รุ่งเช้าของวันที่สามที่แพรวพรรณอยู่ในกระท่อมของพฤกษ์ เธอนั่งอยู่หน้าเตาผิง จิบชาสมุนไพรที่พฤกษ์ชงให้ กลิ่นหอมอุ่นๆ ของสมุนไพรช่วยปลอบประโลมจิตใจที่ว้าวุ่นของเธอ แพรวพรรณยอมรับกับตัวเองว่าเธอรู้สึกดีอย่างประหลาดที่ได้อยู่กับพฤกษ์ และความรู้สึกปลอดภัยที่เธอได้รับนั้นเป็นสิ่งที่เธอโหยหามานาน
“วันนี้เจ้าจะออกเดินทางต่อหรือ?” เสียงทุ้มต่ำของพฤกษ์ดังขึ้น เขาเดินเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามของเตาผิง ดวงตาคมกริบสีเขียวอมฟ้าจ้องมองมาที่เธออย่างอ่อนโยน
แพรวพรรณชะงัก ชาในมืออุ่นขึ้นมาอีกหน่อยเมื่อเขามองเธอ เธอพยักหน้าช้าๆ “ใช่ค่ะ ฉันตั้งใจจะไปให้ถึงน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อย”
อันที่จริง แพรวพรรณเริ่มรู้สึกไม่อยากจากไปไหนแล้ว หัวใจของเธอกำลังถูกผูกมัดไว้ด้วยความลึกลับและเสน่ห์ของเจ้าป่าผู้นี้ แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ คือการพิชิตเส้นทางเดินป่าที่วางแผนไว้ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเพื่อเยียวยาบาดแผลในใจให้สมบูรณ์
“ข้าเข้าใจ” พฤกษ์พยักหน้า เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นในแววตาของเธอ “แต่เส้นทางหลังจากนี้อันตรายกว่าที่เจ้าเคยเจอมามาก”
“ฉันพอจะรู้อยู่ค่ะ” แพรวพรรณตอบ ดวงตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่างกระท่อม สู่ผืนป่าที่ยังคงเก็บงำความลับไว้อีกมากมาย “แต่ฉันอยากไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้”
พฤกษ์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอกเช่นกัน แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ของเขาดูแข็งแกร่งและน่าพึ่งพิง แพรวพรรณจ้องมองเขา รู้สึกถึงความปั่นป่วนในใจที่ไม่อาจควบคุมได้
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์ที่กล้าหาญ” พฤกษ์กล่าวโดยไม่หันมามองเธอ “แต่บางสิ่งในป่านี้...มันอยู่นอกเหนือจากความเข้าใจของมนุษย์ทั่วไป”
แพรวพรรณลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น “คุณกำลังจะบอกอะไรฉันคะ?”
พฤกษ์หันกลับมา ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “ข้าได้เฝ้ามองเจ้ามาตลอด ตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามาในป่านี้ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหนีจากบางสิ่งในโลกภายนอก”
คำพูดของเขาทำให้แพรวพรรณรู้สึกจุกอก เธอไม่คิดว่าจะมีใครรู้ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจเธอได้ลึกซึ้งขนาดนี้ เธอเงียบไป ปล่อยให้พฤกษ์พูดต่อ
“ข้าคือผู้พิทักษ์ไพร ผู้ดูแลสมดุลของผืนป่าแห่งนี้ หน้าที่ของข้าคือปกป้องทุกสรรพสิ่ง ทั้งพืชพรรณ สัตว์ป่า และแม้กระทั่งมนุษย์ที่บริสุทธิ์ใจ” พฤกษ์กล่าว น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความจริงจัง แพรวพรรณรู้สึกได้ถึงอำนาจและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่เขากำลังแบกรับ
“ข้าคือส่วนหนึ่งของป่านี้” เขายื่นมือออกมา แสงสีเขียวจางๆ เปล่งประกายขึ้นมาจากฝ่ามือของเขา ใบไม้เล็กๆ ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นค่อยๆ ลอยขึ้นมาหมุนวนรอบมือของเขา ก่อนจะร่วงลงไปอย่างช้าๆ เมื่อเขาลดมือลง “ข้าสื่อสารกับพืชพรรณและสัตว์ป่าได้ ข้าควบคุมสายลมและผืนน้ำได้ และข้าสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามที่เจ้าเห็น”
แพรวพรรณมองการกระทำของเขาด้วยความทึ่ง เธอเคยเห็นเขาใช้พลังเล็กๆ น้อยๆ มาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้มันชัดเจนและทรงพลังกว่าที่เคย
“ข้าคือเจ้าป่า” พฤกษ์เอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและชัดเจน ดวงตาของเขามองลึกเข้ามาในดวงตาของแพรวพรรณ “ข้าไม่ใช่แค่มนุษย์ทั่วไป”
แพรวพรรณรับฟังทุกคำพูดของพฤกษ์อย่างตั้งใจ ความรู้สึกที่เธอเคยสับสนและสงสัยเมื่อแรกพบ ตอนนี้มันกลายเป็นความเข้าใจและศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังเชื่อมโยงกับเขาและผืนป่าแห่งนี้อย่างแยกไม่ออก
“และข้ารู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาในป่านี้” พฤกษ์กล่าว เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น “มีผู้บุกรุกกำลังเข้ามาเพื่อหวังทำลายป่าและล่าสัตว์”
แพรวพรรณเบิกตากว้าง “ใครคะ? นายพรานเหรอคะ?”
“มากกว่านั้น” พฤกษ์ตอบ ดวงตาของเขามีแววความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “พวกมันมีพลังที่ชั่วร้าย และมีความโลภที่ไม่สิ้นสุด”
เขาหันกลับมามองแพรวพรรณอีกครั้ง ดวงตาของเขาสื่อถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน “หากเจ้ายังคงยืนยันที่จะเดินทางต่อไป ข้าขอสัญญา...ข้าจะเฝ้าคุ้มครองเจ้า จะไม่ให้สิ่งใดมาทำอันตรายเจ้าได้”
คำพูดของพฤกษ์ทำให้แพรวพรรณรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่คำพูดเล่นๆ แต่เป็นคำสัญญาจากผู้พิทักษ์แห่งป่าผู้ทรงพลัง เธอสบตาเขา ตอบรับด้วยความมุ่งมั่นที่เปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ
“ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ” แพรวพรรณกล่าว “และฉันก็จะพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดด้วย”
พฤกษ์คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นงดงามและอบอุ่นจนทำให้หัวใจของแพรวพรรณเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้ “ดีมาก”
เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ยื่นมือที่แข็งแกร่งของเขาออกมา ประคองใบหน้าของแพรวพรรณไว้เบาๆ แพรวพรรณนิ่งไป เธอมองดวงตาของเขาที่สะท้อนภาพใบหน้าของเธอ มือของเขาอุ่นและนุ่มนวลอย่างน่าประหลาด
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แพรวพรรณ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า” พฤกษ์กล่าวด้วยเสียงกระซิบ ดวงตาของเขาสื่อถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายได้
แพรวพรรณรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่แล่นไปทั่วร่าง เธอหลับตาลงรับสัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยนนั้น ความรู้สึกปลอดภัย ความไว้วางใจ และความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้พบกับสิ่งที่ตามหามาตลอดชีวิตในผืนป่าแห่งนี้
และสิ่งที่เธอรู้แน่ๆ คือ ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะอันตรายเพียงใด เธอจะไม่มีวันเดินเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว