กรงรักมธุรสEP.01 กาลเวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน (1)

1228 Words
สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินออกมาขึ้นรถแท็กซี่ มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์วรากร สิบปีแล้วสินะที่เขาไม่เคยเหยียบแผ่นดินแม่ นับตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น เขาก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเคยทำไว้ในอดีต ยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ โดยเฉพาะเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนั้น การกระทำที่แสนร้ายกาจของเขา ถูกเปิดผนึกขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่เขาตัดสินใจกลับมาเมืองไทย “ถึงแล้วครับ” แท็กซี่หนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อเขาขับรถพาผู้โดยสารมาส่งถึงที่ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าตอบ หันหน้ามองประตูรั้วที่เปิดออกมาอย่างช้าๆ ก่อนที่พนักงานรักษาความปลดภัยเดินออกมาหยุดอยู่ที่รถแท็กซี่ “เปิดประตูหน่อย” “เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครหรือครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยก้มหน้ามองหนุ่มหล่อในรถแท็กซี่ “นายทำงานที่นี่นานหรือยัง” “ห้าปีครับ” “งั้นก็ไม่แปลกที่นายไม่รู้จักฉัน” ภควัตบอกเสียงทุ้ม เงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้พนักงานรักษาความปลอดภัย ก่อนตัดสินใจพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันเป็นลูกชายของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้” “คะ...คุณพายหรือครับ” เสียงที่เอ่ยถามหนุ่มหล่อเริ่มสั่นเล็กน้อย เขาพอจะรู้ข้อมูลของบุตรชายเพียงคนเดียวของคุณท่านมาบ้าง ไม่นึกว่าวันนี้จะได้มาพบตัวจริง “ใช่” “รอสักครู่นะครับ” ตอบแล้วรีบวิ่งกลับไปเปิดประตูให้เจ้านายหนุ่ม ภควัตมองร่างสูงโปร่งวิ่งเข้าไปกดเปิดประตูรั้ว ไม่นานรถแท็กซี่ก็ขับเข้าไปจอดภายในคฤหาสน์วรากร และไม่ถึงสิบนาที ความโกลาหลก็เกิดขึ้นภายในคฤหาสน์วรากร เมื่อทายาทเพียงคนเดียวของคุณเกริกปรากฏกายอยู่ในห้องโถง ภควัตนั่งมองบรรดาสาวใช้และแม่บ้านที่นั่งก้มหน้าก้มตาตรงหน้าอย่างประหลาดใจ การกลับมาของเขามันแปลกมากเชียวหรือ สาวใช้บางคนก็ตื่นเต้น บางคนก็หวาดกลัว มีเพียงคนเดียวที่เห็นหน้าเขาแล้วร้องไห้ “เป็นอะไรไปครับป้าอุษา ทำไมต้องร้องไห้ด้วย” “ก็ป้าดีใจนิคะคุณพาย ทำไมถึงไม่กลับมาบ้านบ้างล่ะคะ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา คุณพายเงียบหายไปเลย รู้ไหมคะว่าป้าเป็นห่วงแค่ไหน” นางอุษาพูดเสียงสั่น มองคุณหนูที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดอย่างปลาบปลื้ม ไม่เจอกันสิบปี คุณหนูของนางโตเป็นหนุ่มหล่อ ไม่ต่างจากคุณท่านเลย “ผมก็กลับมาแล้วนี่ไงครับป้า” “ป้าเห็นแล้วค่ะ” นางอุษายิ้มทั้งน้ำตากับการกลับมาของทายาทเพียงคนเดียวของคุณท่าน “ทำไมบ้านเงียบแบบนี้ คุณพ่อกับคุณธิดาไปไหนล่ะครับป้า” “คุณท่านกับคุณธิดาไปทำธุระที่เมืองนนท์ค่ะคุณพาย” นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คุณพายของนางถามถึงคุณกุลธิดา “แล้ว...เอ่อ...” ภควัตเริ่มมีอาการพูดไม่ออกเล็กน้อย เมื่อเขาดันอยากรู้เรื่องของเด็กผู้หญิงคนนั้น “มีอะไรหรือคะคุณพาย” “แล้วน้ำหวานล่ะครับ หายไปไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นเค้าเลย” สุดท้ายเขาก็ถามออกไปจนได้ ใบหน้าหล่อคมสันเริ่มแดงเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของแม่บ้านกับสาวใช้ เขาคงคิดผิดจริงๆ นั่นแหละที่ถามเรื่องของเด็กผู้หญิงในความทรงจำคนนั้น “คุณน้ำหวานไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกค่ะคุณพาย” อดีตสาวใช้ของมธุรสเป็นคนตอบแทนแม่บ้านใหญ่ ภควัตเงียบไปเมื่อฟังคำตอบจากสาวใช้ หมายความว่าไงที่บอกว่ามธุรสไม่ได้อยู่ที่นี่ หากเธอไม่อยู่คฤหาสน์วรากร แล้วเธอไปอยู่ที่ไหน “คุณหนูน้ำหวานไปจากที่นี่ตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วล่ะค่ะคุณพาย” นางอุษาอธิบายเสริมคำพูดของสาวใช้ ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น คุณหนูน้ำหวานก็ขอไปอยู่โรงเรียนประจำ หลังจากจบมัธยมปลายเธอก็ขออยู่ข้างนอกอีก จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ตอนนี้ก็ยังคงอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่มารดาเป็นคนซื้อให้ น้อยครั้งเหลือเกินที่จะกลับมาคฤหาสน์วรากร หากไม่โทรไปหญิงสาวก็จะไม่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่เด็ดขาด “เป็นเพราะผมใช่ไหมครับป้า เค้าถึงได้ออกไปอยู่ข้างนอก” ภควัตถามเสียงเรียบ สบตามองแม่บ้านใหญ่อย่างต้องการคำตอบ ถึงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วก็ตาม เขาก็หวังว่าคำตอบของนางจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่ดูเหมือนความเงียบที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คงเป็นคำตอบได้ดีที่สุด “ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ผมรู้คำตอบดีอยู่แล้ว” “คุณพายจะทานอะไรหน่อยไหมคะ เดี๋ยวป้า...” นางอุษาถาม แต่ยังไม่ทันพูดจบคุณหนูของนางพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องหรอกครับป้า ผมจะขึ้นไปพักเสียหน่อย เดินทางมาเหนื่อยๆ” ชายหนุ่มพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องโถง เดินขึ้นบันไดกลับขึ้นไปพักผ่อน เขาต้องคิดหาวิธีเจอมธุรส เขามีเรื่องอยากขอโทษหญิงสาวมากมาย อยากขอโทษกับสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้ในอดีต หลายวันผ่านไป...ภควัตนัดเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกันที่เมืองนอกมาเจอกันที่ร้านประจำ ที่พวกเขามักมานั่งทานข้าวกันเสมอหลังจากที่ทุกคนเรียนจบ ต่างก็กลับมารับช่วงดูแลธุรกิจของครอบครัว มีแต่เขาที่ตัดสินใจอยู่นิวยอร์ก ชายหนุ่มเดินเลี้ยวออกมาจากลานจอด จึงไม่ทันเห็นว่าตรงมุมตึกมีใครยืนอยู่ เขาจึงชนเข้าอย่างจัง จนคนที่เขาชนถึงกับหน้าคะมำล้มลงไปกองกับพื้น โชคดีที่เขาคว้าเอาไว้ได้ทัน “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” คนที่ถูกช่วยไว้ตอบกลับเสียงหวาน ก่อนขยับกายถอยห่าง แล้วปลดมือหนาออกจากข้อมือของตัวเอง “ขอโทษนะครับ คือผมไม่เห็นคุณยืนอยู่ตรงนี้” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวตอบแล้วขอตัวจากหนุ่มแปลกหน้า ยังไม่ทันได้หันกายเดินไปยังประตูทางเข้าร้านอาหาร เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ใบหน้าหวานเหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มให้ ขณะมือเรียวเล็กรีบล้วงเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วกดรับ พร้อมกับเดินตรงไปยังประตูทางเข้า “น้ำหวานอยู่หน้าร้านแล้ว ลินนั่งอยู่โต๊ะไหน” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยถามปลายสายออกไป เท้าทั้งสองก็ก้าวฉับๆ ไปหยุดอยู่หน้าประตูร้านอาหาร กวาดสายตามองผ่านกระจกเข้าไปภายในร้าน แล้วเธอก็เห็นโต๊ะที่เพื่อนสนิทนั่งอยู่ “น้ำหวานเห็นลินแล้ว แค่นี้นะ” “โอเค” ปลายสายตอบแล้วตัดสายจากเพื่อนสนิททันที มธุรสเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าสะพาย แล้วเปิดประตูกระจกเข้าไปภายในร้าน โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่เดินตามเธอมายืนอึ้งกับชื่อของเธออยู่นั่นเอง //////// ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD