“ก็ยังไม่ตายนี่ เรียกร้องความสนใจเก่งจังนะ”
เสียงทุ้มต่ำเอื้อนเอ่ยด้วยความเย้ยหยันเต็มขั้น เสมือนจงใจจะกรีดแทงศักดิ์ศรีของใครบางคนให้แหลกละเอียดในคำเดียว
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับเบิกตากว้าง ความไม่พอใจแล่นวาบขึ้นมาในอกอย่างรุนแรง ร่างกายที่แม้จะยังอ่อนแรงกลับรู้สึกร้อนวูบเหมือนถูกโยนเข้าเตาไฟด้วยถ้อยคำนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนอย่างเดือดดาล รวดเร็วราวกับฟ้าผ่า
“หุบปากเน่าๆ ของมึงไปเลย!!” หมอไรเฟิลตวาดออกมาโดยไม่แม้แต่จะปิดบังอารมณ์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีจากความเงียบสงบ เป็นความเกรี้ยวกราดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดวงตาใต้กรอบแว่นวาวโรจน์ เต็มไปด้วยความโกรธจัดที่แทบจะลุกไหม้ขึ้นตรงนั้น
“แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างมึง!” หมอหนุ่มก้าวขยับมาขวางกลางระหว่างหญิงสาวบนเตียงกับชายแปลกหน้าทันที “เรนเดียร์ต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงไม่ใช่รึไง! มีจิตสำนึกบ้างไหมวะ!”
“ก็ยังไม่ตายนี่ เรียกร้องความสนใจเก่งจังนะ”
เสียงทุ้มต่ำเอื้อนเอ่ยด้วยความเย้ยหยันเต็มขั้น เสมือนจงใจจะกรีดแทงศักดิ์ศรีของใครบางคนให้แหลกละเอียดในคำเดียว
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับเบิกตากว้าง ความไม่พอใจแล่นวาบขึ้นมาในอกอย่างรุนแรง ร่างกายที่แม้จะยังอ่อนแรงกลับรู้สึกร้อนวูบเหมือนถูกโยนเข้าเตาไฟด้วยถ้อยคำนั้น
แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนอย่างเดือดดาล รวดเร็ว และชัดเจนราวกับฟ้าผ่า
“หุบปากเน่าๆ ของมึงไปเลย!!”
หมอไรเฟิลตวาดออกมาโดยไม่แม้แต่จะปิดบังอารมณ์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีจากความเงียบสงบ เป็นความเกรี้ยวกราดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดวงตาใต้กรอบแว่นวาวโรจน์ เต็มไปด้วยความโกรธจัดที่แทบจะลุกไหม้ขึ้นตรงนั้น
“แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างมึง!” เขาก้าวขยับมาขวางกลางระหว่างหญิงสาวบนเตียงกับชายแปลกหน้าทันที “เรนเดียร์ต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงไม่ใช่รึไง! มีจิตสำนึกบ้างไหมวะ!”
ชายร่างสูงผู้เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ยืนยิ้มบางๆอย่างไม่สะทกสะท้านกับถ้อยคำรุนแรงนั้นเลยสักนิด พลางเอียงคอเล็กน้อย ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของหมอไรเฟิลอย่างขบขัน รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงติดอยู่ ไม่ต่างจากแผลเยาะเย้ยที่ฝังลงกลางอก
“แล้วไง?” เขาตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “ฉันเป็นคนยื่นยาพวกนั้นให้เธอรึไง? เป็นคนบังคับให้เธอกลืนพวกมันรึไง? หึ...ก็ไม่ใช่นี่”
คำพูดของเขากลายเป็นใบมีดกรีดซ้ำเข้าไปในใจคนฟัง เสียงหัวเราะแผ่วเบาที่หลุดออกมาหลังประโยค ยิ่งทุเรศทุรังจนบรรยากาศในห้องเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง “ทำตัวเองทั้งนั้น…”
แค่คำพูดก็เลวร้ายมากพอแล้ว แต่สิ่งที่หญิงสาวทนไม่ได้ที่สุด กลับเป็นแววตาเหยียดเย้ยที่เขาตวัดมองเธอราวกับเธอเป็นเพียงตัวตลกที่พยายามเรียกร้องความสงสารจากโลก
...และนั่นมันเหมือนเป็นชนวนสุดท้ายที่จุดไฟโทสะของเธอให้ลุกวาบทันที
“ขอโทษนะคะ เราไม่รู้จักกันแท้ ๆ แต่มาพูดจาแบบนี้ มันดูไม่สุภาพไปหน่อยไหมคะ” น้ำเสียงของหญิงสาวแม้จะเรียบ แต่ก็แฝงความเฉียบคมอย่างจงใจ เธอเอ่ยอย่างคนที่ไม่ต้องการโต้เถียง หากแต่ก็ไม่ยินยอมให้ใครมาล้ำเส้นเกินควร ดวงตากลมโตสบเข้ากับแว่นกันแดดของชายร่างสูงอย่างไม่ลดละ ความเย็นชาบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้แววตานั้น
คนฟังถึงกับเลิกคิ้วขึ้นนิด สีหน้าแปลกใจปรากฏวูบหนึ่งบนใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเยือกเย็นจนแทบอ่านอะไรไม่ออก ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย ขณะสายตาไล่มองใบหน้าหญิงสาวราวกับเธอเป็นปริศนาใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย
“หืม…” เขาครางในลำคอเบาๆ ปลายนิ้วเรียวยาวเอื้อมไปแตะปลายคางเล็กของเธอ แต่นั่นยังไม่ทันทำให้คนตัวเล็กสั่นสะท้าน ทว่าแววตาที่จ้องเขานิ่งกลับแข็งกร้าวมากกว่าที่เขาคิดไว้ มือเล็กยกขึ้นปัดมือของเขาออกทันควัน อย่างไม่เหลือเยื่อใยหรือความลังเลใดๆ แม้แต่นิดเดียวราวกับว่าการสัมผัสของเขาไร้ค่าพอๆ กับลมหายใจของคนแปลกหน้า
ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอยังพยายามดิ้นรนจะตายอยู่แทบเท้าเขา ยอมทำลายตัวเองเพื่อให้เขาหันมามองสักครั้ง
เวสเปอร์จ้องเธออย่างจับสังเกต คิ้วขมวดมุ่นก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ทำไม...นี่กำลังเล่นบทอะไรอีก?” เขากระตุกยิ้ม “จะบอกว่า จำสามี…อ้อ ไม่สิ… อดีตสามี ของตัวเองไม่ได้หรือไง?”
“พูดอะไรของคุณ…เพ้อเจ้อ”
รอยยิ้มเยาะเย้ยยังคงแต่งแต้มอยู่ตรงมุมปากของชายหนุ่มอย่างไม่รีบเร่ง เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้เพียงเล็กน้อย ราวกับตั้งใจให้คำพูดต่อไปของเขาสะกิดทุกโสตประสาทในตัวเธออย่างแม่นยำ
“ไม่เอาน่า...” เสียงทุ้มต่ำทอดออกมาอย่างเนิบช้า แต่แฝงความเหี้ยมเกรียมบางอย่างที่ทำเอาบรรยากาศรอบตัวพลันเย็นยะเยือกลง
“เพิ่งหย่ากับฉันไปไม่กี่วันเอง ลืมไปแล้วเหรอว่าเคยมีสามีที่ชื่อเวสเปอร์?” เขาแตะอกตัวเองเบาๆ ขณะเอ่ยชื่อออกมา “ผู้ชายที่เธอบอกว่ารักมาก จนยอมเสี่ยงตายเพื่อเรียกร้องความสนใจนั่นไง เรนเดียร์” น้ำเสียงเขาไม่ได้ดัง แต่กลับชัดเจนทุกถ้อยคำ จงใจตอกย้ำทุกประโยคให้ฝังลึกลงในหัวเธอ...และมันได้ผล
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นในฉับพลัน ราวกับสมองกำลังประมวลผลทุกสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่อย่างวุ่นวาย แต่กลับไม่สามารถสรุปอะไรได้เลย เธอไม่พูดอะไรออกมาในทันที ริมฝีปากขยับช้าๆ เหมือนพยายามจะต่อลมหายใจตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลง
ชายคนนี้…ไม่ได้ดูเหมือนคนโกหกตรงกันข้ามทั้งสีหน้า น้ำเสียง และแววตาของเขากลับมั่นคง ราวกับเขาเชื่อในทุกคำพูดของตัวเองอย่างไม่มีข้อสงสัย
ไหนจะชื่อ “เรนเดียร์” ที่เขาเอ่ยซ้ำ…ชื่อที่ทุกคนในโรงพยาบาลนี้ใช้เรียกเธอ
ไหนจะสถานการณ์ที่เขาพูดถึง…ความรัก ความเจ็บปวด การหย่า...มันละเอียดเกินไป จริงจังเกินไป และ เป็นไปไม่ได้เลย ที่ทั้งหมดจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดธรรมดา
เธอกัดริมฝีปากล่างแน่นหัวใจเต้นถี่รัวราวจะระเบิด
‘เรื่องบ้าอะไรกันล่ะเนี่ย!’