บทนำ รักแรกพบ
ปึก!
“ว๊าย!”
ขณะที่เขากำลังเดินตรงไปด้านหน้า แต่เพราะมัวสนใจคุยโทรศัพท์กับพี่ชายตัวเอง เลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนเดินสวนทางมา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาชน พร้อมกับเสียงร้องที่ดังขึ้น
สายตาคมเหลือบมองบนพื้น จากเสียงร้องและลักษณะ รวมถึงชุดเดรสสั้นของคนที่ล้มก้นกระแทกอยู่ตรงหน้า มันบ่งบอกได้อย่างดีว่าเธอคือผู้หญิง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” มาวินเอ่ยถาม พร้อมกับยื่นมือออกไปให้เธอจับ เพื่อที่เขาจะได้พยุงเธอให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอโทษนะคะ พอดีมัวแต่คุยโทรศัพท์เลยไม่ทันได้มองค่ะ”
ฝ่ามือเรียวเล็กวางลงบนมือของเขาก่อนที่จะดึงตัวเธอลุกขึ้น ตอนนี้เองที่มาวินได้สังเกตคนตรงหน้าชัด ๆ ว่าเธอตัวเล็กมาก ความสูงแค่ระดับอกของเขาเท่านั้น นอกจากจะตัวเล็กมากแล้ว เธอยังน่ารักมากอีกด้วย
ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ใบหน้ารูปไข่ที่รับกับผมสั้นได้อย่างลงตัว เธอไม่ใช่คนสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ แต่เธอมีเสน่ห์มาก มากเสียจนเขาไม่อาจจะละสายตาจากคนตรงหน้าได้เลย
“ไม่เป็นไรครับ คุณไม่เจ็บอะไรมากก็ดีแล้ว” เขาตอบกลับไปด้วยความสุภาพตามนิสัย ในขณะที่สายตายังจ้องมองเธอไม่ละ เหมือนสติจะหลุดไปในภวังค์จนได้ยินเธอเอ่ยคำพูดออกมา
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวครับ”
สัญชาติญาณทำให้ชายหนุ่มเอ่ยรั้งเธอไว้อย่างลืมตัว หญิงสาวที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหยุดชะงัก แล้วช้อนสายตามองคนตรงหน้า
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”
‘เชี่ย...ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ’ เขาได้แต่สบถคำอยู่ในใจ ปากเล็ก ๆ ที่กำลังขยับพูดแม่งโคตรน่าจูบ หากไม่กลัวว่าเธอจะตกใจ เขาล่ะอยากจะกระชากเข้ามาจูบให้รู้แล้วรู้รอด
“ขอถามชื่อได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ชื่อน้ำหวานค่ะ”
‘น้ำหวาน’ เป็นชื่อที่เหมาะกับเธอจริง ๆ เพราะใบหน้าของเธอมันหวานสมชื่อ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” คราวนี้น้ำหวานไม่ได้รอให้เขาตอบอะไรกลับมา ร่างเล็กรีบเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับมาวินอีกครั้ง
สายตาคมยังจับจ้องจนเธอเดินไปลับสายตา ฝ่ามือหนายกขึ้นมากุมที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเอาไว้ มันเต้นแรงมาก และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้
หรือว่า...นี่คืออาการตกหลุมรัก
ไม่รู้ยืนเหม่ออยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรรถดังอยู่ด้านหลัง ก่อนที่คนขับจะลดกระจกหน้าต่างลงและตะโกนต่อว่าเขา
“ยืนขวางถนนทำเหี้ยอะไร อยากตายเหรอวะ!”
ร่างสูงที่ยืนอยู่กลางถนนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนคนที่อยากตายน่าจะเป็นไอ้คนขับรถคันนี้มากกว่า กล้าดียังไงมาทำลายบรรยากาศดี ๆ ของเขาให้เสียหมด
สองเท้าก้าวเข้าไปหารถที่จอดอยู่ไม่ไกล หยุดยืนอยู่ข้างประตูฝั่งคนขับที่ลดกระจกลงจนสุด แล้วมือของเขาก็คว้าเอาคอเสื้อของคนที่นั่งอยู่ด้านในกระชากด้วยความแรงจนศีรษะของอีกฝ่ายมาอยู่นอกตัวรถ
“มึงพูดใหม่ซิ ใครนะที่อยากตาย”
ปืนที่ตอนแรกเหน็บอยู่ตรงเอว ตอนนี้ถูกดึงออกมาจ่อยังศีรษะไอ้คนขับรถที่กล้าดีตะโกนด่าเขา
“มะ ไม่มีครับ ผะ ผมขอโทษ”
อีกฝ่ายละล่ำละลั่กตอบแทบไม่เป็นภาษา เห็นท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้ามาวินก็จุดยิ้มพึงพอใจ ก่อนที่จะปล่อยมือให้เป็นอิสระ
หลังจากปล่อยไอ้ผู้ชายคนนั้นไป มาวินก็หันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าไปในเซอร์เลสคลับ อีกนิดเดียวก็จะถึงประตูทางเข้า แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็ก ๆ ของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในร้านสะดวกซื้อเสียก่อน
แล้วเขาก็เปลี่ยนจุดหมายในทันที
ขายาวเดินตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ติดกับคลับของเขาอย่างรีบร้อน บานประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดออก แล้วผู้ชายตัวโตก็พาตัวเองไปยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“ทำงานอยู่ที่นี่เหรอครับ”
เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถามทำให้น้ำหวานซึ่งกำลังหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่ต้องหันกลับมามอง
“อ้าวคุณ มาซื้อของเหรอคะ”
เธอเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้ม แค่รอยยิ้มเล็ก ๆ นั่นกลับทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาสว่างสดใสขึ้นมาในทันที เป็นความรู้สึกที่เหมือนได้อยู่ในทุ่งดอกไม้ก็ไม่ผิด
“คุณคะ คุณมาซื้อของเหรอคะ”
ถามไปหนึ่งครั้งแล้วแต่เขาไม่ตอบ น้ำหวานเลยเลือกที่จะถามย้ำอีกครั้งตามหน้าที่ของพนักงานที่ต้องบริการลูกค้า และคราวนี้มันก็ทำให้อีกฝ่ายเหมือนได้สติกลับมา
“เอ่อ...ครับ มาซื้อของครับ”
“แล้วคุณ...”
“มาวินครับ เรียก วิน เฉย ๆ ก็ได้” ผู้ชายอัธยาศัยดีรีบแนะนำตัวเองให้เธอรู้จัก
“ค่ะ แล้วนี่คุณวินต้องการจะซื้ออะไรคะ” เธอเรียกเขาด้วยชื่อ ยิ่งทำให้ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่า
“ปวดหัวครับ อยากได้ยาพาราฯ สักแผง”
ตอบส่ง ๆ ไปแบบนั้น ทั้งที่ตอนนี้รู้สึกสบายดีทุกอย่าง แต่เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาว่าจะซื้ออะไร จึงเอ่ยบอกในสิ่งที่สายตาเหลือบไปเห็นพอดี
“ปวดหัว...แล้วมีไข้ไหมคะ”
หญิงสาวตัวเล็กหันกลับหลังไปอีกครั้ง เปิดตู้ยาออกเพื่อหยิบยาพาราเซตามอลมาให้ตามที่เขาต้องการ
“ไม่มีไข้ แล้วก็ไม่มีใครด้วยครับ โสดมาก”
“คะ?”
น้ำหวานหันขวับกลับมามองหน้ามาวินอีกครั้งก่อนที่เธอจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ กับมุกเสี่ยว ๆ ที่ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินใครเขาพูดกันแล้ว โดยเฉพาะผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
“เป็นโสดกินยาพาราฯ ไม่หายนะคะ”
“แต่ถ้าได้กินคนขาย อาจจะหายก็ได้นะครับ”
พวงแก้มนิ่มสองข้างแดงปลั่งทันทีที่เขาพูดจบประโยค ‘ให้ตายเถอะ แม่งโคตรน่ารัก’ หัวใจของชายหนุ่มในตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกเสื้อยืดที่เขาสวมอยู่ ให้ไปสาบานต้องตายโหงตายห่าที่ไหนก็ได้ กล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
“รับอย่างอื่นเพิ่มไหมคะ”
น้ำหวานรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ่งโดนผู้ชายตัวโตจ้องเธอก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก แล้วเขาก็ไม่มีทีท่าจะละสายตาไปง่าย ๆ ด้วย
“ไม่รับอย่างอื่น แต่เลิกงานแล้วมารับน้ำหวานไปส่งบ้านแทน จะได้ไหมครับ”
คนอย่าง มาวิน อัศวโภคิน ไม่เคยอ้อมค้อม เมื่อเขาถูกใจก็จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่อยากได้ แต่อาการแบบนี้มันคือ รักแรกพบ ไม่ผิดแน่
“ไม่ดีมั้งคะ เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเอง”
หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน ถ้าให้นับเวลาที่ได้เจอหน้าเขา รวมตั้งแต่เดินชนกันเมื่อครู่จนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ อีกฝ่ายนิสัยอย่างไรก็ไม่รู้ ถึงแม้จะหน้าตาดีจนแทบใจละลาย แต่มันก็ยังเร็วไป
“ครั้งแรกที่ไหนครับ เราเจอกันสองครั้งแล้วนะ” มาวินพูดต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “ครั้งแรกตอนที่เราเดินชนกัน ส่วนตอนนี้ นับเป็นครั้งที่สองครับ”
“ก็ยังเร็วไปอยู่ดีค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะพอดีล่ะครับ”
น้ำหวานได้แต่ก้มหน้างุดเมื่อไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร แล้วระหว่างที่เธอเงียบก็มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาในร้านพอดี นั่นจึงทำให้ได้โอกาสละสายตาจากเขาหันไปสนใจลูกค้าคนใหม่แทน
“ขอโทษนะคะ พอดีฉันต้องทำงานน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...วันหลังผมจะมาหาใหม่นะครับ”
เจอกันครั้งแรกก็ไม่อยากรุกหนักจนอีกฝ่ายต้องกลัว แต่จะว่าไปแล้ว หรือเขาจะรุกเธอเร็วเกินไปนะ
มาวินยอมกลับออกมาจากร้านเพราะไม่อยากขวางเวลาทำงานของเธอ เดี๋ยวเขาจะกลายเป็นต้นเหตุให้คนตัวเล็กโดนเจ้าของร้านว่าเอาได้หากไม่ตั้งใจทำงาน
‘หรือจะบอกให้เธอเลิกทำงานดี’ เป็นความคิดที่เพิ่งแวบเข้ามาในสมอง แล้วก็ต้องรีบสลัดทิ้งในทันที เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงวัน หากไปบอกแบบนั้นเธอคงกลัวเขาแน่ ๆ
อืม...ถ้างั้นก็จีบให้ติดก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที...
///////////////////////////////////////////////////////