BAD ENG' : 08

1961 Words
[🍃 กลัวไหม...? ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มันไม่เป็นอย่างใจหวัง] ----------------- BAD ENG' : 08 ครืด! ครืด! ใบชาเคลื่อนสายตาไปดูหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง แล้วเผยเป็นยิ้มกว้าง ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาเลื่อนสไลด์แนบหูด้วยความเร่งรีบ เหมือนเธอจะไม่อยากให้คนโทรมาต้องรอเลยสักนาที สิ่งนี้ทำให้เพื่อนรวมโต๊ะซึ่งลอบสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วสงสัย สาบานได้เลยว่าหากใครเห็นเหมือนเพลงพิณในตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาวสวยตรงหน้ากำลังมีหนุ่มแหงๆ และยังไม่ทันที่เจ้าของเครื่องจะได้เอ่ยทักทาย อีกฝ่ายก็รัวคำถามใส่ราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่ง [ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ไปกับใคร แอบเกเรเหรอ] “เปล่านะคะ ไม่ได้เที่ยวเล่นซะหน่อย ใบมาอ่านหนังสือที่หอสมุดต่างหาก” [...] เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึในคอเบาๆ “คุณอยู่ที่บ้านใบเหรอ” [อือ แวะเอาของมาให้ ฝากไว้ที่แม่ละ] “ของ...อะไรคะ” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งกับการที่เขาสรรหานั่นนี่มาให้ ทั้งที่ก็บอกตัวเองเสมอว่าคนหว่านพืชย่อมหวังผล แต่ก็แอบรู้สึกดี [กลับมาดูเอาเอง] “แล้ว คุณ เออ...” เสียงเล็กเว้นช่วงขณะเปลี่ยนใช้ไหล่หนีบมือถือแนบหูแทน จากนั้นก็เตรียมเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะ “จะไปไหนต่อไหมคะ” [ทำไม มีอะไร] “ใบกำลังรีบกลับ คุณรอก่อนได้ไหม” หลังรูดซิปเรียบร้อยกระเป๋าเป้ก็ถูกเหวี่ยงไปข้างหลัง ร่างสวยลุกขึ้นยืนและไม่ลืมที่จะส่งสัญญาณมือโบกลาเพื่อน [ออกมาแล้วสิ] “อ้าว...” ฉับพลันการเคลื่อนไหวก็ช้าลง แววตาสดใสเปลี่ยนเป็นหม่นหมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ย้อนกลับ เธอยังคงเดินทอดน่องไปยังประตูทางออก [อยากเจอเหรอ] “ก็อยากเจอนะคะ” ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ติดอยู่ในความคิดตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการทำตัวลึกลับน่าค้นหาด้วยรึเปล่า ถึงดึงดูดให้เธอยิ่งอยากรู้จักมากขึ้น เธอมีความคิดว่าหากได้เจอกันบ่อยๆ อาจจะเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้ [เดี๋ยวก็ได้เจอ] “คะ?” ทักท้วงได้แค่นั้นสายก็ถูกตัด ใบชาได้แต่เลื่อนไอโฟนออกมาเพ่งมองด้วยความงุนงง “เอ้า! อะไรของเขา…นึกจะวางก็วาง” ทว่ามือถือยังไม่ถูกเก็บ ปลายนิ้วกดหน้าจอหยิกๆ ระหว่างเดิน เธอกำลังส่งไลน์หาพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ BaiCha : พี่จะกลับบ้านไหมวันนี้ BaiCha : ตอนนี้ใบอยู่ที่มอ ถ้ากลับจะได้ไปด้วย Beam : เค เดี๋ยวไปรับ หลังได้รับการตอบกลับจากพี่ชาย คนตัวเล็กก็ตัดสินใจลัดออกช่องประตูข้างกำแพงทะลุไปยังตลาดนักศึกษา เพื่อเดินเล่นฆ่าเวลา ผ่านไปหลายสิบนาที ใบชาก็ได้ขนมโปรดของผู้เป็นแม่มาสองสามอย่าง ปกติสาวเจ้าจะนึกถึงท่านเป็นอันดับแรกเสมออยู่แล้ว ส่วนพี่ชายนั้นก็มีบ้างเป็นครั้งคราว คงเพราะห่างกันไปนานด้วยแหละทำให้เธอแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าเขาชอบกินอะไร แต่ก็ยังซื้อไปเผื่อ… จากนั้นก็พาตัวเองออกมายืนรอแถวๆ ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ระบุพิกัดส่งให้พี่ชายอีกครั้ง “เชี่ย!” ร่างเล็กผงะถอยในตอนที่เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแล้วปะทะเข้ากับดวงตาเฉี่ยวคมของตะวันซึ่งกำลังจับจ้องอยู่ในระยะห่างไม่ถึงช่วงแขน “ตกใจหมด มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” แวบหนึ่งเธอมีความคิดว่าเขาเป็นผีด้วยนะ อยู่ๆ ก็โผล่มาราวกับล่องหนได้ ทั้งที่เธอก็เพิ่งจดจ่อกับเครื่องมือสื่อสารไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง “เนียนด่าปะเนี่ย” ตะวันหรี่ตามองอย่างจับผิด เขายังติดใจกับคำอุทานของยัยตัวแสบนิดหน่อย และหวังว่าจะได้รับคำขอโทษพร้อมไหว้ย่อเหรอ…บอกเลยว่าคิดผิด! “จะคิดงั้นก็ไม่ติดนะ” เบ้ปากตอบพร้อมไหวไหล่ขึ้นหนึ่งที จากนั้นปลายเท้าเล็กก็เบี่ยงไปทางซ้าย หวังจะหนีให้พ้นจากความน่ารำคาญที่บังเอิญพบเจอโคตรบ่อย หมับ! ตะวันเอื้อมคว้าข้อมือเล็กให้หยุดและหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง “พูดดีๆ บ้างมันจะตายไหมวะ” “ไม่พอใจ ก็ไม่ต้องมายุ่งกันสิ” คิดว่าเขาหงุดหงิดเป็นคนเดียวรึไง ใบชาบิดข้อมือออกจากการจับกุม เป็นตะวันเองนี่แหละที่ไม่ติดยื้อ เขายอมปล่อยง่ายๆ แต่เลือกที่จะเขยิบไปขวางหน้าคนตัวเล็กไว้ “ใบ-” “หยุด! อย่ามาดัดแปลงชื่อฉัน” ชี้หน้าออกคำสั่งเสียงแข็ง “พี่เลิกยุ่ง เลิกวุ่นวาย เลิกตามกวนประสาทฉันสักทีได้ไหม คนอื่นเขาเข้าใจผิดหมดแล้วไม่รู้บ้างรึไง!” สิ่งที่อัดอั้นพรั่งพรูออกมาจนหมด เมื่อถูกกดดันจากหลายทาง ไหนจะสายตาหลายคู่ที่พากันจับจ้องซุบซิบนิทรา ไหนจะประโยคคำถามจากเพื่อนร่วมคณะนั่นอีก ความจริงก็แค่หวังจะใช้ชีวิตแบบสงบสุขจนกว่าจะเรียนจบเท่านั้นเอง แต่ทำไมพระเจ้าต้องส่งตัวป่วนมาด้วย กลัวหนทางแห่งความสำเร็จมันจะง่ายเกินไปสินะ! คิดแล้วพ่นลมออกปากอย่างเหนื่อยหน่าย “เหรอ เข้าใจว่าไงอะ” ประโยคแรกที่เธอจงใจเน้นย้ำกลับถูกละเลย ตะวันดันไปโฟกัสเรื่องเข้าใจผิดของคนอื่นๆ แทน “ก็เข้าใจว่าพี่มาจีบฉันไง” ขณะตอบก็แอบภาวนาให้เขาร้องโวยวายว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แสงสว่างก็ดับวูบด้วยวลียอมรับแบบอ้อมๆ โดยไร้การไตร่ตรอง “งั้นก็ไม่ผิดนะ” “ฮะ…” ใบหน้าสวยปรับเปลี่ยนเป็นเหลอหลาพูดไม่ออก ก็มีตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นความจริงไง! “ทำไมอะ เธอก็ไม่มีแฟนนิ” นายภูตะวันอาจเป็นที่หมายปองสำหรับใครหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฌาริดาอย่างแน่นอน “ไม่มีแฟน ไม่ได้แปลว่าจีบได้เนอะ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย เพราะงั้นล้มเลิกความคิดนั้นซะ เสียเวลาเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ประโยคเด็ดขาดของหญิงสาวจบลง จังหวะทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญ ใบชาเป็นฝ่ายนิ่งงันราวถูกสะกด สองครั้งแล้วที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับแววตาคู่นี้ มันเหมือนกับ… “แล้วถ้าเฮียบอกว่า…” สุ้มเสียงทุ่มเอื้อนเอ่ยทำลายความเงียบและทำลายความคิดของเธอด้วย คิ้วสีอ่อนย่นเข้าหากันขณะรอฟังประโยคต่อไปจากผู้ชายที่ไม่ถูกชะตา แปลกนะ…ปกติเธอไม่ได้ให้ความสนใจเขามากขนาดนี้ “เฮียคือคนที่เธออยากจะ-” ผลัก! “พี่บีม!” ดวงตากลมเบิกกว้างในตอนที่พี่ชายพุ่งเข้ามาผลักร่างของตะวันอย่างแรงจนเขาเซถอยไปยืนอยู่ในจุดอันตรายบนท้องถนนด้วยความตกใจ โชคดีที่ ณ ตอนนั้นไม่มีรถวิ่งผ่าน จากนั้นก็รั้งแขนบีมไว้ก่อนเขาจะตามไปซัดตะวันอย่างเอาเรื่อง ขณะที่เธอร้อนรนมองซ้ายขวาระวังรถจนแทบเป็นบ้า หนุ่มวิศวะยังยกยิ้มและเดินเข้ามาริมทางอย่างใจเย็น “อยู่ให้ห่างน้องสาวกู!” บีมประกาศก้อง หลังตะวันหยุดยืนในระยะประชิด ท่ามกลางความสนใจจากผู้คนรอบข้าง แต่พวกเขาไม่แคร์! “มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู” “เพราะกูเป็นพี่ไง” “เรอะ?!” คำเดียวจากตะวันทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับชะงักไปเลย ตอนนี้เองที่ใบชารู้สึกถึงความผิดปกติในบทสนทนาของพวกเขา ตะวันเผยรอยยิ้มร้ายกาจซึ่งแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ส่วนบีมได้แต่กำหมัดขบกรามแน่น… ยิ่งไปกว่านั้นใบชายังแอบเห็นความหวาดหวั่นแปลกๆ ในแววตาของพี่ชายตัวเองอีกด้วย “ไปรอตรงนู้นก่อน” บีมพยายามควบคุมโทนเสียงให้คงที่ขณะหันมาออกคำสั่งกับน้องสาว ใบชารู้ดีว่าพี่กำลังโกรธจัดเลยไม่กล้าขัด สองเท้าค่อยๆ ก้าวทิ้งระยะห่างไปทีละนิด ทว่าสายตายังลอบมองพวกเขาด้วยความกังวล จากนั้นบีบก็ขยับเข้าไปใกล้คู่สนทนามากขึ้นเพื่อคอนโทรลเสียงให้อยู่ในระดับที่ได้ยินกันสองคน “อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าใกล้น้องสาวกูอีกนะ” “ได้…กูจะไม่ทำให้มึงเห็น” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ายียวนกวนบาทาเบื้องล่างจนคนฟังต้องออกปากด่า “ไอ้สัส!” “มึงดิสัส!!” ทายาทมาเฟียสวนกลับอย่างไม่ยอมกัน ก่อนแสร้งทำหน้าครุ่นคิดพลางยกมือขึ้นมาลูบปลายคางตัวเอง “เอ๊ะ…หรือกูต้องซ้อมเรียกพี่เมียไว้ให้ชินปากวะ” โทสะของคนเป็นพี่ทะยานขึ้นสู่จุดเดือดทันควัน เขากระชากคอเสื้อไอ้หนุ่มวิศวะเข้ามาประจันหน้า ทำเอาน้องสาวที่ยืนมองอยู่ไกลต้องพุ่งเข้าไปห้ามตามสัญชาตญาณ “...มึงแพ้ตั้งแต่เข้ามาแบบไม่จริงใจแล้ว” ใบชาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินบางประโยคจากปากพี่ชาย สลับมองสองหนุ่มไปมาด้วยความคับข้องใจ ถึงจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็มั่นใจว่าเกี่ยวกับตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากถามนะ...ทว่าเวลานี้ควรสงบศึกก่อนจะบานปลายไปกว่านี้ “พี่บีม เรากลับบ้านกันเถอะ” สุดท้ายความพยายามของสาวน้อยก็สำเร็จ เธอลากบีมออกมาจากตรงนั้นได้สำเร็จ แต่ยังแอบเหลียวกลับไปมองเจ้าตัววุ่นวายที่ยกยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัยแวบหนึ่ง ใบชาถอนหายใจแรงพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับชะตากรรมต่อจากนี้... หลังมาถึงบ้าน บีมก็อ้างว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป ไม่แม้จะเข้าไปทักทายผู้เป็นแม่เลยด้วยซ้ำ นี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้ใบชาคิดหนักจนหัวแทบระเบิด... “แม่ได้ยินเสียงรถ ใครมาส่งลูก” เสียงแหบแห้งเอ่ยทักทายหลังลูก สาวตัวน้อยก้าวพ้นประตูบ้าน “พี่บีมน่ะ” ตอบขณะเดินเอาของไปวางบนโต๊ะอาหารที่แม่นั่งอยู่ ก่อนจะลากเก้าอี้ข้างๆ ออกมานั่ง “อ้อ...” “แม่กับพี่ทะเลาะกันเหรอ” “เปล่านิ พี่ลูกเขาโตแล้ว แม่ไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายเยอะ” “แต่...” อยากจะแย้ง แต่อีกฝ่ายแทรกขึ้นก่อน “สนใจเรื่องของเราเถอะ มีผู้ชายเอาของมาให้อีกแล้ว” เธอรู้สึกได้นะว่าแม่กำลังบ่ายเบี่ยง แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นเอาความ เลือกที่จะหันไปสนใจถุงกระดาษที่แม่ยื่นมาให้แทน “เขามาแบบไหนเหรอคะ” ถามพร้อมกับหยิบของข้างในออกมาดู พบว่ามันคือกล่องสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือสีดำทมิฬ “ก็เหมือนเดิม” เหมือนเดิมของแม่ก็คือปิดบังตัวตนอย่างมิดชิด “ว้าว สวยจัง” แววตาเด็กสาวแวววับเป็นประกายหลังเปิดกล่องออกแล้วปรากฏเป็นสร้อยทองที่มีจี้วงกลมประมาณสองเซน ตรงกลางสลักรูปดอกไม้ชนิดหนึ่งไว้ ไม่ถึงกับหวือหวาอลังการ แต่สวยสะดุดตาในแบบเรียบๆ “สร้อยคอ?” ผู้เป็นแม่เลิกคิ้วมองลูกสาวอย่างนึกสงสัย ผู้มีพระคุณคนนี้มันชักจะยังไงซะแล้วสิ! “ดอกเดซี” เธอคิดว่าแบบนั้น แต่แม่กลับคิดต่าง “แม่ว่า...มันเหมือนทานตะวันมากกว่านะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD