“(TT^TT)” ลูกผู้ชาย เขาไม่เสียน้ำตาให้ใครเห็น แต่ผม...
“แง่ๆ ปล่อยผมเถอะพี่!” ผมคุกเข่า จับขาพี่ต้น ที่กำลังจะลากผมไปสถานที่อัปยศในชีวิต มันไม่น่าไปเยื้อนมากกว่าบ้านผีสิงเสียอีก ผมยอมไปสถานที่รกร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัย ดีกว่าไปสถานที่ ที่มีนางยักษ์เฝ้ามหาสมุทรอยู่ (-_-)
“วันนี่กูไม่ได้ไปส่ง คนที่มึงควรอ้อนวอนไม่ใช่กู!” อ้าว~ มานั่งขอขมาเพื่ออะไรวะเนี่ย ผมเหมือนเด็กอนุบาลที่ถูกผู้ปกครองบังคับให้ไปโรงเรียนนั้นแหละ
“ไป!! อย่าลีล่า” พี่ต่อเดินไปคว้ากุญแจรถ ก่อนจะเดินไปที่หน้าบ้าน สรุปพี่ต่อไปส่ง ผมโดนกักบริเวณนะครับ รถไม่ให้ใช้ จะไปไหนจะต้องมีพี่ชายไปส่ง...เด็กสามขวบป่ะล่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก พวกพี่เขากลัวผมหนี ส่วนตอนเย็นก็ต้องรอผู้ปกครองมารับเหมือนกัน อายุ 22 แล้วนะโว้ยย! ผมเลยเดินก้มหน้าก้มตา ด้วยความเฉื่อยเชื่อง กว่าจะก้าวเท้าไปได้แต่ละก้าว มันช่างอยากเย็นยิ่งนัก ขนาดเท้าผมมันยังไม่ยอมเดินเลย นับประสาอะไรกับร่างกาย มันไม่มีเรียวแรงเลยละ ผมจะต้องทนทุกข์ทรมานไปมากกว่านี่อีกนานแค่ไหนกัน
บรืนน~ และแล้วรถก็ออกตัว โอ้ย! ผู้ชายที่ต้องมาดูตัวกับเจ๊นาเนียก็คือผมไง ผมไง!! ชิบหายทั้งชีวิต!!
@Nania Coffee Shop
กุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊ง~ เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูดังขึ้น ทั้งนาเนียและกุ๊กเลยมองไปทางประตูร้านทันที
“ยะ...ยินดีต้อนรับค่ะ (*O*)” จุทาเทพ!! รอยยิ้มที่ทำชะนีตายไปเกือบครึ่งค่อน ผู้ชายอะไร หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าสดใสน่ารัก ราวกับผลไม้ที่กำลังสุขหงอม ใบหน้าเล่อเลิศประดุจเทพีในเทพนิยาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดีงามไร้มนต์สะกด ทุกอย่างก้าวและฝีเท้า ดูงดงามราวกับน้ำแข็ง เรือนผมหรือแม้แต่ใบหน้าก็ดูจะฟีฟังไปหมด ผิวขาวใส ดุจสำลีความละเอียดของสีผิว มันช่างมีวิจิตรงามงดอย่างกับ มีจิตรกรมาวาดร่างกายของผู้ชายคนนี่แบบนั้นละ ฮึๆๆ เสร็จเจ๊!
“โฮ้~ เจ๊!” กุ๊กกำลังจะพูดต่อ แต่เธอยกมือห้ามไว้เสียก่อน
“เจ๊ขอ...แกพูดแล้วว่าแกจะจีบไอ้เต้ แกอย่าเปลี่ยนคำพูด ช่วยเอาถนนลูกรังออกไปจากร่างกายฉัน เพราะเจ๊ต้องการถนนคอนกรีต”
“สวัสดีครับผมต่อ ผมเอาไอ้เต้มาส่ง” ไอ้เด็กผีที่มันหลบอยู่หลังของผู้ชายคนนี้ ก็โผล่หน้าออกมา มันแยกเขี้ยวใส่ฉันทันที
“รีบกลับไปดูร้านเถอะพี่ต่อ เพราะแถวนี่มีอสูร ขืนอยู่นาน โดนอสูรดูดแน่ๆ” เต้รีบไล่พี่ชายตัวเองกลับ เพราะเขามองสายตาของนาเนียออก ว่าเธอกำลังจะ...คาบเด็กไปแดก!
“เปิดร้านอะไรหรอคะ” แต่เธอก็รีบวิ่งออกมาจากเคาเตอร์ เพื่อมาคุยกับชายหนุ่ม
“ผมเปิดร้านอาหารนะครับ (^_^)” ความละมุนละหม่อม ที่ใบหน้านั้นส่งรอยยิ้มมาให้ มันช่างมีสีสันเสียนี่กะไร ร่างกายฉันมันสามารถแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นความถี่ ส่งกระแสจิตใจ เป็นเส้นใยคลื่นแห่งความรัก ส่งตรงไปให้เขาแต่โดยดี
“อย่างนี้...ฉันก็สามารถที่จะปรึกษาคุณได้นะสิค่ะ เพราะอยากเปิดร้านอาหารเหมือนกัน” เอาละ! ฉันยอมปิดร้านเพื่อไปเรียนทำอาหารเลย
“ยินดีครับ (^_^)” แม่เจ้า~ กระซิก กระซิก ยิ้มบ่อยแบบนี่ จิตใจก็ใช่ว่าจะอยู่สุขนะคะ ตอนนี่เหมือนเห็นวิญญาณตัวเองกำลังยืนข้างกายคุณอยู่ แผงศรรักชัดๆ
“พี่ต่อ!! ไปดูร้านสักทีดิพี่!” ในช่วงจังหวะที่ฉันกำลังเคลิ้มกับความหอมหวานของผู้ชายคนนี้ ฉันมักจะถูกขัดใจ โดยอีเด็กผีเสมอ (-__-)
“นี่! ถ้าเจ๊จะจีบพี่ผม โปรดจำไว้เลยว่า การแย่งผัว! ชาวบ้านมีความผิด นอกจากจะผิดศีลธรรมแล้ว ตายไปเจ๊ก็ต้องตกนรก ปีนต้นงิ้ว! ไม่ได้ผุดได้เกิด กลับชาติมาเกิดอีกที ก็อยู่บนคานเหมือนเดิม”
“ฉันรู้น้า...อย่ามายุ่งได้ไหม ยัยกุ๊กพาไอ้เด็กนี่ไปเปลี่ยนชุดที” ฉันยังคงส่งสายตาไปที่หน้าประตูร้าน ที่ชายหนุ่มผู้นัดกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป แม้กระทั้งท่าทางการจับประตู ใส่แว่น หรือแม้ช่วงก้าวที่ก้าวเดิน ทุกอย่างล้วนดีงามไปหมด เห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเมียเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะฉันเกิดไวไปหรอก เป็นเพราะเราเจอกันช้าไปตั้งหาก
“นี่ชุดค่ะ!” กุ๊กยื่นชุดมาให้เต้เปลี่ยน มันคือเสื้อเชิ้ตสีดำ กับผ้ากันเปื้อน เขายื่นมือไปรับทันที ก่อนจะถอดเสื้อยืดออกต่อหน้ากุ๊ก
“อ๊าย~ สักครู่นะคะ ขอฉันออกไปข้างก่อน” กุ๊กรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องแต่งตัว จนนาเนียที่เดินผ่านมาพอดี เลยเกิดอาการสงสัย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น