ตอนที่ 6 75 %

1453 Words
มนัสยากลับเข้ามาที่บ้านในเวลาเกือบเที่ยงวันด้วยสภาพที่ดูอ่อนล้า และเดินขาสั่นๆ อีก ครั้นเห็นมารดารอด้วยท่าทางกระวนกระวายเธอจึงพยายามบังคับสองขาให้กลับมาเดินอย่างมั่นคง "ยาหยี... ตกลงเรื่องพี่ชายลูกนั่นจริงอย่างที่ลูกส่งข้อความมาบอกแม่แน่เหรอ" เธอรีบถลาลงนั่งกับเก้าอี้ ก่อนจะอุทานเบาๆ เมื่อมันดันสะเทือนถึงจุดๆ นั้น "อุ๊ย!" หญิงสาวพยายามเก็บเสียงพร้อมเหลือบมองมารดาว่าท่านจะสงสัยหรือไม่ และก็พานนึกตำหนิคุณอาคนนั้นขึ้นมาทันที ตอนเช้าก่อนจะตื่นนอนเธอเห็นตัวคุณอานั่งอยู่ข้างๆ ท่าทางก้มๆ เงยๆ นั่นทำเอาหญิงสาวตื่นขึ้นมาเต็มตา แล้วส่งเสียงห้ามเขาออกไป "อาเกื้อ...ยาหยีไม่ไหวแล้วนะคะ!" "ซู่..." เขาตวัดนิ้วชี้มาปิดปากตัวเองประกอบ แล้วรีบบอก "อาแค่จะช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ยาหยีเองนะ" "เช็ด เช็ดอะไร!" หญิงสาวชะโงกไปที่มือหนาที่กำลังง่วนอยู่กับเนื้อตัวบริเวณกลางลำตัวของเธอ จึงรู้ว่าเขากำลังบรรจงเช็ดความสะอาดให้จริงๆ คงทำด้วยความเบามือสุดๆ เธอถึงไม่รู้ตัวเขากำลังเช็ดคราบที่เขาทำไว้อยู่ "อืม... ระบมจริงๆ" ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหย "อาโทษ..." เธอเกือบจะลุกขึ้นมาทุบอกเขา เพราะคำขอโทษที่พร่ำเพรื่อ เอ่ยมาก็ไม่เห็นจะจริงจังสักที ถ้าเขาจริงจัง ไม่แตะต้องเนื้อตัวเธอซ้ำอีก เธอก็ไม่ต้องมานอนปวดระบมขนาดนี้หรอก ดี ที่วันนี้เป็นวันหยุด เธอไม่ต้องเข้าร้าน เลยสามารถตื่นสายและจะได้กลับมานอนพักที่บ้านได้ต่อ "ยาหยี มีอะไรรึเปล่าลูก" เสียงมารดาปลุก เมื่อเห็นอาการเหม่อลอยของลูกสาว "เปล่าค่ะ! เอ่อ เมื่อกี้คุณแม่ถามอะไรนะคะ อ้อ! เรื่องพี่มนัส ก็ตามที่หยีเล่าให้คุณแม่ฟังนั่นแหละค่ะ" "แล้วยาหยีรู้ได้ยังไงล่ะลูก" เอาล่ะ เธอจะบอกว่าเพราะคนสนิทของคุณอาผู้โหดร้ายไปสืบให้ก็ไม่ได้ด้วยสิ "คือ มีคนลึกลับส่งข้อความมาเตือนยาหยีว่าให้ระวังจะโดนพี่ชายหลอกน่ะค่ะ "เขาเป็นใคร" นพนภาถามบุตรสาวด้วยสีหน้าจริงจัง "ยาหยีก็ไม่ทราบ แต่ก็คงเห็นใจที่เห็นหยีกับแม่จะโดนพี่มนัสหลอก" "เราเชื่อเขาได้มากแค่ไหน เขาเป็นใครก็ไม่รู้นี่" นพนภาชักอีก มนัสยานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบมารดาว่า "คุณแม่ลองนึกดูสิคะ นอกจากเราสองคนก็ไม่มีใครรู้เรื่องพี่มนัสถูกจับไปเรียกค่าไถ่อีกแล้ว จู่ๆ มีบุคคลปริศนาส่งข้อความมาบอก นั่นย่อมแสดงว่าเขาต้องรู้จักทั้งทางเราและทางพี่มนัส จนไม่อยากเห็นคุณแม่โดนลูกชายหลอก เลยต้องส่งข้อความมาเตือนหยี คุณแม่คิดดูสิคะ ถ้าไม่หวังดีจริงๆ เขาคงไม่อยากยุ่งเพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขานี่" หญิงสาวรายงานได้อย่างคล่องปรื๋อ ราวกับผ่านการเรียบเรียงมาแล้ว นึกแล้วก็แปลกใจ เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดเขา นับวันเธอจะนิสัยไม่ดีตามเขาไปด้วยแล้ว หญิงสาวค้อนผ่านลมผ่านอากาศไปถึงคุณอาผู้นิสัยไม่ดีคนนั้นทันที "จริงสิ..." นพนภาเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของบุตรสาวคนเล็ก "เชื่อยาหยีนะคะ อีกสักวันสองวันพอไม่ได้เงินตามแผน พี่มนัสก็จะกลับมาอาละวาดที่บ้านแน่นอน นั่นแหละค่ะที่เราควรจะหนักใจดีกว่าว่าจะทำยังไงกับพี่มนัสต่อดี" "อืมๆ งั้นแม่เชื่อยาหยี เพราะยาหยีคือลูกสาวคนเดียวที่แม่ไว้ใจได้มากที่สุดแล้วในตอนนี้" หญิงสาวหน้าเสียงลง พลางหลบตามารดาวูบด้วยความรู้สึกผิดที่เมื่อคืนเธอเพิ่งไปเป็นของเล่นให้มหาเศรษฐีคนหนึ่งมา หากว่าวันหนึ่งคุณแม่รู้เรื่องนี้เข้า ท่านจะผิดหวังในตัวเธอหรือเปล่านะ "มีอะไรอีกหรือเปล่าลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ ขึ้นมาอีก" "เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร งั้นยาหยีขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ" หญิงสาวรีบหาทางหลบออกมาตั้งหลักก่อน "จ๊ะ" มนัสยาลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยายามก้าวเดินให้เป็นปกติที่สุด ครั้นลับสายตาผู้เป็นแม่แล้ว เธอก็กลับมาเดินกระโผลกกระเผลกตามเดิม ต้องใช้เวลาอีกกี่วันกันนะ...เธอถึงจะกลับมาเดินเป็นปกติ นึกแล้วอยากจะทุบร่างคุณอาให้น่วมไปทั้งตัวขึ้นมาทันที เขาไม่เห็นใจเธอเลยจริงๆ! . และคนที่เธอกำลังอยากจะทุบให้น่วมทั้งตัวก็กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ภายในสวนสวยที่ตกแต่งสไตล์อังกฤษด้วยแววตาเป็นประกาย ขณะกำลังคิดถึงสาวน้อยที่เขาเพิ่งปล่อยตัวเธอกลับบ้านเมื่อเกือบสายๆ มนัสยากำลังทำให้เขากลายมาเป็นคน 'คลั่งเธอ' ขึ้นมาแล้ว... 'อาเกื้อขา...' น้ำเสียงเว้าวอนที่พร่ำเรียกชื่อเขาเกือบทั้งคืน ทำให้เกื้อการุณพยายามกลั้นรอยยิ้มเป็นระยะๆ กระนั้นก็ต้องรีบหุบรอยยิ้มลงเมื่อมารดาเดินกลับมานั่งลงตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยถึงเรื่องหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขึ้น "แม่ว่า งานมงคลของลูกกับหนูแพร เปลี่ยนมาเป็นหมั้นตอนเช้าแล้วแต่งช่วงเย็นดีมั้ย เอาแบบหมั้นและแต่งในวันเดียวไปเลย" เกื้อการุณรู้สึกว่ากาแฟที่จิบอยู่ขมเฝื่อนขึ้นมาทันใด ภาพอ่อนระทวยของสาวน้อยที่อยู่ในห้วงคำนึงก็ค่อยๆ กลายมาเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย และมีผิวพรรณค่อนข้างซีดเซียวเพราะสุขภาพไม่ค่อยดีนักแทน ชายหนุ่มค่อยๆ วางกาแฟลงตรงหน้า เอ่ยตอบมารดาว่า "คุณแม่หารือกับทางบ้านนั้นแล้วหรือครับ" "ก็เกริ่นๆ กันไว้ ผู้ใหญ่ทางนั้นไม่ติดขัดอะไรหนูแพรก็ยอมทำตามผู้ใหญ่ ก็ติดที่เรานี่แหละ แม่เลยต้องมาถามเกื้อก่อนว่าสะดวกมั้ย" ชายหนุ่มเผลอถอนใจ เขาช้อนดวงตาขึ้นมาช้าๆ แล้วตอบคำถาม "ก็ตามที่คุณแม่เห็นสมควรก็แล้วกันครับ" คุณหญิงวีรกานต์ค่อยยิ้มออกมาได้เล็กน้อย แล้วรีบเอ่ยเตือนบุตรชายเรื่องหนึ่งได้รู้ตัวด้วย "เพราะสุขภาพของหนูแพรไม่ค่อยดี แต่งงานแล้วเกื้อก็ถนอมน้องหน่อยเถอะนะ โดยเฉพาะเรื่องที่จะทำให้น้องเจ็บซ้ำน้ำใจน่ะ หากหลีกเลี่ยงได้ ก็เลี่ยงไปเสีย" เขาช้อนดวงตามองมารดา ท่านยิ้มแค่ดวงหน้า ทว่าแววตาที่มองเขามีแววเคร่ง "คุณแม่กำลังจะเตือนผมด้วยเรื่องอะไรครับ" เขารู้ว่าท่านกำลังเตือนเขาด้วยเรื่องอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ "แม่กำลังเตือนเรื่องผู้หญิงของเกื้อว่า ให้เกื้อจัดการให้เรียบร้อย หลังเกื้อแต่งงานกับหนูแพรแล้ว แม่หวังว่า เกื้อจะมีแค่หนูแพรเพียงคนเดียว" ที่ว่าเช่นนี้ เพราะคุณหญิงวีรกานต์รู้ว่าบุตรชายคนนี้ค่อนข้างเสเพลเจ้าชู้ แต่เพราะเขายังโสดคุณหญิงเลยไม่ก้าวก่าย ทว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เกื้อการุณจะต้องแต่งงานกับแพรไหม อัศวนิลท์ บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเก่าแก่ที่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณปู่ของเกื้อการุณ และความสนิทสนมนั่นเอง ในวันที่หลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลอัศวนิลท์ ลืมตามาดูโลก ทั้งสองตระกูลอยากให้มีความแน่นแฟ้นต่อกันมากขึ้น ก็เลยทำให้แพรไหมมาเป็นส่วนหนึ่งของนิวัฒน์รังสันน์เสีย "แม่รู้ว่าเป็นเรื่องน่าลำบากใจแต่...ลูกก็ต้องทำหน้าที่นี้ เพราะคุณปู่เราได้ให้สัญญากับทางนั้นเอาไว้" "ครับ...ผมเข้าใจ" "ขอบใจที่เกื้อยอมเสียสละเพื่อตระกูลของเรานะ ถ้าตากูลไม่อายุสั้น เกื้อก็ไม่ต้องมาทำหน้าที่นี้" ใช่ เดิมทีคนที่ถูกวางไว้ให้แต่งงานกับแพรไหม คือพี่ชายของเขา แต่เพราะอุบัติเหตุในค่ำคืนหนึ่งทำให้พี่ชายของเขาต้องด่วนจากไป อุบัติเหตุที่เกื้อการุณยังรู้สึกรักและซาบซึ้งกับความเสียสละของพี่ชายที่ให้เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ เกื้อการุณไม่เอ่ยตอบอะไรอีก เพียงเสสายตาหนีด้วยการก้มหยิบกาแฟมาจิบต่อ ปกติเวลาคุยเรื่องงานแต่งงานของเขากับมารดา เขาจะรู้สึกเฉยๆ อย่างไรก็ได้ ทว่า รอบนี้ทำไมจิตใจเริ่มรู้สึกหนักอึ้งแปลกๆ หรือ เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว เขาจะต้องบอกยกเลิกสัญญากับมนัสยาทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD