ตอนที่ 6 100 %

1378 Words
หลังจากคืนนั้น คุณอาของเธอก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเป็นเวลาสามวันแล้ว... ดีแล้วล่ะ ที่เขาไม่เรียกหาเธออีก บางทีอาจจะเป็นเพราะเขารู้ว่าเธอยังไม่พร้อมตอบสนองความต้องการอันล้นเหลือของเขาก็ได้ มนัสยารู้สึกสบายใจ เพราะเหมือนร่างกายเธอจะพักฟื้นไปในตัวด้วย โดยเฉพาะจุดเร้นลับที่ร้าวระบมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน... นี่ก็เพราะฝีมือของคุณอาผู้ใจร้ายคนนั้นหรอกนะ ตอนนี้เธอมีเพียงอาการระบมเล็กน้อย คงใช้เวลาอีกสักวันสองวัน อาการถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ วันนี้หญิงสาวกลับมาทำงานร้านเสื้อของเธอตามเดิม ช่วงนี้จะมีออเดอร์เข้ามามากมายทำให้มนัสยาไม่มีเวลาว้าวุ่นกับเขาอีก เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงไปจนถึงวัยทำงาน ด้วยความที่เสื้อผ้าที่เธอออกแบบนั้น สามารถเป็นได้ทั้งชุดลำลองที่ใส่ไปเที่ยวก็ได้ หรือนำไปประยุกต์เล็กน้อยด้วยเข็มขัด รองเท้าก็กลายเป็นชุดทำงานไปในตัวได้ด้วยเช่นกัน และแน่นอน เสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ล้วนได้รับการออกแบบโดยมนัสยาทั้งสิ้น หญิงสาวมีพรสวรรค์ด้านนี้ แม้ไม่ได้ร่ำเรียนการออกแบบเสื้อผ้ามาก็ตาม แค่อาศัยความชอบ และการดูสังเกตเทรนด์เสื้อผ้า หญิงสาวก็สามารถออกแบบออกมาได้ถูกใจกลุ่มลูกค้าแล้ว มนัสยาจำได้ว่าแรกๆ ที่เธอทำร้านเสื้อผ้าออนไลน์ ยอดผู้ติดตามร้านจากอินสตาแกรม มีแค่หลักร้อย ค่อยๆ กลายเป็นหลักพัน ก่อนจะกลายเป็นหลักหมื่น ในปัจจุบันยอดผู้ติดตามก็เพิ่มเป็นแสนกว่า และกำลังพุ่งทะยานเป็นสองแสนคนในเร็ววันนี้ ทั้งๆ ที่ร้านเธอไม่ค่อยได้โปรโมทผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียเท่าไหร่ ส่วนมากที่คนสนใจก็เกิดจากการบอกกันปากต่อปาก หรือผ่านการรีวิวของผู้ที่เป็นลูกค้าประจำบ้าง อีกอย่างที่ร้านของเธอได้รับความชื่นชมคือ การบริการที่ดีจากร้าน ทั้งการจัดส่งสินค้าและการตอบแชทข้อความ ไม่เคยมีประวัติการโกงและสินค้าที่ลูกค้าได้รับไปก็ตรงกับมาตรฐาน ไร้ตำหนิใดๆ อีกด้วย ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งคิดถึงเรื่องของร้านพร้อมกับนั่งสอยลูกปัดเม็ดเล็กๆ เข้ากับชายกระโปรงเดรส ชาลิสาที่อยู่อีกซีกโลก ก็ส่งข้อความผ่านแชทมา มนัสยาขยับเมาท์ เลื่อนอ่านข้อความที่เพื่อนรักส่งมา ระหว่างที่ต้องการพักสายตาไปด้วย ชาลิสารู้สึกดีใจที่คุณอาผู้ใจดีสามารถช่วยเธอได้นั่นเอง 'เห็นมั้ยอาเกื้อใจดีจะตาย เราคิดไม่ผิดที่แนะนำยาหยีไปหาอาเกื้อ อาเกื้อช่วยได้จริงๆ' มนัสยาแอบเบ้ปากเล็กน้อยกับคุณอาของเพื่อนรัก จริงๆ แล้วเขาเป็นคนแสนเคี่ยวคนหนึ่งเชียวล่ะ ดูสิแค่ค่ำคืนแรก เขาก็โหมใช้งานเธอหนักจนแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว มนัสยาเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกันน้อยๆ แล้วกดส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป 'อาทิตย์นี้อาเกื้อกับคุณย่าจะมาเยี่ยมเราที่นี่ และจะอยู่กันยาวอีกเกือบสองอาทิตย์' จริงสินะ! มนัสยาตาลุกวาวทันที ก่อนจะหลอกถามกำหนดการเดินทางไปอเมริกาของคุณอาผู้ใจร้ายคนนั้น 'แล้วอาเกื้อจะบินเมื่อไหร่เหรอ' 'คืนนี้แหละ...' คืนนี้... ดวงตาหวานกลอกไปมา นี่ก็ใกล้เวลาห้าโมงเย็นแล้ว เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะเริ่มต้นนับถอยหลังไปจนถึงตอนที่เขานั่งอยู่บนเครื่องบินเป็นที่เรียบร้อย ถ้าเป็นเช่นนั้น คืนนี้เธอก็น่าจะรอดจากเนื้อมือเขาไปได้อีกคืน แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ จนไม่อยากเก็บอาการ เธออารมณ์ดีจนแชทพูดคุยกับชาลิสาไปอีกราวสามสิบนาที ก่อนที่เพื่อนคนนี้จะขอตัวไปทำธุระส่วนตัว เพราะทางนั้นคงกำลังเป็นช่วงเป็นเช้าตรู่แล้ว มนัสยาปิดหน้าจอสนทนา หมุนเก้าอี้เล่น ยิ้มกระจ่างอยู่บนใบหน้างาม ดีใจเหลือเกินที่คุณอาจะไม่มาวุ่นวายกับเนื้อตัวเธอไปอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าความจริง เรื่องเซ็กส์...มันไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจอะไรเลย แต่เธอแค่รู้สึกเกลียดตัวเองในเวลาที่สูญเสียการควบคุม กลายเป็นหญิงสาวอีกคน ที่เธอไม่เคยเห็นตัวตนด้านนี้ แค่นึกถึงเสียงเว้าวอน เสียงครวญครางกระเส่า และภาพที่ร่างกายเธอตอบสนองกลับร่างหนาอย่างถึงพริกถึงขิงนั่นแหละ ดวงหน้าหวานก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียอย่างนั้น อยากจะมุดหน้าเข้าไปหลบอยู่ในชายกระโปรงที่เธอแผ่หราเอาไว้บนโต๊ะนี่เหลือเกิน ขณะนี้เธอก็นึกถึงสาเหตุที่คุณอาและคุณย่าของเพื่อนรักจะบินไปหาหลานสาวคนเดียวในค่ำคืนนี้ เธอจำได้ว่า ตั้งแต่ได้รู้จักกับกับชาลิสา อีกฝ่ายก็มักจะเปรยว่า เมื่อถึงช่วงเวลานี้ของทุกปี คนในบ้านนิวัฒน์รังสันน์มักจะบินไปรำลึกถึงอุบัติเหตุใหญ่ของตระกูลที่พรากสมาชิกไปพร้อมกับถึงสามคน แน่นอนสองคนในสามคนก็คือบิดามารดาของชาลิสาและอีกคนคือพี่ชายฝาแฝดของคุณอาคนนั้น จริงสินะ เรื่องนี้ชาลิสาเคยเล่าว่า สมัยนั้นพวกเธอไปเที่ยวที่นั่น และวันนั้นก็เกิดอุบุติเหตุรถยนต์พลิกควำ ตอนนั้นชาลิสายังเด็กและมีอาการเป็นไข้ขึ้นมา เธอเลยอยู่กับคุณย่าที่โรงแรม ปล่อยให้สมาชิกสี่คนไปเที่ยวด้วยกัน และระหว่างทางรถเสียหลักพลิกคว่ำตกลงในแม่น้ำ สองรายไปเสียที่โรงพยาบาล รายหนึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเกื้อการุณคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตในครั้งนั้น... ด้วยที่มันจึงเป็นอุบัติเหตุที่ยากจะลืม ดังนั้นทุกๆ ปีคุณหญิงวีรกานต์และเกื้อการุณ จึงมักเดินทางไปที่เกิดเหตุวางช่อดอกไม้เล็กๆ ไว้ที่นั่น เพื่อเป็นการรำลึกถึงคนทั้งสาม จากนั้นพวกเขาก็จะใช้เวลาอยู่ที่นั่นร่วมกับหลานสาวสักพัก เหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นผ่านพ้นไปนานแล้ว และเธอก็ค่อนข้างเห็นใจชาลิสาที่ต้องมากำพร้าบิดามารดาตั้งแต่เด็ก แต่เรื่องที่คุณอาใจร้ายจะไม่อยู่ ก็นับเป็นข่าวดีของเธอจริงๆ หญิงสาวค่อยๆ ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง ทว่า... แม่บ้านเคาะประตูห้อง ก่อนจะเปิดออกมารายงานว่า "หนูยาหยี มีแขกมารอพบอยู่ด้านนอกค่ะ" หญิงสาวรีบถามกลับทันที "ใครคะ" "ป้าก็ไม่รู้จักค่ะ หนูยาหยีมาดูเองเถอะค่ะ" มนัสยาผุดลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปเปิดประตูห้องทำงานออกมา วินาทีที่สายตาปะทะร่างของแขกผู้นั้น เท้าทั้งสองก็ชะงักอยู่กับที่ทันที คุณอาผู้ใจร้าย...ในเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงชิโน่สีกรมเข้ม กำลังหมุนกลับมาช้าๆ และในมือข้างหนึ่งของเขาก็ถือกล่องไม้สีน้ำตาลรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้อีกด้วย "ยาหยี..." เสียงเรียกของเขาทุ้มพร่าชวนให้คนถูกเรียกขนลุกตาม และเขาเกือบจะหลุดคำว่า 'ของอา' ออกมาแล้ว หากกระแสสายตาของเธอไม่สอดส่ายไปยังคนของเธอที่กำลังทำงานในร้านนี้ด้วยความระแวง เขายิ้มมุมปากแววตาดูเจ้าเล่ห์ อะไรก็ไม่สะดุดตาเท่ากับกล่องไม้ปริศนาในมือหนา มนัสยาเหวอไปเลย "อาเกื้อ!" ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ร้านเสื้อผ้าของเธอ! ราวกับจะอ่านสีหน้าเหมือนถูกผีหลอกของหญิงสาวได้ เขาจึงรีบอธิบายคร่าวๆ ตาม "อาแวะเอาของบางอย่างมาให้ เผื่อว่ายาหยีจะต้องใช้มัน...ในช่วงที่อาไม่อยู่" แล้วเขาก็ชูกล่องนั้นขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกายวิ้งวับอีก .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD