02 - ผ้าเช็ดเท้าห่อทอง

1487 Words
หลังจบการประกวด ผลออกมาตามที่เซียนนางงามหลายคนคาดการณ์เอาไว้ ดวงยิหวาได้รับมงกุฎมิสเบตงไปอย่างไม่ค้านสายตาผู้คน หลังจบการแข่งขันใบหน้าสวยที่สาดรอยยิ้มหวานไปทั่วเวทีพลันสลายหายไป เพียงดวงยิหวาก้าวเท้าลงถึงจุดพักที่ด้านหลังของเวที “ทำไมชอบทำหน้าทำตาแบบนี้อยู่เรื่อย” ปิติเอ่ยว่าเมื่อเห็นใบหน้าสวยบึ้งตึงจนไม่ชวนมอง ทั้งที่เธอเพิ่งจะผ่านช่วงเวลาที่น่าจะมีความสุขมาแท้ๆ “แข่งจบแล้วยังต้องปั้นหน้ายิ้มอีกเหรอคะ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ แต่มันคือการเสแสร้งที่มองแค่แวบเดียวก็ดูออกเสียแล้ว “ตามใจ อยากจะทำให้มันติดเป็นนิสัยก็เรื่องของแก พี่เหนื่อยจะพูดแล้ว สอนอะไรดีๆ ให้ไม่เคยจำ” ปิติไม่พอใจกับความหัวดื้อของดวงยิหวาเท่าไหร่นัก แม้ว่าเธอจะเรียนรู้เร็วและมีพรสวรรค์เพียบพร้อมจะเป็นนางงาม ทั้งความฉลาดและรูปร่างหน้าตา แต่นิสัยเอาแต่ใจที่แฝงอยู่ในส่วนลึกของเธอก็มักจะโผล่มาบ่อยครั้ง ยามที่ต้องอยู่ในสถานการณ์กดดันอย่างเช่นคราวนี้ ดวงยิหวายังคงกังวลอยู่กับเรื่องข่าวระเบิดแม้ว่าจะมาถึงที่นี่ได้สองวันแต่ก็ยังจิตตกไม่หาย มือเรียวปลดมงกุฎจากหัวก่อนจะยื่นให้กับชวนชม ชายหนุ่มร่างกำยำแต่หัวใจอ่อนโยนที่ยืนซับหน้าเธออยู่ “แล้วนี่จะไปไหน” ปิติรีบถามขึ้น พอโดนดุดวงยิหวาก็มักจะเดินหนี ยิ่งหลังๆ มานี้มีชื่อเสียงมากขึ้นก็มีแต่จะควบคุมยากขึ้นทุกที ยิ่งใกล้เวลาลงประกวดเวทีใหญ่แม่นางงามร้อยเวทีก็ดูจะเอาแต่ใจจนปิติชักจะเอือมละอา “จะไปห้องน้ำค่ะ ไปได้ใช่ไหมคะ” คนถูกถามหันมาประชดประชัน ปิติไม่ได้ตอบคำถามเขาเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจไล่อารมณ์หงุดหงิดออกจากความคิด ‘ถ้าได้ตำแหน่งนางสาวแดนสยามขึ้นมาจริงๆ จะไม่เหยียบหัวกันเลยหรือไง’ เขาพลางคิดในใจขณะที่มองดูร่างระหงค่อยๆ เดินจากไปจนกระทั่งลับตา ร่างบางในชุดยาวรุงรังเดินกระทืบเท้าออกมาหาที่สงบๆ สูดอากาศ เธออยากจะกลับบ้านในวันนี้พรุ่งนี้เสียให้ได้ จังหวัดยะลา หนึ่งในเขตระเบิดแดนใต้ ใครกันจะอยากอยู่นานๆ กลัวก็กลัวแต่กลับต้องมาปั้นหน้าโปรยยิ้มหวานอยู่ได้ เธอไม่พอใจตั้งแต่รู้ว่าจะมาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพราะกลัวระเบิดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตามสัญญาที่คุยกันไว้กับปิติ การกระกวดที่เชียงใหม่เวทีล่าสุดนั้นควรจะเป็นเวทีสุดท้าย ก่อนที่เธอจะเก็บตัวเพื่อเข้าประกวดนางสาวแดนสยามเพื่อคว้าตำแหน่งชนะเลิศ และเป็นตัวแทนไปแข่งมิสกาแล็กซี่ของปีนี้ ตามความตั้งใจของเธอ “ยิหวา” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้คิ้วสวยที่กำลังยุ่งเป็นปมพลันคลายจากกันโดยอัตโนมัติ ร่างบางหมุนตัวอย่างงดงามเพื่อหันไปหาปลายเสียง ภาพที่เธอเห็นชายรูปร่างสูงผิวคล้ำกร้านแดด ผมยาวรุงรังทั้งยังกระเซอะกระเซิงไม่มีราศีชุดทำงานที่ถึงจะดูเก่าแต่สะอาดตาที่เขาสวมใส่ยิ่งกลบฝังบารมีเศรษฐีแดนใต้จนไม่เหลือให้เห็น “คะ?” เธอตอบกลับเพียงสั้นๆ ดวงตาสวยมองหาทางหนีทีไล่เธอเพิ่งจะนึกได้ว่าตรงนี้ค่อนข้างจะลับตาคนเธอเองก็เพิ่งจะได้ตำแหน่งมา ไม่แน่ชายคนนี้อาจจะคิดมาทำร้ายเธอเสียก็ได้ “ไม่ได้คุยกันนานเลย สบายดีหรือเปล่า” เธอเผลอขมวดคิ้วสงสัย ‘ไม่ได้คุยกันนานเลย...อย่างนั้นหรือ’ เหตุใดเขาจึงได้เลือกทักทายด้วยคำพูดแบบนี้กัน “เอ่อ...ผมคีรีจำได้หรือเปล่า”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายคีรีจึงต้องแนะนำตัวเพื่อแก้เขิน อันที่จริงการสนทนาครั้งก่อนระหว่างเขาและดวงยิหวาก็ผ่านมาตั้งเป็นปีแล้วไม่แน่เธออาจจะลืมเขาไปเสียแล้วก็ได้แต่ถ้าแนะนำตัวเองสักหน่อยเธอคงจะนึกขึ้นมาได้เอง “ขอโทษนะคะแต่ฉันคิดว่าคุณคงจะจำคนผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักคุณ” ดวงยิหวาตอบกลับอย่างสุภาพและพยายามจะเดินหนี “เดี่ยวสิ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ” คีรีรีบเดินเข้าไปขวาง หรือความจริงแล้วดวงยิหวาจะยังโกรธเขาอยู่เรื่องที่เคยคุยกันไว้ว่าจะแต่งงาน แต่เขากลับปฏิเสธเธอจนเป็นเหตุให้ดวงยิหวาหายจากการติดต่อไปเป็นปี “ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณพูดเรื่องอะไรอยู่ แต่ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าฉันไม่เคยรู้จักกับคุณ” ดวงยิหวายืนยันหนักแน่นเธอเริ่มรู้สึกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ และลูกไม้ตื้นๆ ที่เขาเอามาหลอกเธอนั้นไม่มีทางหลอกคนสวยมีสมองแบบเธอได้สำเร็จแน่ “เดี๋ยวก่อนสิยิหวา” ชายหนุ่มผมยาวเดินตามสาวสวย ที่เขาเข้าใจว่าเคยรักกับเธอมาก่อนไป แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหันมายกมือขึ้นชี้หน้า “นี่!! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!!” เมื่อดวงยิหวาพยายามจะเดินหนีตีรีจึงต้องฉวยโอกาสคว้าแขนของเธอเอาไว้เพื่อเคลียร์ปัญหาระหว่างเขาและเธอแต่ดวงยิหวาที่กำลังหวาดระแวงกลับร้องลั่นทั้งยังทำท่าทางรังเกียจเขาอย่างชัดเจน “คุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม” เขาพยายามร้องขออย่างใจเย็นที่สุด “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น ถ้าคุณยังไม่เลิกมาตอแยฉันล่ะก็ ฉันจะร้องให้คนช่วย” คนสวยยื่นคำขาดเท้าเล็กๆ ก้าวรักษาระยะห่างจากคนแปลกหน้าไม่ว่าคีรีจะก้าวเข้ามากี่ก้าว เธอจะถอยหนีมากกว่าเขาสองก้าวเสมอ “ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะผมแค่...” “อยู่นี่เอง เจ๊ปลีให้มาตาม” เสียงของชวนชมทำให้ดวงยิหวารู้สึกปลอดภัยขึ้นในทันที เธอรีบสาวเท้าตรงเข้าไปหลบหลังร่างกำยำของเขาทันที “ใครน่ะยัยยิหวา” ชวนชมกระซิบถามเขามองเห็นผู้ชายรูปร่างคล้ายโจรยืนทำหน้าดุดันจ้องมองดวงยิหวาปานจะกลืนเธอไปทั้งตัว “ไม่รู้ ไปเถอะอย่าสนใจเลย” ดวงยิหวารีบบอกและพยายามจะหนีจากเขา “ว๊าย!!” ชวนชมร้องลั่นเมื่อถูกคีรีออกแรงผลักจนเซถลาก่อนที่มือสากจะคว้าเอาแขนเรียวของดวงยิหวาไปกำไว้แน่น “นี่!! ปล่อยนะ!! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” พดวงยิหวาตะโกนลั่นเมื่อคนแปลกหน้าบุกเข้ามาถึงตัวเธอ คีรีเองเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเขาดึงเอาร่างบางเข้าไปโอบไว้ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเธอเพื่อไม่ให้ส่งเสียงโวยวายแต่การกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้ดวงยิหวาหวาดกลัวมากกว่าเดิม “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆจานะคุณโจร อย่าทำอะไรนังยิหวามันเลย” ชวนชมเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่เกลี้ยกล่อมคนที่จับกุมดวงยิหวาเพื่อป้องกันไม่ให้เขลงไม้ลงมือจนเธอได้รับอันตราย “หุบปาก!! กูไม่ได้จะทำอะไรยิหวา กูแค่ต้องการจะเคลียร์ปัญหาหัวใจกัน!!” เขาคำรามลั่นใส่ชวนชม “ตายแล้ว!!!” เสียงของปิติที่ตามมาดูดวงยิหวากับชวนชมที่หายกันมานานผิดปกติ แต่เมื่อเดินมาถึงก็ต้องแหปากตะโกนด้วยความตกอกตกใจ ภาพของเพชรเม็ดงามกำลังถูกโจรกอดกุมเอาไว้พาให้นักปั้นหัวใจแทบวายปิติวิ่งปรี่เข้าไปอย่างไม่รีรอ ให้ตายอย่างไรเขาก็ต้องช่วยแม่ดวงยิหวาไว้ให้ได้ บ่อเงินบ่อทองบ่อใหญ่จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด “คุณคีรี” เมื่อเข้ามาถึงปิติมองดูหน้าของโจรที่กอดกุมดวงยิหวาจนเห็นชัดเจนว่าเป็นใครคนในพื้นที่อย่างปิติย่อมรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาดีผิดกับดวงยิหวากับชวนชมที่เป็นคนต่างถิ่น “เจ๊รู้จักไอ้โจรนี่ด้วยเหรอ” ชวนชมหันไปถามด้วยความสงสัย “โจรเจินอะไรกันล่ะ นี่คุณคีรี หนึ่งในสปอนเซอร์ใหญ่ของงานนี้ต่างหาก!!” ชวนชมหันกลับไปมองคนที่ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง เขากวาดมองสารรูปของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนงานใหญ่งานช้างครั้งนี้อีกครั้ง หากเรื่องที่ปิติกล่าวเป็นเรื่องจริง คีรีคนนี้จะไม่ใช่เพียงผ้าขี้ริ้วห่อทอง แต่ต้องเปรียบให้เป็นผ้าเช็ดเท้าห่อทองเลยถึงจะถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD