คฤหาสน์วัฒนาภักดี
“แม่ค้าบ สวัสดีครับ” เหมราชเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังจากประชุมเสร็จ
“ยังจำทางกลับบ้านได้อยู่รึไงยะ พ่อตัวดี”
มารดาแขวะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ ที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านนัก เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ลูกชายของเธอจึงเอาแต่ขลุกตัวอยู่บนเกาะมันเดรา ซึ่งเป็นเธอเองด้วยซ้ำที่ต้องขยันแวะเวียนไปเยี่ยมลูกชายที่นั่น
“โถ่ แม่ค้าบ” เมื่อได้ยินดังนั้นลูกชายสุดที่รักก็เข้าไปกอดหอมผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ
“นี่ๆ แกหยุดกอดเมียฉันได้แล้วเจ้าเหม” หิรัญ วัฒนาภักดี เอ่ยเสียงขุ่นให้ลูกชาย ด้วยความหวงเมียสุดที่รักของตน
“เอ๊ะคุณ! นี่ลูกเรานะคะ หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง” คุณหญิงดาริกา ผู้เป็นใหญ่ในบ้านเอ่ยปรามสามีที่ทำอะไรไม่ดูอายุเช่นนี้เสมอ ทำให้เธอต้องเขินอายอยู่ร่ำไป
“ไปค่ะ กินข้าวกัน แม่ตั้งโต๊ะไว้แล้ว” คุณหญิงคนสวยของบ้านบอกลูกและสามี เพื่อยุติข้อขัดแย้ง และเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารที่เธอเตรียมไว้รอลูกและสามีที่ทั้งสองเพิ่งกลับจากประชุมที่บริษัท
บนโต๊ะอาหาร…
“นี่เหมลูก เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงานมีหลานให้แม่อุ้มสักที”
คำถามที่ต้องถามเป็นประจำถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นบนโต๊ะอาหารอีกเช่นทุกครั้ง
“โถ่แม่ครับ ผมทำงาน ไม่มีเวลาคิดอะไรแบบนั้นหรอกครับ”
ร่างแกร่งเอ่ยบอกปัดด้วยท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจเช่นเคย ทำให้ ผู้เป็นแม่นั่นหงุดหงิดเล็กน้อยตามเคย
“อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ลืมมันไปเถอะลูก”
บิดาเอ่ยขึ้นแต่ท่าทางไม่สนใจ หันกลับไปกินข้าวฝีมือเมียรักด้วยท่าทางสบายๆ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าภายในปีนี้แกยังไม่มีใครสักที แม่จะจัดการให้แกเอง”
คุณหญิงดาริกาเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง พร้อมทั้งสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ลูกชายและสามีได้แต่อมยิ้มกับท่าทางนั้น
ท่าเรือเกาะมันเดรา
“ฉันจะไม่ยอมถูกขังอยู่ที่นี่กับคนโรคจิต หื่นกาม แบบนั้นหรอกนะ”
ปิ่นมุกพูดกับตัวเองพร้อมวิ่งหลบออกจากตัวบ้านมายังท่าเรือที่อยู่ริมชายฝั่ง เธอแอบวิ่งออกมาตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการจัดอาหารเที่ยงให้พวกคนงาน
“ลาก่อน!” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเธอแอบขึ้นมาบนเรือที่กำลังจะไปรับของจากบนฝั่ง เธอเข้าไปแอบอยู่ที่วางของพร้อมทั้งใช้ผ้าใบผืนใหญ่ที่ใช้คลุมของนั้น คลุมร่างของตัวเองไว้อย่างมิดชิด ขณะที่เรือเริ่มเคลื่อนไปบนผิวน้ำ ผิวคลื่นของท้องทะเล