CHAPTER. 1
“อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้!!”
เสียงของชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังสั่งชายร่างใหญ่ในชุดดำอีกหลายคนที่กำลังวิ่งไล่ตามสาวน้อยผู้น่าสงสาร
“อดทนไว้ปิ่น อีกนิดเดียวก็จะถึงถนนใหญ่แล้ว” สาวน้อยได้แต่บอกตัวเองและภาวนาให้มีคนมาช่วยเธอก่อนที่พวกนั้นจะตามมาทัน
“เห้ย!! เร็วสิวะ ถ้าจับเป็นไม่ได้นายสั่งให้จับตายมัน” เสียงนั้นดังเข้ามาใกล้จนสาวน้อยวิ่งสุดชีวิต ไปตามเอาดาบหน้าดีกว่าถูกจับตัวไป
ปัง ปัง ปัง!!
เสียงกระสุนสาดเข้ามาจากทางด้านหลัง แต่โชคยังดีที่ความมืดยังช่วยอำพราง ร่างบางให้รอดมาได้ และความหวังของเธอก็วิ่งมาแต่ไกล รถยนต์คันนั้นคือเป้าหมายของเธอ เธอวิ่งเข้าหารถอย่างไม่กลัวตาย
เอี้ยดดดด
ตุ๊บ!!
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะรถด้านหลัง ถามคนขับรถด้วยความสงสัย เมื่อรถจอดกะทันหัน
“มีคนวิ่งตัดหน้ารถครับนายหัว” ธนินเอ่ยบอกคนเป็นนายเมื่อมองไปที่ข้างหน้ารถ
“ลงไปดูซิ “ คนตัวใหญ่สั่งคนของตนให้ไปดู
ธนินหยิบปืนมาเตรียมไว้ก่อนจะลงจากรถ เพราะงานของเขาคือการรักษาความปลอดภัยของนาย เขาจึงต้องเตรียมพร้อมตลอดๆ เมื่อลงไปดูแล้วจึงกลับมารายงานเจ้านายอีกครั้ง
“ผู้หญิงครับนายหัว เธอสลบไปแล้ว เหมือนจะถูกทำร้ายมาด้วย ทำยังไงดีครับนายหัว”
“เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย พร้อมเปิดประตูรถเดินลงไปสำรวจร่างบางที่นอนสลบอยู่บนพื้น
“พาเธอกลับไปที่เกาะ” ร่างแกร่งตัดสินใจในที่สุด พร้อมหันไปบอกคนขับรถ ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มเธอเข้าไปวางในรถตรงที่เขาเคยนั่ง
เหามราช มองใบหน้าคนที่เขาจับหัวเธอวางที่ตัก ก่อนจะมองหน้าลูกน้องคนสนิทของตัวเอง
“มีอะไร” ชายหนุ่มถามคนขับรถที่กำลังมีสีหน้าข้องใจ
“ทำไมเราไม่พาเธอไปที่โรงพยาบาลหรือบ้านใหญ่ครับนายหัว”
ธนินกลั้นใจถามเจ้านายออกไปอีกครั้ง เขาตกใจตั้งแต่ที่เห็นนายหัวเหม อุ้มหญิงสาวขึ้นมาที่รถแล้ว เพราะปกติเจ้านายเขาแม้จะไม่ใช่คนโหดร้าย แต่ก็ไม่ใจดีกับใครขนาดนี้มาก่อน
“ฉันไม่อยากมีปัญหา เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนตามทำร้ายเธอ อาจจะเป็นพวกมาเฟียท้องถิ่น หรือพวกเจ้าหนี้เงินกู้ ถ้าพาไปที่บ้าน แม่ก็ต้องรู้ เดี๋ยวจะวุ่นวายไปกันใหญ่”
คนหน้านิ่งตอบออกไปด้วยประโยคที่ยาวเหยียด ทำให้สารถีขับรถต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างขัดมิได้
เพราะใครๆก็รู้ว่าคนอย่างเหมราช วัฒนาภักดีหรือนายหัวเหม นายหัวผู้เย็นชาคนนี้จะไม่มีทางตอบคำถามเป็นรอบที่สองเป็นแน่
ท่าเรือ...
“เรือพร้อมแล้วครับนายหัว” คนงานดูแลท่าเรือเข้ามารายงานผู้เป็นนาย เมื่อเห็นรถของเขาเข้ามาจอดใกล้ๆเรือ
“อืม” เขาตอบรับพร้อมอุ้มร่างบางที่อยู่บนรถไปลงเรือ เพื่อข้ามไปยังเกาะส่วนตัวของเขาที่อยู่อีกฟากของท้องทะเล
“เอ่อ นายหัวส่งเธอมาให้ผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอุ้มเธอไปเองได้” ธนินเดินเข้าไปเพื่อจะช่วยให้เจ้านายไม่ต้องเหนื่อย แต่กลับได้สายตาเย็นชากลับมาแทน ทำให้เขาทำได้เพียงเดินตามไปห่างๆ
เกาะมันเดรา...
“เอ๋?! นายหัวทำไมกลับมาดึกจังคะวันนี้” หญิงสูงวัยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นนายหัวเดินเข้ามาในบ้าน
“เกิดเรื่องนิดหน่อยครับป้าอร เดี๋ยวช่วยให้เด็กจัดห้อง แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำแผลให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยนะครับ”เขาบอกพลางชำเลืองหญิงสาวที่เขาอุ้มเธอมาวางบนโซฟาห้องรับแขก
“ใครหรือคะ?” หญิงชราถามด้วยความแปลกใจเป็นครั้งที่สอง
‘นอกจากกลับดึกแล้ว ยังอุ้มผู้หญิงมาด้วย แปลกจริงๆเลย’
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ป้าช่วยทำตามที่ผมบอก แล้วเดี๋ยวมีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะครับ วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว”
ชายหนุ่มตอบด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากทำงานมาทั้งวันแล้วยังต้องมาอุ้มหญิงสาวจากท่าเรือมาถึงบ้านอีก
“ได้ค่ะ นายหัว” นางจึงไม่เซ้าซี้ถามอะไรอีกนอกจากเรียกเด็กในบ้านมาช่วยจัดห้องให้สาวสวยตรงหน้าเท่านั้น
อีกฟากของท้องฟ้ายามราตรี…
เพียะๆๆ!!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าหยาบกร้านของชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนเรียงรายกันตัวตรงให้อีกคนตบเรียงตัว
“แค่ผู้หญิงคนเดียวยังจัดการไม่ได้ กูยังต้องเลี้ยงพวกมึงให้เสีย ข้าวสุกอยู่มั้ย ฮะ!!” ชายมีอายุตะคอกใส่บรรดาลูกน้องที่ยืนก้มหน้าอยู่
“เอ่อ มีคนมาช่วยมันไปครับนาย” คนตัวใหญ่สุดรายงานเจ้านายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“พวกมึงทุกคนออกไปสืบมาให้ได้ ว่าใครช่วยมันไป ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีข่าว พวกมึงก็ไสหัวไปไกลๆกู ก่อนที่กูจะยัดลูกปืนใส่หัวพวกมึง”
เขาตะคอกเสียงใส่ลูกน้อง พร้อมกับชี้นิ้วอาฆาต
“ครับ!!” คนฟังขานรับอย่างพร้อมเพรียง และรีบเร่งออกไปทำตามคำสั่งผู้เป็นนาย ก่อนที่จะโดนทำโทษเป็นรอบที่สอง
“ขนาดแกตายไปแล้ว ยังทำให้ชีวิตฉันยุ่งยากอยู่ดี หึ!!”
เขาพูดกับคนในกรอบรูปบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับคว่ำมันลงกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง ด้วยความเกลียดชัง