…ตอนเย็น...
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับป้าอร” เมื่อกลับถึงบ้าน เหมราชก็ถามถึงน้องสาวศัตรูทันที
“เธอฟื้นขึ้นมาเมื่อตอนสายนี้เองค่ะ ตอนนี้นอนพักอยู่บนห้องค่ะนายหัว ไม่เป็นอะไรมาก แต่มีอาการอ่อนเพลียค่ะ”
ป้าอรรายงานอาการของร่างบางให้ผู้เป็นนายฟัง
“ช่วยบอกคนไปตามเธอมาพบผมที่ห้องรับแขกทีนะครับ” เหมราชบอกแล้วนั่นทำงานต่อ ส่วนป้าอรก็รีบไปบอกเด็กรับใช้ให้ไปตามหญิงสาวด้วยตัวเองทันที เพราะนางรู้ว่านายหัวเหมไม่เคยต้องรอใครนานๆ
ห้องพักรับรองของปิ่นมุก
ก๊อกๆๆ
“คุณคะ นายหัวให้คุณไปพบที่ห้องรับแขกตอนนี้ค่ะ”
เด็กสาวอายุประมาณ18 ปี บอกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงตามคำสั่งของคนเป็นนาย
“นายหัวกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ?” ปิ่นมุกลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย และถามเด็กสาวออกไป
“ใช่ค่ะ คุณรีบลงไปนะคะ นายหัวไม่ชอบรอนาน” เธอบอกพร้อมยิ้มสดใสให้ปิ่นมุก
“จ๊ะ งั้นพาพี่ลงไปเลย” ปิ่นมุกรีบเดินตามหลังเด็กสาวไปทันทีที่เยินแบบนั้น เธอคิดว่านายหัวคงเป็นคนสูงอายุที่ดุๆ ถ้าเธอไปช้าอาจจะโดนดุได้
ห้องรับแขก...
ตึก ตึก ตึก
เสียงส้นเท้าของเด็กสาวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางห้องรับแขก
“มาแล้วจ้ายาย” เด็กสาวพูดด้วยความร่าเริงตามอายุ
“ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้วฮ่ะ แตงกวา ว่าอย่าวิ่ง”ป้าอรดุเสียงเขียว
“แฮร่...” เสียงของป้าอรที่ดุหลานสาวดั่งเช่นทุกวัน
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” ปิ่นมุกเอ่ยขัดจังหวะ และเหลือบมองไปที่โซฟารับแขก ก็เห็นชายหนุ่มผู้หน้านิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียง
หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้เห็นหน้าของชายหนุ่ม หน้าคม จมูกโด่ง รูปร่างสมส่วนที่มีแต่กล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกาย หล่อราวกับเทพบุตร ทำเอาหญิงสาวเขินหน้าแดง ก้มหน้าไม่กล้าสบตา เขาเลยทีเดียว
“ป้าอรกับแตงกวามีอะไรก็ไปทำเถอะครับ ผมขอคุยกับเธอตามลำพัง” ชายหนุ่มบอกป้าอรออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
เหมราชส่งสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตาโต จมูกรั้น ปากเล็กบางๆนั่น ถูกใจเขายิ่งนัก รูปร่างอรชร ดูน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตากระเบื้องนั่น เห็นแล้วอยากเข้าไปขยำ ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องสาวศัตรูคู่อาฆาต เธอคงจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาจะพึงใจเพียงแค่แรกเห็น แต่มันต้องไม่เป็นแบบนั้น เพราะเธอคือคนที่จะต้องมาชดใช้ความผิดที่พี่ชายเธอทำไว้
เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม
“เอ่อ ฉันต้องขอบคุณ คุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตฉันไว้เมื่อคืน”
เมื่อต่างคนต่างเงียบไปหลายอึดใจ หญิงสาวจึงตัดสินใจกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยเธอไว้
“ดิฉัน ปิ่นมุกค่ะ หรือจะเรียกปิ่นก็ได้ค่ะ แล้วคุณ....”
เมื่อชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้อะไร หญิงสาวจึงเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมส่งยิ้มหวานไป
“ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมาแนะนำตัวให้เสียเวลา ฉันรู้จักเธอดี และฉันก็ไม่จะเป็นต้องแนะนำตัวกับคนอย่างเธอ”
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่คิดถึงจิตใจคนฟัง ที่ตอนนี้หน้าเสียไปแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อในบรรยากาศอึดอัดเช่นนี้…
“ค่ะงั้นไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างไรดิฉันก็ต้องขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยชีวิตดิฉันไว้ งั้นดิฉันลาตรงนี้เลยนะคะ รบกวนคุณมามากแล้ว”
ปิ่นมุกยกมือไหว้คนที่อายุน่าจะมากกว่าเธอหลายปี ก่อนจะเตรียมตัวเดินออกจากห้องรับแขกและไปจากที่นี่
“หยุด!! ฉันไม่ได้สั่งให้เธอไป เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น และอย่าเดินหนีฉัน ฉันไม่ชอบ” ชายหนุ่มพูดเสียงแข็ง พร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หญิงสาวหยุดเดินและหันกลับเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่และทำตามทุกอย่างที่ฉันสั่ง ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ฉันก็เป็นเจ้าชีวิตของเธอ จำเอาไว้” ชายหนุ่มพูดพร้อมจ้องหญิงสาวตาเขม็ง
“คุณไม่มีสิทธิ์ ชีวิตฉันเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ถึงแม้คุณจะช่วยชีวิตฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตของฉัน”
หญิงสาวเถียงกลับด้วยความโมโห “คนอะไรบ้าอำนาจ เผด็จการที่สุด นี่มันเรื่องบ้าอะไร”หญิงสาวคิดในใจ
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ อย่ามาเรื่องมาก…ฉันสั่งอะไรก็ทำ จำเอาไว้ ทุกคนที่นี่เป็นคนของฉัน อย่าคิดที่จะหนีไปให้ยากเลยหึหึ” ชายหนุ่มพูดพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“ทำไมฉันต้องฟังคุณ นี่ตัวฉัน ชีวิตฉัน ฉันเท่านั้นที่เลือกได้”
หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบร่างสูงด้วยความโมโหที่เริ่มมากขึ้น พร้อมกับเตรียมตั้งท่าและวิ่งออกจากบ้านทันที