นของเล่นบำเรอปรนนิบัติรับใช้สนองตัณหาราคะ ในวินาทีนั้นความรับผิดชอบในฐานะพี่สาวคนโตก็พลันพลุ่งพล่านรีบหาทางหนีทีไล่ให้พลับพลาย ก่อนจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อให้พวกมันมาอีกทาง “รีบกลับบ้านข้าจะล่อพวกมันไปอีกทาง” พลับพลึงเอ่ยเสียงจริงจังเฉียบขาด ดวงตาใสกระจ่างมองน้องสาวเนิ่นนานราวกับต้องการจารึกใบหน้าที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันเช้าจรดค่ำ ทุ่มเถียงมีปากเสียงกันก็ไม่น้อย ทว่านางรักน้องสาวเกินกว่าจะยอมให้พลับพลายตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน “ข้าไม่ไป จะไปก็ไปด้วยกัน!” พลับพลายเบิกตาโพลง กระทืบเท้าย่ำเหยียบลงกับพื้นแสดงความไม่พึงพอใจ “อย่ามาดื้อด้านกับข้า! ข้าพูดคำไหนคำนั้น ไสหัวไป!” ไม่รีรอให้น้องสาวในอุทรแย้ง หญิงสาวงามสง่ากางปีกปกป้อง เสียงผิวปากยั่วเย้าฉุดฝูงดำทะมึนโบยบินกระจัดกระจายมองนางตาเป็นมัน สุดแล้วแต่ชะตาสวรรค์จะโปรด ถึงนางจะไม่รอดแต่ในความหวังอับริบหรี่ก็หวังให้น้องสาวอันเป็นที่รักและมีนิสัยแปลกประหลาดรอดพ้นจากภยันอันตรายมุ่งหน้าสู่เกาะพานเร้นโดยสวัสดิภาพด้วยเถิด “บิดามารดาพวกข้าไม่รีบร้อนลงไปเยี่ยมเยียนบิดามารดาของพวกเอ็งดอกพลับพลึง ป่านนี้ท่านลุงอ่อนแอขี้โรคของเอ็งไม่กระวนกระวายใจจนตาเหลือกไปแล้วหรือ” น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่เหยียดหยันขานตอบ พนาสูร ผู้ปกครองพงศ์เผ่าอีกาฆาตกล่าวย้ำซ้ำเติมว่านางเป็นบุตรสาวกำพร้ามีเพียงท่านลุงผู้อ่อนแอเปราะบางคอยเลี้ยงดูอุ้มชูประหนึ่งบุตรสาวในอุทร “วาจาต่ำช้าส่อสันดานดีแท้! มิน่าเล่าถิ่นกำเนิดพวกเอ็งถึงต่ำตมอาศัยอยู่ในถ้ำปลายอุโมงค์ เนื้อตัวจึงได้มีแต่สีดำเมี้ยมปราศจากสีสัน อย่างว่าละนะอีกาก็เป็นอีกาอยู่วันยังค่ำจะเสนอหน้ามาเทียบชั้นกับเผ่านกยูงเยี่ยงข้าได้อย่างไร” พลับพลึงกระตุกเหยียดยิ้มมุมปาก ไร้อารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ วาจาดั่งคมมีดเชือดเฉือนดูหมิ่นฝูงนักล่าทางด้านหลังไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขณะเดียวกันสายตาเปล่งประกายสอดส่องหาทางหลบหนีแบ่งแยกสมองเป็นสองทาง “สามหาว!” เสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหนักตวาดเสียงดังลั่น อีกาสีทะมึนดุจเถ้าถ่านมีร่องรอยบาดแผลบากลึกฉกรรจ์ ดวงตาหนึ่งข้างมืดบอดขาวโพลนจากการต่อสู้ชิงอำนาจภายในเผ่า “มันจะมากเกินไปแล้วนะนังพลับพลึง!” “ไม่มากเกินไปดอก คนต่ำช้าอย่างพวกเอ็งเหมาะสมคู่ควรกับน้ำลายหยาบของข้าอยู่แล้ว” สายลมกระโชกแรงเหนือท้องนภาหมุนลอดเป็นเกลียวผ่านใต้ท้องปีกสยายสง่างามสีเขียวประกายฟ้าครามระยิบระยับพร่างพราวดุจดวงดารา กลิ่นอายความเย่อหยิ่งจองหองอบอวลแผ่กำจายมาจากเรือนร่างพริ้วไสวบินโฉบหลอกล่ออยู่ทางด้านหน้า ภายในใจของนางจะร้อนลนเพียงใดแต่ท่วงท่ายังคงรักษาความสงบนิ่งปราศจากความขลาดกลัว ในชั่วพริบตาสายตาหลักแหลมเล็งเห็นฝูงนกกระเรียนกลุ่มใหญ่หลายร้อยตัวแตกฮือโบยบินพวยพุ่งมุ่งหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้าคนละทิศละทาง นกยูงสาวอาศัยช่วงจังหวะชุลมุลโฉบบินแทรกกลางปะปนเข้ารวมกลุ่มนกกระเรียนก่อนจะชะลอความเร็ว ส่งผลให้ฝูงอีกาฆาตที่กำลังเร่งรุดติดตามปะทะเข้ากับเหล่านกกระเรียนอย่างจัง ปีกขนแข็งกร้าวแผ่สยายดุจดั่งเรือใบสีขาวไข่มุกตีพับสะบัดฝูงอีกาฆาตจนแตกกระเจิง ในขณะที่นางกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องให้กับความพ่ายแพ้สุดโง่เขลาของศัตรู เสียงดังกัทปนาถแสบแก้วหูชวนให้สมองมึนตื้อ เกิดอาการบื้อใบ้ขึ้นมาชั่วขณะ เสียงนั้นดังขึ้นหลายครั้งแต่ละครั้งบาดเสียดแก้วหูมักจะนำพาวัตถุกลมเล็กเฉียดปลายปีกสยายสง่างามของนางเฉียดฉิวจนกระทั่งนัดสุดท้าย... ปัง! วัตถุแปลกประหลาดกระแทกเข้ากลางลำตัวอย่างจังจนร่างงามสง่าแฝงกลิ่นอายเย่อหยิ่งดื้อรั้นเยี่ยงคนสูงศักดิ์ ร่วงหล่นจากท้องนภากระแทกสู่พสุธาอันมีพุ่มหญ้าปกคลุมให้ความรู้สึกนิ่มนุ่มบางเบาโดยไม่ทันระวังตั้งตัว ความรู้สึกแรกถาโถมเข้ามาคือความรู้สึกจุก ก่อนจะเจ็บระบมจนพลิกตัวกลับมาไม่ได้ นกยูงสาวทำได้เพียงนอนหงายสูดลมหายใจเข้าลึกข่มความเจ็บปวดภายในร่างกาย เพียงขยับเขยื้อนความเจ็บปวดพลันถาโถมท่วมร่างจนหนังตากระตุก ดวงตาใสกลิ้งกลอกเหลือบมองซ้ายขวาหมายจะจดจำหน้าผู้กระทำ “ไอ้บัดซบตัวไหนมันกล้าทำร้ายข้า!” แค้นนี้ต่อให้ต้องตายร่างแหลกแหลวนางก็จะแก้แค้นให้มันผู้นั้นได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสมากกว่านางร้อยเท่าพันเท่า! เสียงย่างเท้าแหวกพุ่มหญ้าดังขึ้นมาสวบสาบมาจากพื้นที่ทางด้านซ้ายในป่าลึกที่นางไม่รู้จักมักคุ้นมาก่อน เสียงนั้นดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงกล้าทำให้ดวงตาใสกระจ่างหรี่สายตาลงเพื่อปรับระดับสายตาให้มั่นคงจดจำคนหยาบกระด้างผู้นี้ให้ขึ้นใจ “ไหนข้าจะดูหนังหน้าคนที่มันกล้าลงมือกับข้าหน่อยสิ!” พลับพลึงกัดฟันกรอด ตั้งหน้าตั้งตารอดูหน้าคนโฉดที่กล้าลงไม้ลงมือกับตน ร่างองอาจกำยำสูงใหญ่สะพายปืนอีเดียวกระบอกยาวบรรจุกระสุนหลายนัด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายอายุรุ่นราวยี่สิบปลายเลิกคิ้วมองสัตว์ตัวน้อยที่พึ่งถูกเขายิงตกลงมา จมูกโด่งสันมีหยาดเหงื่อหลายเม็ดผุดผาด ริมฝีปากได้รูปขยับเอื้อนเอ่ยวาจาเสียงทุ้มเข้ม พลางยกหลังมือหนาเปรอะเปื้อนด้วยดินโคลนปาดเช็ดเหงื่อบริเวณกรอบหน้า “เห็นชัดๆ ว่าข้ายิงถูกเป้าแต่ทำไมไม่เห็นมีเลือดเลยสักนิด เอ็งหนังเหนียวคงกระพันรึ” เจ้าของร่างใหญ่เอ่ยเย้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้นางโมโหจนแทบอยากจะกระอักเลือดออกมาถ่มใส่หน้าเขา “ข้าได้ไก่ฟ้าวะ...” ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก้มโค้งชะโงกมอง ‘ไก่ฟ้า’ ที่เขาพูดถึง ร่างเล็กสีสันเปล่งประกายระยิบระยับ นอนแผ่หลาอ่อนระโหยโรยแรงจากการถูกวิถีกระสุนยางกระแทกกลางลำตัวคงจะรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างแรงกล้ากระมังจึงส่งสายตาต่อว่าต่อขานเขาเช่นนี้ ‘ข้าเป็นนกยูงผู้เลอโฉมงดงามประดุจภาพวาด อ่อนหวานหยาดเยิ้มประหนึ่งบุปผา เพรียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทงามสง่า! อ้ายคนตาต่ำผู้นี้ตาบอดหรืออย่างไรถึงแยกแยะไก่ฟ้ากับนกยูงผู้งดงามอย่างข้าไม่ออก!’ ‘ไรขนข้าสง่างามอ่อนนุ่มจะเป็นไก่ฟ้าหยาบกระด้างเหล่านั้นได้อย่างไร!’ “ตัวเล็กผอมกระหร่องแบบนี้คงไม่มีเนื้อหนังให้ย่างกิน จับกลับไปขุนให้อ้วนพีสักพักคงไม่เป็นไร” เขาครุ่นคิดพลางพูดประหนึ่งว่าตนเป็นพระโพธิสัตว์มาโปรด มือสากเอื้อมมือมาคว้าลำคอเล็กของร่างอ่อนระโหยโรยแรงที่ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งสุ้มเสียงให้ส่งเสียงร้อง ปีกสยายที่เคยโฉบบินสง่างาม บัดนี้กลับตกลู่แนบลำตัว หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดหลั่งรินบริเวณปลายหางตา ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมเป็นลูกไก่ในกำมือ ห้อยกระเตงตามบุรุษแปลกหน้ามุ่งสู่ความตาย ‘อ้ายบัดซบ!’ ‘ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว ข้าไม่กระดิกตัวก็เพราะว่าเจ็บแต่อ้ายหยาบช้าผู้นี้กลับคว้าคอข้าเหมือนคว้าคอไก่ไม่มีผิด ฮือออ! ท่านลุง! น้องข้า! ช่วยข้าด้วย!’ ร่างเล็กเปล่งประกายทอแสงจำยอมให้เขาหิ้วลำคอเล็ก ทว่า...ในที่สุดนางก็ทนรับความเจ็บปวดจากการเดินไม่รู้หนักเบาจนร่างบอบช้ำกระแทกต้นขาแกร่งแกว่งไปมาไม่ไหว สลบเหมือดคาฝ่ามือหยาบกร้านของชายผู้นี้แต่โดยดี...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD