[🍃 กล้าไหม...? ที่จะต้องตัดใครบางคนออกไป]
-----------------
BAD ENG' : 09
เจ้าของใบยุ่งเหยิงราวกับมีพายุลูกใหญ่ในอกก้มมองจี้ห้อยคอแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนมือขึ้นสัมผัสแผ่วเบา ขณะก้าวเดินไปตามทางเท้าข้างมหาวิทยาลัย
เป็นเวลาหลายเดือนที่คนมอบสิ่งนี้ให้ไม่ปรากฏตัวเลย การโทรก็เว้นระยะห่างไปมาก อดคิดไม่ได้ว่าเขาตั้งใจหลบเลี่ยง เช่นเดียวกับที่เธอกำลังทำกับรุ่นพี่วิศวะจอมวุ่นวายนั่น
“ทานตะวัน...?” เธอหลุดพึมพำอย่างคนเลื่อนลอย มีหลายครั้งที่เธอเผลอนึกถึงเขา นายภูตะวัน
แน่นอนว่ามีการตั้งสมมติฐานและเขาคือหนึ่งบุคคลที่น่าสงสัย เธอพบสิ่งผิดปกติแต่ไม่พบแกทเชื่อมโยง ความเป็นได้ก็ไม่มากพอจะปักใจเชื่อ อีกอย่างความสมเหตุสมผลแทบจะเป็นศูนย์
คนที่เป็นคู่อริมีความจำเป็นอะไรต้องมาให้ความช่วยเหลือครอบครัวศัตรู บ้าไปแล้ว....คิดอะไรอยู่เนี่ย
แกต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ฌาริดา!
กึก!
ความคิดหยุดลงกะทันหัน การเคลื่อนไหวก็ด้วย เท้าเล็กเปลี่ยนเป็นขยับถอยไปทางเดิม เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเคลือบคลานเข้าหาจากกลุ่มชายฉกรรจ์ต่างสถาบันในช็อปสีน้ำเงินเข้มถึงสี่คนพากันมายืนเรียงหน้ากระดานจนเต็มฟุตบาท
ลมหายใจกระตุกไปชั่วขณะเมื่อตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่ทราบสาเหตุ เธอไม่คุ้นหน้าใครเลย มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคนกลุ่มนี้ มือหนึ่งบีบกำสายกระเป๋าผ้าแน่น ส่วนอีกมือแอบล้วงลงไปในนั้น
ปึก...
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อถอยไปชนใครบางคน
“พี่...” เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกโล่งใจกับการได้หน้าชายผู้ไม่ต้องชะตา
“อะ อ้าว ดูซิว่าเราเจอใคร” น้ำเสียงเย้าหยอกจากหนึ่งในพวกนั้น ทำให้ใบชารู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ท้ายทอยไปจนถึงสันหลังและจำต้องหันไปมองอย่างระแวดระวัง ก่อนจะพบว่าเป้าหมายได้เปลี่ยนไปเป็นหนุ่มวิศวะที่ก้าวขึ้นมายืนอยู่ด้านหน้าแล้ว
“ตัวตึงเซเนมาเดินตามผู้หญิงต้อยๆ เมียนหมาเลยนะฮะ” อีกคนกล่าวติดตลก แต่ดูเหมือนคนถูกเปรียบเปรยจะไม่ตลกด้วย
“เสือก!!”
ไม่ถึงกับยอมรับ...แต่ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธ วลีเดียวเน้นๆ ที่ตะวันพ่นใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างจังจนแทบหงายหลัง ฉับพลันใบชาก็ลากสายตามาจับจ้องช่วงไหล่กว้างของชายหนุ่มสถาบันเดียวกันด้วยความสงสัย
ตามฉันงั้นเหรอ? ตั้งแต่ตอนไหน แล้วอย่าบอกนะว่า...ไอ้พวกนี้ก็ตามเขาอีกที...เหอะ!
หากแต่เวลานี้ไม่เหมาะจะซักไซ้เอาความ ดวงตาคู่สวยหลุบมองท่อนแขนแข็งแรงซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงหนาหลายชั้นเพื่อสร้างเกราะกำบังให้เธอ
“มาตัวเดียว แล้วยังห้าว”
“ถ้ากูกลัวคน กูคงตายห่าตั้งแต่ห้าขวบละ”
คำตอบของที่พึ่งหนึ่งเดียวทำเธออึ้งจนพูดไม่ออก ได้แต่สวดบทภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้า เพราะดูแล้วไม่น่าจะรอด
ความจริงก็รู้อยู่นะว่านายภูตะวันคนนี้ค่อนข้างเปรี้ยวตีนพอตัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปรี้ยวขนาดนี้
หนึ่งต่อสี่...จองเปลหามรอได้เลย!
“มึงนี่มันสมควรโดนตีนจริงๆ เลยนะ”
ผิดไหม...ถ้าจะแอบเห็นด้วยกับฝ่ายตรงข้าม
ขณะเดียวกันสาวน้อยยังเบนไปหาเจ้าของประโยคที่เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น
พลั่ก!
“อย่ายุ่งกับเธอ!”
มือสกปรกที่ยื่นมาถูกปัดออกจากเกราะป้องกันอย่างดีข้างกาย ใบชารีบรุดเข้าหาความปลอดภัย ถึงจะคิดว่าตะวันเป็นตัวอันตรายมากแค่ไหน...แต่ก็ไม่เท่าสี่ท**นที่กำลังเผชิญ ณ ตอนนี้หรอก
“แน่นอน พวกกูไม่กระทืบผู้หญิงอยู่แล้ว แต่กระแทก...ไม่แน่”
“สัส!!”
ผลัวะ!
อึก!
เส้นความอดทนของเขาขาดผึง ตะวันปล่อยหมัดเข้าเป้าอย่างจัง จนร่างไอ้ปากดีนั่นล้มไปกองกับพื้น แต่หน่วยเสริมก็เข้ามาแทนที่และฝากรอยเท้าไว้บนหน้าท้องเขาเป็นการตอบแทนทำเอาร่างกำยำเซถอยไปหลายก้าว
สาวน้อยนางเดียวเริ่มทำอะไรไม่ถูก รูม่านตาสีเข้มขยายกว้างอย่างตื่นตระหนก แขนขาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ สติก็ลอยหายไปกับมวลชั้นบรรยากาศแทบหมด เมื่อจู่ๆ ก็ก้าวเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยงตายแบบไม่ทันตั้งตัว
เป็นจังหวะเดียวกับพวกที่เหลือเริ่มตีวงล้อม ถามว่ามีคนผ่านไปผ่านมาไหม ก็มี...แต่น้อยมาก แค่เห็นสถานการณ์ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายแล้ว
“หน้ามึง แม่ง!…วอนโดนส้นตีนฉิบหาย” เสียงจากคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาทรงตัวได้สำเร็จ มันพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อหนุ่มวิศวะไปประจันหน้า
“แต่หน้ามึง แม่ง!…เหมือนส้นตีนฉิบหาย” ตะวันสวนกลับทันควัน พลางแสยะยิ้มยียวน ครั้นจะถามหาความหวาดหวั่นจากผู้ชายที่ชื่อภูตะวัน ก็คงจะยากหน่อย จากนั้นเขาก็ปัดมือคู่อริออกแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่
“ไอ้สัส-”
“แถมหน้าตัวเมียด้วย มีไรก็เคลียร์แค่กับกูดิ อย่าดึงผู้หญิงมาเกี่ยว มันดูกระจอก!” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และถ้าไม่มีใบชา พวกเขาคงไม่แค่ยืนคุยกันแบบนี้แน่...
“หึ…” อีกฝ่ายกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปให้ความสนใจบุคคลที่ถูกกล่าวถึง “น่าสนใจดีนะ นานๆ จะเห็นไอ้หน้าหมาอย่างคุณตะวันออกตัวปกป้องผู้หญิงสักที ชื่ออะไรคะ คนสวย”
“กูบอกว่าอย่ายุ่งไง!!”
พลั่ก! ผลัวะ!
สายตาที่มันใช้กับสาวสวยทำหนุ่มเลือดร้อนแทบคลุ้มคลั่ง ร่างไอ้เวรนั่นเซไปตามแรงหวดในหมัดแรก และมันต้องโดนซ้ำอีกแน่ ถ้าไม่ติดว่ามีอีกสองคนกำลังเบนไปหาคนตัวเล็กที่ใช้กระเป๋าเหวี่ยงป้องกันไปมา
เมื่อจนมุมคนเราก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดกันทั้งนั้น!
ปึก!
“เศษสวะอย่างพวกมึง ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ”
ท่อนแขนไอ้หน้าอ่อนที่หวังสูงจะสัมผัสของต้องห้ามโดนถีบเต็มแรงจนสะบัดไปอีกทาง ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่ลูกแมวน้อยในอาการหวั่นวิตกถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอด เขากดใบหน้าซีดเซียวแนบไปกับแผงอกแน่น แล้วพยายามถอยเข้ากำแพง เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องระแวงว่าจะมีใครมาแทงข้างหลัง
ใบชายังนิ่งสนิท เธอไม่ได้ขัดขืนแต่กำลังฟังเสียงเต้นของหัวใจเขาที่มันดังชัดเจนด้วยจังหวะที่ไม่ต่างกัน และเป็นของตัวเองที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีทีท่าจะผ่อนลง
คงเกิดมาจากความกลัวแหละ...ใจสั่นเพราะกลัวแหละเนอะ
“หวงจริงซะด้วย”
“เข้ามา...” มีดสั้นถูกควักมาจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ด้วยมืออีกข้าง ตะวันสลัดมันออกอย่างคล่องแคล่วแล้วจ่อไปที่ปลายคางไอ้ตัวที่อยู่ใกล้สุด “ถ้าอยากแดกข้าวผ่านธูป มึงก็ลองเข้ามาดู”
หากแววตาเขาเป็นดั่งดวงตะวันสมชื่อ ไอ้พวกนี้คงมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านหรือไม่ก็คงแหลกสลายดั่งผุยผง ทว่าไฟคงหลอมให้เหล็กละลายไม่ได้ ใช่ว่ามีแค่เขาที่พกอาวุธติดตัวตลอดเวลา พวกมันก็มีกันเกือบทั้งหมด
และคนที่น่าเป็นห่วงสุดคงไม่พ้นใบชา…
“ใครนะ? กูหรือมึง” ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊ง จ่อปลายมีดมาที่เขาเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าอีกฝั่งเข้าชาร์ต จบเห่แน่ ระหว่างที่ปรายตามองหาทางรอดอยู่นั้น คนในอ้อมกอดก็ได้สติคืนมานิดหน่อย เหมือนเธอจะเพิ่งนึกออกว่ามีอุปกรณ์ป้องกันตัวอยู่ในกระเป๋า
ซี๊สสสสสสสส......
อ๊ากกกก!!...
“เหี้ย! แม่ง!!!...”
พวกมันทั้งสี่ได้มีโอกาสเปิดซิงสเปรย์พริกไทยของเธอ ละอองฟุ้งคละคลุ้งจนฉุนฮึดฮัดหลังมือเล็กส่ายไปมาแบบไร้ทิศทาง ส่วนตะวันอึ้งไปสักสามวิเห็นจะได้ แล้วของมีคมก็ถูกพับเก็บเข้าที่ เขาเลื่อนไปกอบกุมใจกลางฝ่ามือเล็กแล้วฉุดดึงให้สับเท้าตามกันแบบไม่คิดชีวิต
“แม่ง!! มึงตามมันไปดิ๊!”
คำสั่งเกรี้ยวกราดดังไล่หลัง ตะวันเหลียวมองแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดเข้าซอยแคบซึ่งเป็นเส้นทางที่เขาคุ้นเคยอย่างดี เพราะเอาไว้ใช้ตอนหลบหลีกสายตรวจเวลามีเรื่องมีราวเช่นตอนนี้...
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นรัวเร็วสลับกับเสียงหอบหายใจแรงดังต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนลงเนิ่นนานหลายนาที จนกระทั่งมาโผล่หน้าถนนใหญ่อีกฝั่ง
ตะวันรีบกวักมือโบกแท็กซี่แบบสุ่มๆ ไม่รู้หรอกว่ามีหรือไม่มี โบกไปก่อน เพราะสายตายังระแวดระวังหลังอยู่ตลอด ไม่นานก็มีรถมาจอดเทียบ เขาดึงประตูเปิดและยกมือวางบนศีรษะเล็กขณะใบชาเคลื่อนตัวเข้าไปนั่งฝั่งหนึ่ง ตามด้วยร่างสูงแบบไม่เว้นเวลาทิ้งห่าง
ปึง!
ลมหายใจพ้นออกยาวผ่านปลายจมูกแทบจะพร้อมกันในตอนที่ล้อเริ่มหมุน...
ทว่าชายหนุ่มไม่มีความวางใจเลยสักนิด ออกไปทางปวดหัวกับวีรกรรมที่สาวน้อยสร้างเอาไว้ด้วยซ้ำ ไอ้เก่งกาจรู้จักป้องกันตัวมันก็ดีอยู่หรอก และถ้ามันจบแล้วจบเลยง่ายๆ ก็คงไม่ต้องคิดหนักเท่านี้