บทที่ 11

1911 Words
"พี่เป็นอะไร" น่านฟ้าเห็นพี่ชายเข้ามาโดยมีผ้าคล้องคอพยุงแขนและข้อศอกอยู่ รวมถึงมือก็มีผ้าพันแผล "อุบัติเหตุเล็กน้อย" เขาไปหาหมอมาแล้วโชคดีที่กระดูกไม่แตกหัก แต่กล้ามเนื้อเสียหายเลยต้องพยุงแขนไว้แบบนี้ไปก่อน "วันนี้พี่ไปบริษัทเทวทิพย์มาไม่ใช่เหรอ" "อยากรู้อะไรนักหนา" เจอเข้าไปดอกเดียวถึงกับจอด พี่ชายของเขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ส่วนมากน้องชายเป็นฝ่ายถอยให้ก่อน หลังจากนาคราชขึ้นบ้านไป​ พ่อก็กลับมาบ้านเช่นกัน "พี่เรามาแล้วเหรอ" วันนี้นาคราชเข้าบริษัทนั้นวันแรก​พ่อเลยเป็นห่วงมาก เพราะรู้ความเป็นมาของบริษัทนั้นจากปากของนิรากรมาบ้างแล้ว "ใช่ครับ" "แล้วพี่เล่าอะไรให้ฟังไหม" "พ่อรู้เรื่องแล้วหรือครับ" "รู้เรื่องอะไร?" "อ้าวผมนึกว่าพ่อรู้แล้ว" เห็นพ่อถามว่าพี่เล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าก็คิดว่าพ่อรู้ว่าพี่ได้รับอุบัติเหตุถึงได้ถามแบบนี้ "เรื่องอะไร?" "ผมเห็นมือของพี่นาค.." ณภัทรได้ยินลูกชายคนเล็กพูดก็รีบวิ่งขึ้นไปดูลูกชายคนโต ถึงแม้สายตาพ่อจะมองลูกชายคนโตไม่ได้เรื่องแต่ถึงยังไงก็เป็นลูก "แกไปโดนอะไรมา" มาถึงคนเป็นพ่อก็เปิดประตูพรวดพราดเข้าไป "จะเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะ" เขากำลังพยายามจะถอดเสื้ออยู่พอดี "พ่อถามว่าแขนไปโดนอะไรมา" "อุบัติเหตุนิดหน่อย" "มันไม่นิดหน่อยแล้ว เกิดเรื่องที่บริษัทเทวทิพย์ใช่ไหม" "ไม่มีอะไรครับ" "ที่นั่นสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง" "ก็ปกติ" "นาคราชเราต้องคุยกันให้มากกว่านี้" ถามคำ​ตอบคำ​ แถมไม่ค่อยอยากจะพูดกับพ่อด้วย "ถ้าพ่อไม่เชื่อใจผมแล้วจะส่งผมไปทำไม ทำไมถึงไม่ส่งคนที่พ่อเชื่อใจไปเองเลยล่ะ อ๋อผมลืมไปเพราะคนที่พ่อเชื่อใจต้องเก็บไว้ใช้งานเอง" "ทำไมเราต้องมาแซะพ่อด้วย" "ออกไป ผมจะอาบน้ำ" "ขนาดถอดเสื้อยังถอดเองไม่ได้" ณภัทรเดินไปจัดการถอดเสื้อให้ลูกชาย​ และกำลังจะถอดกางเกงให้อีกตัว "ออกไปได้แล้วครับ" "ทำเหมือนว่าสมัยเด็กๆ พ่อไม่เคยทำให้อย่างนั้นแหละ" "ผมโตแล้วนะครับ" "เดี๋ยวพ่อปลดตะขอให้" "ผมทำเองได้" "ดูแลตัวเองหน่อยสิ" "ออกไปครับ" หลังจากอาบน้ำเสร็จนาคราชก็มานอนคิดทบทวนดูว่าใครที่ปองร้ายกับผู้หญิงคนนี้ และคนเดียวที่เขาคิดออกก็คือหุ้นส่วน เพราะถ้าเธอเป็นอันตรายหุ้นส่วนคนนี้จะขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานบริษัทได้โดยไม่มีข้อกังขา "ผู้หญิงอะไรดื้อชะมัด" คิดถึงหน้าเธอขึ้นมาก็อดพูดคำนี้ไม่ได้ เช้าวันต่อมา.. มือของเขายังคงมีผ้าพันแผลแต่ก็ไม่มีที่คล้องคออยู่แล้ว เพราะถ้ามาในสภาพนั้นคงดูไม่ได้ "คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ" เป็นครั้งแรกมั้งที่เธอดูจะเป็นห่วงเขา ก็น่าเป็นห่วงอยู่หรอก​ ถ้าเขาไม่ช่วยเอามือไปรับป่านนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ ICU หรืออยู่วัด "ไม่ได้เป็นอะไรมาก" "ขอบคุณมากนะคะ" เมื่อวานนี้ไม่แน่ใจว่าพูดคำนี้กับเขาหรือยัง เพราะเมื่อวานตกใจ แต่มันเป็นคำที่เธอสมควรจะพูด ดวงตานาคราชส่อรอยยิ้มออกมาถึงแม้ว่าใบหน้าเขาจะไม่ได้ยิ้ม เธอขอบคุณเขาเป็นด้วยเหรอ "ถ้าคุณยังไม่หายดีทำไมไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อนล่ะคะ" นาคราชยังไม่ทันได้ตอบ หุ้นส่วน อีกคนของบริษัทก็เดินผ่านมาทางนี้ และเหมือนจะมองมา แต่พอมองเห็นพวกเขาแล้วจะไม่เข้ามาหาก็คงไม่ได้ "สวัสดีค่ะคุณลุง" "สวัสดี แล้วนั่นมือไปถูกอะไรมา" สายตาจักรกฤษณ์มองต่ำลงไปดูมือของนาคราชที่ยังคงมีผ้าพันแผล "เมื่อวานนี้เกิดอุบัติเหตุที่ห้องเครื่องนิดหน่อยค่ะ" "อุบัติเหตุหรือ? แล้วเป็นอะไรมากไหม" "เสียใจด้วยนะครับไม่มีใครเป็นอะไร" "แต่ผมเห็นว่ามือของคุณเจ็บเอาการอยู่นี่" "ผมแค่พันเล่นๆ เท่านั้นแหละ" "คุณนาคราช!" นิวเยียร์ตำหนิไม่ให้เขาพูดก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ เพราะดูๆ ท่านก็ถามแบบเป็นห่วง "อีก 2-3 วันจะมีการประชุมผู้ร่วมหุ้น อาการพ่อเราเป็นยังไงบ้างเข้าประชุมได้ไหม" "ประชุมผู้ร่วมหุ้นหรือคะ?" "ใช่แล้ว ก็เรื่องที่พ่อเราไปเซ็นคู่ค้ากับอนันต์ไพศาลไว้ไงยังไม่ได้ประชุมผู้ร่วมหุ้นรายย่อยในบริษัทเราเลย" "ทำไมต้องรีบประชุมด้วย" คนที่ถามก็คือนาคราช "เรื่องนี้สามารถชะลอไว้ก่อนได้ไม่ใช่เหรอครับ" "เรื่องนี้มันเกี่ยวกับบริษัทเทวทิพย์ที่ต้องพูดคุยกัน" จะต่อปากกับท่านอีกก็ยากเพราะเทวทิพย์ยังไม่ได้คุยแบบเป็นทางการ และเขาก็ยังไม่ได้เข้ามาในบริษัทนี้อย่างเป็นทางการเช่นกันตอนนี้เป็นได้ก็แค่ผู้ช่วยของเธอไปก่อน "เดี๋ยวน้องจะถามพ่อดูนะคะ" นิวเยียร์ไม่แน่ใจว่าการรักษาตัวของพ่อไปถึงไหนแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคอะไรทำไมดูลับลมคมในจัง "ถ้างั้นก็ฝากหนูน้องด้วยนะ" จักรกฤษณ์จะดึงลูกชายเข้ามาเป็นผู้บริหารอีกคนก็วันที่ประชุมผู้ร่วมหุ้นนี่แหละ และถ้าวันนั้นนิรากรเข้าร่วมประชุมไม่ได้มันยิ่งจะทำให้แผนของเขาสำเร็จง่ายขึ้น เลยต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้ไว บ่ายโมงวันเดียวกัน.. "ทำไมฉันติดต่อพ่อไม่ได้เลย" นิวเยียร์เรียกนาคราชเข้ามาหาในห้องเพราะเธอพยายามโทรติดต่อพ่อแล้ว แต่พอนาคราชโทรเข้าเครื่องของท่านเท่านั้นแหละปลายสายก็รับ จะไม่ให้น้อยใจก็ไม่ได้ เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่ทำไมไม่เห็นความสำคัญของเธอเลยล่ะ >>{"พ่อคะ"} หญิงสาวได้เอาโทรศัพท์ของเขามาคุยกับพ่อ {"ว่ายังไงบ้างลูก"} >>{"คุณลุงจักรกฤษณ์เรียกประชุมผู้ถือหุ้นค่ะ"} {"วันไหน"} ท่านคิดว่าวันนี้ยังไงก็มาถึง ดีไม่ดีตอนนี้จักรกฤษณ์อาจจะรู้แล้วว่าท่านป่วยเลยรีบเรียกประชุมผู้ถือหุ้น >>{"อีก 2-3 วันค่ะพ่อพอจะมาประชุมได้ไหมคะ"} {"พ่อขอคุยกับพี่หน่อย"} ทำไมเรื่องสำคัญพ่อต้องขอคุยกับผู้ชายคนนี้ตลอดเลย แต่นิวเยียร์ก็ยอมส่งโทรศัพท์คืนให้เขา หลังจากคุยกันได้ครู่หนึ่งนาคราชก็วางสาย "พ่อว่ายังไงบ้าง" "พรุ่งนี้ท่านให้เข้าไปหาที่โรงพยาบาล" "พ่อให้เข้าไปหาได้แล้วเหรอ" นาคราชตอบเธอแค่พยักหน้าแล้วเขาก็ออกมาทำงาน แต่ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้หรอกเพราะมือข้างที่ถนัดได้รับบาดเจ็บ "น้ำค่ะ" ชไมพรเห็นเขาทำอะไรไม่ถนัดเลยเอาน้ำมาให้ "ขอบคุณครับ" "ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ค่ะคนกันเอง" ชไมพรเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้องมานานแล้ว พอเห็นผู้ชายรูปหล่อกล้ามล่ำบึกเลยรู้สึกหวั่นไหว เย็นวันนั้น.. "แล้วเมื่อเช้าคุณมายังไง" เธอถามเพราะเขาบอกให้ไปส่งที่บ้านหน่อย "รถที่บ้านมาส่ง" "แล้วทำไมไม่ให้รถที่บ้านมารับ" "คุณอย่าลืมสิที่ผมเป็นแบบนี้เพราะใคร" "ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวเลยทำหน้าที่ขับรถมาส่งเขาที่บ้าน "ไปดื่มน้ำก่อนไหม" "ไม่ค่ะ" "พรุ่งนี้มารับด้วยนะ" "อะไรนะ?" "ก็เราต้องไปโรงพยาบาลด้วยกันยังไงคุณก็ต้องผ่านทางนี้" "ก็ได้ค่ะ!" ตั้งแต่เขาช่วยชีวิตมาเธอก็เริ่มมีหางเสียงบ้างแล้ว ถึงแม้บางคำจะมีกระแทกเสียงหน่อยเพราะเขาชอบกวนประสาท เวลาเดินเร็วมากจนถึงเช้าของวันใหม่ นาคราชลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวรอแต่เช้า​ ไม่รู้ว่าเธอจะมาถึงตอนไหนเขาต้องเตรียมตัวไว้ก่อน "วันนี้มีงานเหรอครับพี่" ก็รู้อยู่หรอกว่าอาจจะไม่ได้คำตอบแต่คนบ้านเดียวกันจะให้เดินผ่านหน้าไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่ "เปล่า" "?" ทุกครั้งน่านฟ้าจะตื่นก่อนพี่ชายและออกมานั่งดื่มกาแฟจนจะไปทำงานแล้วถึงเห็นพี่ชายลงมา ครั้งนี้ลงมาก็เห็นพี่ชายพร้อมที่จะออกจากบ้านแล้วเลยสงสัย แต่อีกฝ่ายดันตอบว่าเปล่าคำเดียวสั้นๆ ไม่นานก็มีรถของใครไม่รู้วิ่งเข้ามาจอด นาคราชเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป น่านฟ้าอดใจไม่ได้ที่จะชะเง้อมอง และก็เห็นว่าคนที่มารับพี่ชายคือผู้หญิง "รถใครมาหรือลูก" "ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ครับมารับพี่นาค" "ผู้หญิงหรือ?" "แต่ก็คุ้นๆ อยู่นะครับ" นิวเยียร์ขับรถตรงมาที่โรงพยาบาล มาถึงเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเธอไปห้องที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว "พ่อคะ?" นิวเยียร์ตกใจมากที่เห็นสภาพพ่อในเวลานี้ "พ่อป่วยเป็นอะไร? ทำไมผมพ่อถึงเป็นแบบนี้" เธอเอะอะโวยวายจะพบหมอประจำตัวของพ่อแต่พ่อห้ามไว้ก่อน "แค่มองลูกก็คงรู้แล้วว่าพ่อป่วยเป็นอะไร" วันนี้ท่านต้องพูดอาการของท่านให้ลูกสาวฟังแล้วล่ะ เพราะเธอรู้นั่นแหละเธอถึงโวยวาย คนที่ผมร่วงหมดหัวมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือคนที่ได้รับคีโม "คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?" หญิงสาวหันกลับไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ "อย่าว่าให้พี่เลยลูก" "ทำไมคุณไม่บอก!" "น้อง.." "พ่อคะ น้องจะพาพ่อไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ" "ไม่หรอกลูกพ่อเหนื่อยแล้วและคุณหมอที่นี่ก็ฝีมือดี" "ทำไมพ่อไม่บอกหนูแต่แรก" น้ำตาเธอค่อยๆ ไหลหยดลงมา จนพ่อที่ไม่มีเรี่ยวแรงเอื้อมขึ้นไปจะเช็ดน้ำตาให้ลูกแต่ก็เอื้อมไม่ถึง จนลูกสาวจับมือของพ่อขึ้นมากอดไว้แทน "พ่อไม่รู้ว่าการรักษาจะช่วยชีวิตพ่อให้อยู่ได้นานเท่าไร พ่อขออะไรลูกสักอย่างได้ไหม" "พ่อจะขออะไรคะ" "จดทะเบียนสมรสกับนาคราช" "คะ?" หญิงสาวที่น้ำตาคลอค่อยๆ หมุนศีรษะหันกลับไปมองผู้ชายที่พ่อพูดถึงด้วยสายตาเอาเรื่อง ถ้าเธอรู้ก่อนนะว่าพ่อป่วยเป็นโรคมะเร็งเธอคงไม่อยู่เฉยแบบนี้หรอก "เรื่องนี้รอไม่ได้แล้วนะลูก เพราะการประชุมผู้ร่วมหุ้นพ่อคงเข้าร่วมประชุมไม่ได้" "เดี๋ยวน้องจะประชุมแทนพ่อเองค่ะ" "ไม่ได้หรอกลูก เรื่องนี้มีแค่นาคราชเท่านั้นที่จะจัดการได้" "แต่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลยนี่คะ" "พ่อถึงบอกให้หนูจดทะเบียนสมรสกับพี่เขาไง" "แต่พ่อคะ" "เชื่อพ่อสักครั้งนะน้อง พ่อดูคนไม่ผิดหรอก" น้ำเสียงของท่านเบาลงมากจนแทบจะไม่ได้ยิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD