“หนักมากเลยครับ เป็นวัตถุโบราณที่อยู่ดีๆ ก็ล่วงใส่แขนผม หนักประมาณ 46 กิโลกรัมได้นะครับหมอ” เต้พูดกลับตอบหมอไป
“โฮ้~ วัตถุโบราณอะไรครับเนี่ย หนักขนาดนั้น ดีนะครับกระดูกไม่แตก เพราะของหนัก 40 กว่าโลนี่ หนักมากเลยนะครับ”
“(-_-)” ฉันเองค่ะ ฉันเองค่ะหมอ อย่าพูดตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมาได้ไหมค่ะ มันสะเทือนใจ
“ช่วงนี่อาจจะใช้ชีวิตลำบากหน่อยนะครับ แต่แม่คุณ...”
“หมอค่ะ! ฉันไม่ใช่แม่มัน แม่จะมาสาวและสวยงามระดับนางสาวไทยขนาดนี่ได้ไงค่ะ!” ฉันเถียงกลับทันที เรียกแม่นี่เคืองมาก
“นั้นคุณคือพี่สาว นั้นช่วงนี้ต้องระวัง...”
“เมียผมเองครับ” ฉันตกใจทันทีที่เต้พูดออกมาแบบเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น อยู่ๆ มันจะยอมรับฉัน มันก็พูดออกมาเองสะดื้อๆ บางทีคำพูดของมันก็ทำให้สาวสูงวัยอย่างฉัน มีความตื้นเต้นเหมือนกัน
“เมียที่แก่กว่าแบบนี่หมอคิดว่าไงครับ” (-_-) ฉันว่ามันกำลังยั่วศึก
“ก็ดีนะครับ มีแม่ทัพเป็นของตัวเอง (^_^)” หมอชักจะเข้าขากับไอ้เด็กผีเยอะขึ้นละ นี่ฉันเหมือนยืนอยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก แต่ไม่มีใครรู้จักฉันอ่ะ เหมือนโดนทิ้งให้ลอยทะเล
ตุบ!
(>~<) ฮึ! แขนข้างซ้ายของไอ้เด็กผีวางพาดบ่าฉันเต็มๆ มันแทบจะทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงที่บ่าฉัน แกคิดว่าฉันเป็นตาชั่งหรอ!
“ทำหน้าที่ให้ถึงที่สุดสิเจ๊” เขาก้มใบหน้าลงกระซิบที่หูของนาเนีย ถึงตอนนี่เธอจะโมโหสักแค่ไหน แต่เธอก็ต้องพาเต้ไปส่งที่บ้านอยู่ดี เขาใช้มือข้างขวาไม่ได้ แถมเป็นข้างที่ถนัดสะด้วย แถมยังต้องใช้ที่คล้องแขนผ้าห้อยแขนเขาไว้ นาเนียจึงเปรียบเสมือนแขนขวาของเขา
“บ้านแกอยู่ไหน!” พอฉันยัดตัวไอ้เด็กผีเข้าไปในรถ ฉันก็ต้องมีหน้าที่มาส่งมันที่บ้าน เป็นภาระของสตรีวัย 28
“เลี้ยวขวาเจ๊!” บ้านไอ้ด็กผีนี่ดูลึกลับมากมาย ตั้งแต่ทางเข้ามาบ้านละ มันเป็นทางคดเคี้ยวเลี้ยวโค้ง เหมือนกับไม่ใช่บ้านที่อยู่ในเขตชานเมืองอย่างนั้นแหละ
“เลี้ยวซ้ายเจ๊” เลี้ยวขวาไม่พอ มีเลี้ยวซ้ายอีก ใครสั่งใครสอนให้แกมาปลูกบ้านลึกลับขนาดนี่
“หยุด!” แหม่เกือบขับเลย ขุ่นพระ! มันคือทองคำที่แอบอยู่ในหุบเขา ใครจะไปคิดว่าจะมีบ้านชั้นผู้ดี สไตล์โมเดิลสวยหรูหรา แอบซ่อนอยู่ในเขตชานเมืองขนาดนี้ ถึงทางเขาจะดูลึกลับไปหน่อยก็เหอะ แต่นี่มันคือบ้านอย่างแท้จริง บ้านที่น่าพิสมัยที่สุดละ ถูกโฉลกแบบรุนแรง ไม่เท่านั้นนะคะ เลี้ยวเข้ามาในตัวบ้าน จอดที่หน้าบ้าน ฉันยังต้องมีหน้าที่มาเปิดประตูให้มัน นี่คือหน้าที่ของเมียมันในอนาคต (-_-)