มาช่าหล่อนเห็นลิลิธตาเดินเข้าห้องน้ำไป หล่อนก็รีบลุกขึ้นดึงชายกระโปรงของตนเองลงที่ตั้งใจนั่งถลกให้รั้งสูงขึ้นเพื่อโชว์ต้นขาเนียน ท้าอวดสายตาผู้ชายตรงหน้าอย่างย่ามใจ จนแทบจะแหวกเห็นถึงกางเกงลูกไม้ชั้นในตัวจิ๋ว ลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์ เพื่อตามลิลิธตาไป แต่ก็ไม่วายชำเลืองมองอธิรักษ์จตุรเทพ กับภาสกรจตุรเทพ และสีหน้าของผู้ชายทุกคนในระยะสายตาที่มองตามแผ่นหลังเนียนสวยจัดของลิลิธตาไป อย่างหมั่นไส้เต็มไปด้วยความริษยา ทำไมลุงของเธอต้องรับแม่นี่เข้ามาทำงานที่ผับ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการคู่กันกับเธอด้วย มาช่าไม่พอใจที่มีเธอแล้วทำไมถึงต้องมีลิลิธตามาเป็นคู่แข่ง
ลิลิธตาหัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เรียวขางามบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว แทบจะย่างก้าวเดินต่อไปไม่ถูก รู้สึกหวิวโหวงตัวชาหน้าร้อนผ่าวราวกับต้องไอน้ำร้อน ทันทีที่เผลอสบตาอธิรักษ์จตุรเทพ จึงต้องหนีเข้ามาตั้งหลักในห้องน้ำ
‘ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เขาตามเธอมาเหรอ หรือว่าบังเอิญ หรือว่าเขารู้ว่าเธอหนีมาอยู่ที่ผับนี้ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร’
คิดไปสะระตะเขาจะจำเธอได้ไหม ลิลิธตาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตนเอง ไม่ให้มีเคล้าสาวน้อยเรียบร้อยแสนหวานติดลุคลูกคุณหนู ทว่าเวลานี้ผู้หญิงตรงหน้าเธอที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา สะท้อนชัดแต่ภาพของผู้หญิงทรงเสน่ห์ น่าค้นหา เซ็กซี่ สวยฉลาดมั่นใจในตนเอง
“ท่องเอาไว้นะลิลิธตา... ว่าเธอไม่ใช้สาวน้อยขี้แยคนเดิมแล้ว คนนั้นตายไปแล้ว เธอไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไป เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้ทั้งนั้น”
ลิลิธตาหล่อนยืนบอกกับตนเองในกระจกเงา ก่อนจะหลับตาเงยใบหน้าสวยจัดขึ้นเล็กน้อย พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนเต็มปอด ช่วยให้ตนเองผ่อนคลายหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น จนรู้สึกโล่งจึงค่อยๆ ลืมตา แล้วหยิบลิปสติกสีแดง ในกระเป๋าทรงคลัชขึ้นมาทาวาดไปตามเรียวริมฝีปากได้รูป เรียกความมั่นใจให้ตนเองคืนมา ยังไม่ทันที่จะได้หมุนปิดฝาลิปสติกที่เพิ่งระบายทาทับบนเรียวปากเสร็จ ร่างระหงก็ถูกกระชาก อย่างแรงตามแรงอารมณ์ของคนกระชากให้หันมา
เพียะ!
มาช่าตามมาตบลิลิธตาในห้องน้ำ ด้วยความหมั่นไส้อย่างเอาแต่ใจตนเอง ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ที่เพิ่งเข้าห้องน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาเห็นเหตุการณ์พอดี กรีดร้องอย่างตกใจ รีบวิ่งหนีไปผลักประตูใหญ่ออกไปนอกห้องน้ำทันที
หล่อนตบลิลิธตาได้แค่ทีเดียวก็ร้องลั่น
โอ้ย!
“ลิลิธ! อีเลว! แกกล้าทำฉันเหรอ ฉันจะฟ้องคุณลุงให้ไล่แกออก” มาช่าเลือดขึ้นหน้ายืนชี้หน้าลิลิธตาด่ากราดอย่างสติหลุด เจ็บระคนตกใจ ไม่คิดว่าลิลิธตาจะกล้าสู้เธอ ถึงกับขนาดทำให้เธอหัวแตก
ลิลิธตาขว้างลิปสติกในมือใส่มาช่าโดนเข้าที่หน้าผากจนหัวหล่อนแตก ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไป ได้ยินแต่เสียงมาช่าร้องกรี๊ดอยู่ในห้องน้ำไล่หลังเธอ พร้อมเสียงตะโกนอาฆาต
“ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” ร่างกายมาช่าสั่นเทา เล็บนิ้วมือที่ทาสีแดงฉาดกำจิกฝังเข้าไปในเนื้อใจกลางฝ่ามือ ยืนมองร่างตนเองในกระจกเงาตาขวาง เฝ้าคิดหาทางกำจัดลิลิธตา ให้ออกไปให้พ้นจากผับนี้
ลิลิธตาเดินกลับมาที่รถของตนเอง ยกมือกุมใบหน้าข้างที่โดนตบพรางพูดกับตนเองอย่างไม่เข้าใจมาช่า ว่าเธอไปทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจหนักหนา ถึงต้องตามหาเรื่องเธอทุกวัน เธอแค่อยากทำงานอยากหาเงินเลี้ยงตนเอง ไม่อยากพึ่งพาใครแม้แต่บิดา
“ไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาตบกันด้วย ดีสมน้ำหน้าให้หัวแตกหมอเย็บไปเลย”
มาช่าหล่อนเดินแกรมวิ่ง มือยกกุมหน้าผากที่มีเลือดไหลอาบเล็กน้อย จะไปฟ้องลุงเอนกนันท์ให้ไล่ลิลิธตาออกที่ทำร้ายเธอจนหัวแตก
“สวัสดีครับคุณอธิรักษ์ สวัสดีครับคุณภาสกร” คุณเอนกนันท์ชายวัยเกษียณเจ้าของผับแห่งนี้ยกมือขึ้นไหว้ สองหนุ่มจตุรเทพ อย่างนอบน้อม
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ” โค้งคำนับก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่าง
อธิรักษ์ปลายตามองชายวัยเกษียณ พร้อมเอ่ยถามขึ้น
“ได้ข่าวว่าคุณเอนกนันท์รับผู้ช่วยมาใหม่”
“อ่อ! ใช่ครับ”
อธิรักษ์เอ่ยเข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ผมต้องการผู้ช่วยของคุณอีกคนที่ไม่ใช่คนที่เพิ่งลุกไป” อธิรักษ์หมายถึงลิลิธตา ไม่ใช่มาช่าที่มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อฉอเลาะเขา แสดงตัวผิดกาลเทศะจนน่ารำคาญ
“ผมขอโทษด้วยครับที่หลานสาวผมไม่ค่อยรู้กาลเทศะ เดี๋ยวผมตามลิลิธให้มาดูแลคุณอธิรักษ์แทนผมนะครับ”
ชายหนุ่มทรงอำนาจเบื้องหน้าคุณเอนกนันท์เอาแต่ เงียบ ไม่ตอบรับและก็ไม่ปฏิเสธ ทำให้เขาต้องหาวิธีเอาใจ
“เชิญคุณทั้งสองที่ห้อง วีไอพี ได้เลยครับ... เดี๋ยวผมให้ลิลิธขึ้นไปหาบนห้อง” นั่นแหล่ะคือสิ่งที่อธิรักษ์ต้องการ
“เชิญคุณทั้งสองที่ห้อง วีไอพี ชั้นบนได้เลยครับ... เดี๋ยวผมให้เด็กไปตามลิลิธขึ้นไปพบพวกคุณที่ชั้นบน” นั่นแหล่ะคือสิ่งที่อธิรักษ์ต้องการ เขาต้องการความเป็นส่วนตัวกับเธอ
อธิรักษ์ยืนขึ้นเต็มความสูง ทำให้คุณเอนกนันท์ต้องรีบลุกขึ้นตาม มีแต่ภาสกรจตุรเทพที่ยังคงนั่งดื่มอยู่ที่โซฟา เรือนกายสูงใหญ่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ทรงเว้าด้านหน้าผ่าลึกลงมาต่ำถึงแผงอกหนา ที่ลำคอประดับด้วยสร้อยทองคำขาวเป็นรูปจี้ไม้กางเขน ขนาดกลางไม่ใหญ่มาก ส่วนตัวขนาดสร้อยนั้นยาวตามรอยผ่าลึกของรอยดีไซน์เสื้อที่ผ่า สร้อยทองคำขาวถูกวางแนบมวลมัดกล้ามเนื้อ ขลับให้เขานั้นดูโดดเด่น
ไม่ต่างจากอธิรักษ์จตุรเทพ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สมส่วนไม่บางมากผิวค่อนไปทางขาว ทำให้อธิรักษ์นั้นดูสง่างามดุจดังเจ้าชาย สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มค่อนไปทางดำ ปลดกระดุมด้านหน้าลงสามเม็ด เปิดเปลือยให้เห็นไรขนเซ็กซี่ที่ไม่หนามาก บนแผงอกหนา แน่นไปด้วยมวลมัดกล้ามเนื้อชายเป็นรอนคลื่นเรียงสวยตลอดรอยแยกของสาบเสื้อ อธิรักษ์กับภาสกรพวกเขาดูทรงเสน่ห์ ไม่ต่างจากรัชชานนท์ ธินกร อัครเดช และชินดิษฐ์ทุกคนในกลุ่มจตุรเทพ ไม่แปลกที่พวกเขาจะปรากฏตัวที่ไหน ก็มักจะโดดเด่นเป็นที่สนใจของทุกคนเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ที่นี่ ครั้งแรกที่พวกเขามาปรากฏตัวก็สร้างความฮือฮาให้แกทุกคนไม่น้อย ยังความแปลกใจ สร้างความประหลาดใจให้แกทุกคนที่เห็น เพราะผับนี้ไม่ใช่ผับใหญ่โตหรือโดดเด่นอะไรมากมาย เป็นแค่ผับเล็กๆ ผับการเมืองท้องถิ่น วันนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะสาวๆ ต่างตื่นเต้นที่มีโอกาสได้เห็นพวกหนุ่มๆ ในกลุ่มจตุรเทพตัวเป็นๆ ตัวจริงๆ ปกติจะได้เห็นแค่ในทีวีหรือในนิตยสาร
ภาสกรไม่ขยับลุกจากโซฟา อย่างรู้ใจเพื่อนรักว่าคงไม่ต้องการให้เขาตามขึ้นไปชั้นบน แต่ทว่าอธิรักษ์นั้นยังไม่ทันได้ก้าวตามคุณเอนกนันท์ไปชั้นพิเศษ การ์ดจตุรเทพที่ส่งให้คอยตามดูแลลิลิธตาก็เดินเข้ามากระซิบรายงานเขา ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องน้ำ ไม่มีใครสามารถคาดเดาความรู้สึกของอธิรักษ์จตุรเทพ ณ เวลานี้ มีแต่น้ำเสียงเย็นเยือกสั่งการ์ดของเขา ให้จัดการ
“สั่งสอนให้หลาบจำ... ถ้ามีครั้งต่อไปคงไม่ต้องให้ฉันพูดอีก”
“ครับนาย”