อาทิตย์ต่อมา
ตลอดช่วงที่ผ่านมาไม่มีแม้แต่การติดต่อใด ๆ จากค่ายเลย เขาหายเงียบไป และที่สำคัญเขายังไม่กลับมาที่บ้านใหญ่เลย
ร่างเล็กมักจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กอยู่บ่อย ๆ เฝ้าดูว่าค่ายจะส่งข้อความมาบ้างไหม ช่วงแรกเธอพิมพ์แชตไปหาเขาบ้างเป็นระยะ แต่เมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากคุย ก็เลือกที่จะเงียบ
ทว่ายิ่งเงียบ หัวใจก็ยิ่งว้าวุ่น
รอยแดงบนผิวขาวจางหายไปจนมองไม่เห็นแล้ว จากที่ต้องสวมเสื้อผ้ามิดชิดเพื่อปกปิด ตอนนี้สามารถกลับมาแต่งตัวอย่างเดิมได้
หลงเหลือไว้เพียงความหน่วงภายในใจ ที่ไม่จางหาย และดูท่าคงไม่มีทางหายดี หากเธอยังจมอยู่กับความสัมพันธ์ในห้วงพันธะนี้
หมวยลี่เดินออกมาต้อนรับเจียร์และล่าที่เพิ่งเดินทางมาถึงบ้านใหญ่ ทั้งสองจะมาพักที่นี่ชั่วคราว เพื่อเตรียมตัวสำหรับพิธีหมั้นที่กำลังจะมาถึง
“ลี่ พี่ซื้อเค้กส้มมาฝาก”
“เลี้ยงเก่งขนาดนี้ ลี่อ้วนแล้วนะพี่เจียร์” ร่างเล็กยิ้มรับว่าที่คู่หมั้นคนสวยของล่า ที่มักจะซื้อของมาฝากเธอและเหล่าแม่บ้านคนอื่นเป็นประจำ
“เฮียยังไม่มา?” คำถามจากลูกชายคนกลางของไกรวิชญ์ทำให้หมวยลี่นิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปหลังได้ยินชื่อนั้น ราวกับมีบางอย่างกระแทกลงกลางใจ
“… ยังค่ะ”
เธออยากรู้ว่าเขาหายไปไหน ทำไมเงียบไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังแสดงออกว่าต้องการเธอมากมาย หรือเพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ถึงทิ้งขว้างอย่างไม่ใส่ใจ
เพียงแค่ความคิดก็เจ็บปวด
ระหว่างวันร่างเล็กไม่มีสมาธิ เหม่อลอยตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนอยู่มหาวิทยาลัยที่คนพลุกพล่าน จิตใจของเธอก็ยังเอาแต่คิดถึงเรื่องเดิม
#วันต่อมา
วันนี้ไม่ต้องไปเรียน อยู่ว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไร ร่างเล็กจึงออกมาเดินเล่นทางด้านหน้าบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช้า ๆ นิ้วเรียวพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคน คนที่ยังติดอยู่ในห้วงความคิดตลอดเวลา
แชต: ค่าย
หมวยลี่: ทำไมเฮียเป็นแบบนี้คะ
บรื้น~
ทันทีที่ส่งข้อความไปไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงท่อกระหึ่มของรถสปอร์ตแล่นเข้ามาภายในคฤหาสน์ ใบหน้าหวานรีบเงยขึ้นมอง หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงเมื่อเห็นว่านั่นคือรถของค่าย
แต่ภายใต้หัวใจที่เต้นรัวโครมครามนั้น มือที่สั่นเทากำโทรศัพท์แน่น ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เขาหายไป มันยาวนานจนหมวยลี่ไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวยังไงเมื่อเจอกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ เขายังต้องการเธออยู่หรือเปล่า
ขามันแข็งทื่อ คล้ายไม่มีแรงจะก้าวเดิน เธอได้แต่มองร่างสูงที่เปิดประตูลงจากรถจากตรงนี้ มุมที่ห่างไกล
แต่ในจังหวะนั้นจู่ ๆ ค่ายก็หันมาดวงตาทั้งสองพลันผสานกัน แต่แค่ครู่เดียว เขาก็ก้มหน้ากดอะไรบางอย่างลงในโทรศัพท์
ติ้ง~ เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในความเงียบ ทำให้หัวใจของหมวยลี่กระตุกไหว
แชต: ค่าย
ค่าย: หนูอยากทำโทษเฮียไหม
ความขุ่นมัวที่ก่อตัวอยู่เต็มอก รวมถึงความคิดฟุ้งซ่านนับไม่ถ้วนที่วนเวียนในหัวตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา มันจางหายไปในพริบตา เพียงแค่ได้อ่านข้อความสั้น ๆ ที่ค่ายส่งกลับมา
หมวยลี่เริ่มคิดแล้ว ว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาช่างน่ากลัว เพราะความโกรธมันสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ เพียงแค่เขาเอ่ยออกมาไม่กี่คำ
เธอรักเขามากเกินไป จนมองข้ามความเจ็บปวดของตัวเอง
ดวงตาคู่สวยละขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ มองไปทางลานจอดรถ พบว่าตอนนี้ไม่เจอคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
ร่างเล็กคาดเดาอะไรจากค่ายไม่เคยได้เลย บางครั้งเขาก็ดูสนใจมาก แต่บางครั้งก็ทำเหมือนเธอไม่มีค่า เพียงแค่เริ่มต้นเธอก็เจ็บปวดมากมายขนาดนี้
แต่แปลกที่ไม่นึกอยากจะถอยออกจากความสัมพันธ์เลย เธอยังอยากลองเดินบนถนนที่เต็มด้วยขวากหนาม ที่คอยทิ่มแทงให้รู้สึกเจ็บปวด
รู้ว่าทางข้างหน้าอันตราย แต่ก็ยังจะเดินต่อไปเรื่อย ๆ
… ช่วงบ่ายแก่ ๆ
“ลี่มานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้”
“… พี่เจียร์” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองรุ่นพี่สาวที่เดินเข้ามาทักทาย ดวงตาของเจียร์เบิกกว้าง เมื่อเห็นน้ำตาที่เปื้อนพวงแก้มของเธอ
“ร้องไห้ทำไม”
“ลี่ ฮึก~” หมวยลี่สะอื้นเสียงสั่นเครือ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาเริ่มไหลตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงแค่ว่า มันเจ็บลึกอยู่ตรงกลางอกจนแทบหายใจไม่ออก
“ถูกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยรังแกหรือเปล่า” คำถามที่แสดงความเป็นห่วงของเจียร์ไม่ได้รับการตอบกลับจากเด็กสาวที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสะอื้นเบา ๆ ราวกับกำลังปลดปล่อยความทุกข์ภายในใจ
“ใครทำอะไรบอกพี่สิ พี่ล่าน่ะจัดการให้ได้นะ พี่ค่าย พี่คลื่น ช่วยจัดการให้ลี่ได้หมดเลย”
“ฮึก~ อย่าให้ใครรู้นะคะ”
“ทำไมล่ะ อย่าอ่อนแอยอมให้ใครแกล้งนะลี่ พี่น่ะเคยโดนเหมือนกัน ตอนนี้ถ้าเจอแบบนั้นอีกก็คงไม่ยอม อย่าอ่อนแอแบบพี่”
“อย่าบอกพี่ล่านะคะว่าลี่ร้องไห้”
“ได้สิ ๆ พี่จะไม่บอกใครเลย”
หมวยลี่ไม่ได้แก้ต่างอะไรกับความคิดของรุ่นพี่คนสนิท เธอไม่สามารถพูดได้เลยว่าที่ร้องไห้อย่างนี้เป็นเพราะใคร ทุกอย่างมันอัดแน่นที่กลางอก แต่พูดกับใครไม่ได้ มันยิ่งทำให้อึดอัด