เช้าวันถัดมานั้น อากาศสดชื่นและเงียบสงบเกินกว่าจะบอกได้ว่าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้กำลังจะตกอยู่ในความวุ่นวายอันเกิดจากความรู้สึกของคนสองคนที่เริ่มลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ไม่อาจควบคุมได้ และมันก็เริ่มก่อตัวเป็นความตึงเครียดในใจของทั้งองค์ชายและหญิงสาว
หญิงสาวตั้งแต่เช้าก็ออกไปทำงานในสวนเหมือนทุกวัน องค์ชายมองเธอจากในบ้าน สายตาของเขาหลุดไปจากงานที่ต้องทำ มือของเขาที่จับคันปากหวายสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอก้มตัวทำงานอย่างขยันขันแข็ง เธอเคยบอกเขาว่าไม่เคยเกี่ยงงานหนักมาก่อน แม้จะเป็นงานในสวนที่ต้องใช้แรงกายมากมาย แต่นางก็ทำมันด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งและมุ่งมั่น
เขาลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินไปหาหญิงสาวที่กำลังดายหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน สายลมเย็นๆ ลูบไล้ใบหน้าของเขา เขาก้าวข้ามผ่านเส้นแบ่งระหว่างเขากับโลกของคนธรรมดา ไปยืนอยู่ข้างเธออย่างเงียบๆ
“ทำไมถึงไม่ให้ข้าช่วย?” องค์ชายถามเบาๆ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากการทำงาน และมองเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจนัก สายตาของเธอเย็นชาและห่างเหินแม้จะเห็นว่าเขายืนอยู่ใกล้ๆ
“เจ้าก็ต้องทำงานของเจ้าสิ” เธอตอบเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปทำงานต่อ
องค์ชายเห็นท่าทีห่างเหินของหญิงสาวแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่เคยรู้สึกถึงความห่างเหินจากใครมาก่อน นอกจากตอนนี้
“ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างคนเดียวหรอก” เขาพูดต่อ
หญิงสาวหยุดมือจากการทำงานและหันมามองเขา ดวงตาของเธอเจือไปด้วยความลังเลและความกังวลใจ “เจ้าคงไม่เข้าใจหรอก”
“ข้า… ข้าเข้าใจ” องค์ชายพูดเสียงแผ่ว เขาก้มหน้าและเดินไปข้างหลังหญิงสาว ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเครื่องมือการทำสวนจากมือเธอ
“ให้ข้าช่วยหน่อยเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หญิงสาวมองเขาเงียบๆ เธอกลับไม่คาดคิดว่าองค์ชายจะทำตัวเป็นเหมือนคนธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกที่ทำให้เธอสับสนเกิดขึ้นอีกครั้งในใจ
“ถ้าเจ้ามาช่วย ข้าก็ไม่ปฏิเสธหรอก” เธอตอบเสียงเบา
องค์ชายยิ้มและเริ่มช่วยเธอทำงานในสวน แต่ความรู้สึกของทั้งสองกลับไม่เหมือนเดิม ขณะเขากำลังดายหญ้าอยู่ข้างๆ หญิงสาว ก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่เริ่มทวีความเข้มข้นขึ้น แม้จะเป็นแค่การทำงานร่วมกัน แต่พวกเขากลับรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกเขา
เวลาแห่งความสงบสุขนั้นค่อยๆ ผ่านไปจนถึงเย็น สายลมเย็นพัดผ่านผิวหน้าและร่างกาย ทั้งสองหยุดทำงานเมื่อมองเห็นแสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า หญิงสาวมองไปที่ท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มทองและสีชมพูแสนสวย
“เจ้ามักจะมองท้องฟ้าแบบนี้เสมอหรือไม่?” องค์ชายถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หญิงสาวพยักหน้า และเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเขาด้วยดวงตาที่จริงจัง “ข้าชอบมองท้องฟ้า มันทำให้ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าที่ข้าจะไปถึง”
คำพูดของหญิงสาวทำให้หัวใจขององค์ชายรู้สึกสะเทือน เขาคิดถึงสิ่งที่เขาเคยพูดกับตัวเองเมื่อครั้งยังอยู่ในวัง ท้องฟ้าสดใสและเส้นขอบฟ้าที่เขามองไปนั้นก็คือเส้นทางที่เขาต้องเดินไป เพื่อหนีจากความกดดันในฐานะองค์ชาย แตตอนนี้ ท้องฟ้าที่เขามองกลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงสิ่งที่เขาหลงหายไป—ความรู้สึกของการมีใครสักคนที่สามารถทำให้โลกทั้งใบดูเล็กลง
องค์ชายก้าวไปข้างหน้าและยืนข้างๆ หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าสวน เขายืนนิ่งๆ สักพักแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ข้า… ข้าไม่อยากจากไปจากที่นี่”
หญิงสาวหันมามองเขา สายตาของเธอเจือไปด้วยความสงสัยและความสงบ แต่ในใจของเธอเองกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจแสดงออกได้
“มันจะเป็นไปไม่ได้หรอก” เธอพูดเสียงต่ำ
องค์ชายขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขายังคงยืนนิ่งๆ ตรงนั้น แม้จะรู้ว่าความรักของพวกเขามีอุปสรรคมากมาย เขาก็ไม่อาจจะยอมแพ้ให้กับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
“บางสิ่งมันก็อาจจะเป็นไปได้” องค์ชายพูดขึ้นเสียงเบา “ข้าไม่อยากให้มันเป็นแค่ความฝัน”
หญิงสาวเงียบไป ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปในขณะนี้ ความเงียบที่ปกคลุมทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองยิ่งตึงเครียดขึ้น
“ข้าก็ไม่อยากให้มันเป็นแค่ความฝันเหมือนกัน” เธอพูดเสียงเบา
ช่วงเวลานั้น ทั้งสองมองหน้ากัน รู้ดีว่ามีอะไรบางอย่างที่พวกเขาต้องเลือก แต่ทั้งสองก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน