ตอนที่ 1 50 %

1335 Words
ณ ตึก NW ทาวเวอร์... ซึ่งเป็นตึกของบริษัท เอ็น ดับบลิว แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทที่ประกอบและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร เน้นการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในด้านโครงการพักอาศัย และตึกนี้ก็เป็นที่บัญชาการ ธุรกิจของตระกูลนิวัฒน์รังสันน์ ซึ่งจัดว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งอีกตระกูลของเมืองไทย เพราะเข้าถือครองอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศไว้จำนวนมาก ยิ่งที่ดินทำเลทองหนึ่งในสามของกรุงเทพฯ ก็เป็นของตระกูลนี้ทั้งนั้น ร่างบอบบางกำลังอยู่ภายในลิฟต์ที่นำพาเธอไปยังชั้นสามสิบสามอันเป็นชั้นสูงสุดของตึก ดวงตากลมดำขลับมีแววประหม่าและวิตกกังวล ขณะก้มมองโฉนดที่ดินเท่าแมวดินตายในมือ... โฉนดที่ดินเพียงแค่นี้ เขาจะยอมรับมันไว้เพื่อช่วยเธอหรือเปล่านะ ก็ในเมื่อในมือของเขามีโฉนดที่ดินนับไม่ถ้วนอยู่ในครอบครองอยู่แล้ว 'ไปพบอาเกื้อนะ อาเกื้อช่วยยาหยีได้แน่นอน' เสียงหวานของชาลิสา เพื่อนรักของเธอที่อยู่อีกซีกโลกดังย้ำเตือนเธออีกครั้ง 'แต่...เราไม่รู้จักอาเกื้อนะ' 'ไม่รู้จักได้ยังไง เราพายาหยีไปสวัสดีอาเกื้อแล้วนี่ แถมยาหยีก็เจออาเกื้ออีกหลายครั้งที่บ้านนิวัฒน์รังสันน์ ยาหยีจะบอกไม่รู้จักอีกเหรอ' ชาลิสาย้อนถามด้วยความหมั่นไส้ 'เราหมายถึง...ไม่คุ้นเคยน่ะ' ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆ ของชาลิสาตามมาอีก ก่อนที่อีกฝ่ายจะย้ำว่า 'ไม่ต้องคิดมากน่า เราฝากเรื่องของยาหยีไว้ให้อาเกื้อแล้ว วันพรุ่งนี้ไปที่ตึก NW แจ้งเขาว่า มนัสยามาขอพบท่านประธานฯ' มนัสยาขมวดคิ้วมุ่น แววตาขุ่นขวางลงเพราะยังมีส่วนหนึ่งที่เธอรู้สึกขัดแย้งอยู่ในตัว เธอไม่ชอบขี้หน้าเขา เนื่องจากเขาเป็นผู้ชายอันตราย คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงร้ายกาจ กิตติศัพท์เขาในเรื่องนี้เธอเคยประสบพบเจอเองในเย็นวันหนึ่งขณะกลับจากโรงเรียน มนัสยาเห็นคนมามุงที่หน้าบ้านหลังติดๆ กับบ้านของเธอ บ้านของพี่สาวข้างบ้าน พี่สาวที่ใจดีและเป็นมิตรกับเธอ แต่ว่าพี่สาวคนนี้ก็หามีชีวิตไม่แล้ว เธอรู้ข่าวว่า พี่สาวใจดีกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย 'ทำไมถึงทำแบบนี้ ไม่สงสารพ่อและแม่มั่ง' 'เห็นเขาเล่าว่าเพราะผู้ชายคนหนึ่ง' 'ใคร' 'เกื้อ เกื้อการุณ ในไอแพดมีบันทึกบอกว่า ไปมีอะไรกับเขา แต่ผู้ชายได้แล้วทิ้ง อะไรแบบนี้นี่แหละ' 'ตายแล้ว!' 'พ่อแม่แทบจะเป็นบ้า พอกลับบ้านมาเห็นศพลูกสาวตัวเองนอนตายในบ้าน' 'เวรกรรม! ผู้ชายสมัยนี้ด้วยก็นะ เหี้ยจริงๆ ได้แล้วก็ทิ้ง เฮ้อ!' เหล่านั้นเป็นบทสนทนาตอนที่มนัสยาเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อของเกื้อการุณก็ถูกประทับเอาไว้อยู่ในส่วนของความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไหร่ของเธอแล้ว เมื่อสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเตือน มนัสยาสะบัดหน้าไล่ภาพในวันนั้น เดินออกจากลิฟต์ไปตามทางที่จะนำเธอไปสู่ห้องทำงานของคนที่เธอนึกถึงในทางไม่ดี "สวัสดีค่ะ" มนัสยายกมือไหว้เลขาฯ หน้าห้อง อีกฝ่ายเงยหน้าพิจารณาเธอกลับเล็กน้อยแล้วถาม "คุณยาหยีที่เป็นเพื่อนคุณไฮน์ใช่มั้ยคะ" "ค่ะ" "คุณเกื้อติดประชุมอยู่ ให้คุณรอคุณเกื้อที่ห้องก่อน...เชิญค่ะ" เอ่ยแล้วก็รีบเดินนำหญิงสาวไปภายในห้องทำงานของเขา หญิงสาวเข้ามาภายในห้องทำงานที่กว้างขวาง แต่การตกแต่งกลับดูเรียบง่าย บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่มีเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะยี่ห้อดังหนึ่งเครื่อง และมีเพียงนาฬิกาทรายประดับตั้งเอาไว้เท่านั้น ไม่เห็นสมกับเป็นโต๊ะทำงานของท่านประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่ ที่เธอนึกภาพเอาไว้ว่าจะมีกองงานสุมพะเนินอยู่บนโต๊ะเสียอีก หญิงสาวถูกพาไปนั่งรอเขาที่ชุดโซฟารับแขก จากนั้นเลขาฯก็ถามถึงเครื่องดื่มที่เธออยากได้ แต่มนัสยาปฏิเสธเพราะเกรงใจ อีกฝ่ายจึงนำน้ำเปล่าแก้วหนึ่งมาเสิร์ฟให้ แม้มนัสยาจะเด็กกว่า ทว่าก็ได้รับการต้อนรับดูแลจากเลขาฯของเขาเป็นอย่างดี สงสัยคงเป็นเพราะเธอเป็นเพื่อนรักชาลิสาหลานสาวคนโปรดของท่านประธานฯ นั่นเอง ตอนนี้ห้องทำงานที่กว้างขวางกลับมาเงียบงันลง เพราะเหลือเพียงเธอคนเดียวที่นั่งอยู่ การได้อยู่กับความเงียบนี้เอง ทำให้มนัสยาหวนคิดถึงวันแรกที่เธอได้พบกับคุณอาคนนี้ของเพื่อนรักอีกครั้ง วันนั้นเธอและชาลิสามีรายงานที่ต้องทำด้วยกัน ชาลิสาจึงพาเธอไปค้างที่บ้านนิวัฒน์รังสันน์ ชาลิสาพาเธอไปสวัสดีเขาและคุณย่าของชาลิสา ซึ่งก็คือมารดาของเขานั่นเอง ตอนที่เจอเขาคราวนั้นท่าทางเขาก็ดูน่าเกรงขาม มาดเนี้ยบ หน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่ง ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเช็ตไว้อย่างเรียบร้อย อะไรก็ไม่สะดุดตาเท่ากับดวงตาสีสนิมคู่นั้น ที่จ้องเธอนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยอายร้อนบางอย่าง ที่ทำให้เธอเอาแต่หลบตาเขาอยู่ข้างหลังชาลิสา จากนั้น เธอก็ได้ไปค้างที่บ้านนิวัฒน์รังสันน์อีกหลายครั้ง ครั้งที่น่าจดจำที่สุดก็คือ ในงานวันเกิดคุณย่าของชาลิสา เธอได้ช่วยเพื่อนรักรำอวยพรวันเกิดให้ท่าน โดยมีเขานั่งชมอยู่หน้าเวทีด้วยมาดสงบ หล่อเหลาราวเทพบุตร ทว่าดวงตาคู่นั้นที่จ้องเธอไม่กะพริบเลย ทำให้เธอร้อนรุ่มราวจับไข้ กว่าจะบังคับควบคุมสมาธิและสติให้รำจนจบได้ก็ประหม่าไปไม่รู้กี่ครั้ง และในคืนนั้นเอง หลังงานเลี้ยงจบราวๆ ตีสอง ด้วยความที่ต้องแบกท้องระหว่างแต่งหน้า ทำผม แต่งชุดไทย ทำให้เธอได้ทานอาหารเย็นไปนิดเดียว เธอบอกชาลิสาว่าจะลงมาหาอะไรทาน และคฤหาสน์นิวัฒน์รังสันน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่เท้าเจ้ากรรมกลับพาเธอเดินไปตามเสียงหอบกระเส่าแปลกๆ และแล้วเธอก็เห็นเขากำลังแสดงบทรักอันเร่าร้อนกับนางแบบสาวสุดเซ็กซี่คนหนึ่งอยู่ ...ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนัน เขายังเหลือบตาขึ้นมาสบตากับเธอเต็มๆ มนัสยาหันหลังหนีภาพนั้นแทบไม่ทัน อายจะไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน นอนคิดวิตกทั้งคืนด้วยความกระดากว่าวันรุ่งขึ้นหากเจอหน้าเขา จะทำหน้าอย่างไร แล้วเขาเล่าจะแสดงออกอย่างไรกับเธอ ทว่า... เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอมาก นี่แหละเธอถึงได้บอกว่าเขาเป็นผู้ชายอันตราย เสพสุขไม่เลือกสถานที่ ห้องนอนมิดชิดมีทำไมไม่พากันไปทำอะไรๆ ที่นั่น แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างหน้าทนเหลือเกิน "คนหน้าไม่อาย!" "ใครที่หน้าไม่อาย" เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลัง ตามด้วยเสียงประตูที่ปิดลงดังกึก ทำให้ร่างบางสะดุ้งไหว ดวงตาหวานกลอกไปมา คำสบถของเธอเมื่อครู่นี้ เขาจะได้ยินไหมนะ ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นมอง ดวงหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มหยันน้อยๆ ตรงมุมปาก ดวงตาคู่สนิมมีประกายพราวระยับ ทำให้มนัสยารู้ได้ทันทีว่าเขาได้ยินคำสบถของเธออย่างแน่นอน "ว่าไง ใครกันที่หน้าไม่อาย หืม" .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD