"พี่เป็นอะไร" น่านฟ้าเห็นพี่ชายเข้ามาโดยมีผ้าคล้องคอพยุงแขนและข้อศอกอยู่ รวมถึงมือก็มีผ้าพันแผล
"อุบัติเหตุเล็กน้อย" เขาไปหาหมอมาแล้วโชคดีที่กระดูกไม่แตกหัก แต่กล้ามเนื้อเสียหายเลยต้องพยุงแขนไว้แบบนี้ไปก่อน
"วันนี้พี่ไปบริษัทเทวทิพย์มาไม่ใช่เหรอ"
"อยากรู้อะไรนักหนา"
เจอเข้าไปดอกเดียวถึงกับจอด พี่ชายของเขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ส่วนมากน้องชายเป็นฝ่ายถอยให้ก่อน
หลังจากนาคราชขึ้นบ้านไป พ่อก็กลับมาบ้านเช่นกัน
"พี่เรามาแล้วเหรอ" วันนี้นาคราชเข้าบริษัทนั้นวันแรกพ่อเลยเป็นห่วงมาก เพราะรู้ความเป็นมาของบริษัทนั้นจากปากของนิรากรมาบ้างแล้ว
"ใช่ครับ"
"แล้วพี่เล่าอะไรให้ฟังไหม"
"พ่อรู้เรื่องแล้วหรือครับ"
"รู้เรื่องอะไร?"
"อ้าวผมนึกว่าพ่อรู้แล้ว" เห็นพ่อถามว่าพี่เล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าก็คิดว่าพ่อรู้ว่าพี่ได้รับอุบัติเหตุถึงได้ถามแบบนี้
"เรื่องอะไร?"
"ผมเห็นมือของพี่นาค.."
ณภัทรได้ยินลูกชายคนเล็กพูดก็รีบวิ่งขึ้นไปดูลูกชายคนโต ถึงแม้สายตาพ่อจะมองลูกชายคนโตไม่ได้เรื่องแต่ถึงยังไงก็เป็นลูก
"แกไปโดนอะไรมา" มาถึงคนเป็นพ่อก็เปิดประตูพรวดพราดเข้าไป
"จะเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะ" เขากำลังพยายามจะถอดเสื้ออยู่พอดี
"พ่อถามว่าแขนไปโดนอะไรมา"
"อุบัติเหตุนิดหน่อย"
"มันไม่นิดหน่อยแล้ว เกิดเรื่องที่บริษัทเทวทิพย์ใช่ไหม"
"ไม่มีอะไรครับ"
"ที่นั่นสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง"
"ก็ปกติ"
"นาคราชเราต้องคุยกันให้มากกว่านี้" ถามคำตอบคำ แถมไม่ค่อยอยากจะพูดกับพ่อด้วย
"ถ้าพ่อไม่เชื่อใจผมแล้วจะส่งผมไปทำไม ทำไมถึงไม่ส่งคนที่พ่อเชื่อใจไปเองเลยล่ะ อ๋อผมลืมไปเพราะคนที่พ่อเชื่อใจต้องเก็บไว้ใช้งานเอง"
"ทำไมเราต้องมาแซะพ่อด้วย"
"ออกไป ผมจะอาบน้ำ"
"ขนาดถอดเสื้อยังถอดเองไม่ได้" ณภัทรเดินไปจัดการถอดเสื้อให้ลูกชาย และกำลังจะถอดกางเกงให้อีกตัว
"ออกไปได้แล้วครับ"
"ทำเหมือนว่าสมัยเด็กๆ พ่อไม่เคยทำให้อย่างนั้นแหละ"
"ผมโตแล้วนะครับ"
"เดี๋ยวพ่อปลดตะขอให้"
"ผมทำเองได้"
"ดูแลตัวเองหน่อยสิ"
"ออกไปครับ"
หลังจากอาบน้ำเสร็จนาคราชก็มานอนคิดทบทวนดูว่าใครที่ปองร้ายกับผู้หญิงคนนี้ และคนเดียวที่เขาคิดออกก็คือหุ้นส่วน เพราะถ้าเธอเป็นอันตรายหุ้นส่วนคนนี้จะขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานบริษัทได้โดยไม่มีข้อกังขา
"ผู้หญิงอะไรดื้อชะมัด" คิดถึงหน้าเธอขึ้นมาก็อดพูดคำนี้ไม่ได้
เช้าวันต่อมา..
มือของเขายังคงมีผ้าพันแผลแต่ก็ไม่มีที่คล้องคออยู่แล้ว เพราะถ้ามาในสภาพนั้นคงดูไม่ได้
"คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ" เป็นครั้งแรกมั้งที่เธอดูจะเป็นห่วงเขา ก็น่าเป็นห่วงอยู่หรอก ถ้าเขาไม่ช่วยเอามือไปรับป่านนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ ICU หรืออยู่วัด
"ไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"ขอบคุณมากนะคะ" เมื่อวานนี้ไม่แน่ใจว่าพูดคำนี้กับเขาหรือยัง เพราะเมื่อวานตกใจ แต่มันเป็นคำที่เธอสมควรจะพูด
ดวงตานาคราชส่อรอยยิ้มออกมาถึงแม้ว่าใบหน้าเขาจะไม่ได้ยิ้ม เธอขอบคุณเขาเป็นด้วยเหรอ
"ถ้าคุณยังไม่หายดีทำไมไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อนล่ะคะ"
นาคราชยังไม่ทันได้ตอบ หุ้นส่วน อีกคนของบริษัทก็เดินผ่านมาทางนี้ และเหมือนจะมองมา แต่พอมองเห็นพวกเขาแล้วจะไม่เข้ามาหาก็คงไม่ได้
"สวัสดีค่ะคุณลุง"
"สวัสดี แล้วนั่นมือไปถูกอะไรมา" สายตาจักรกฤษณ์มองต่ำลงไปดูมือของนาคราชที่ยังคงมีผ้าพันแผล
"เมื่อวานนี้เกิดอุบัติเหตุที่ห้องเครื่องนิดหน่อยค่ะ"
"อุบัติเหตุหรือ? แล้วเป็นอะไรมากไหม"
"เสียใจด้วยนะครับไม่มีใครเป็นอะไร"
"แต่ผมเห็นว่ามือของคุณเจ็บเอาการอยู่นี่"
"ผมแค่พันเล่นๆ เท่านั้นแหละ"
"คุณนาคราช!" นิวเยียร์ตำหนิไม่ให้เขาพูดก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ เพราะดูๆ ท่านก็ถามแบบเป็นห่วง
"อีก 2-3 วันจะมีการประชุมผู้ร่วมหุ้น อาการพ่อเราเป็นยังไงบ้างเข้าประชุมได้ไหม"
"ประชุมผู้ร่วมหุ้นหรือคะ?"
"ใช่แล้ว ก็เรื่องที่พ่อเราไปเซ็นคู่ค้ากับอนันต์ไพศาลไว้ไงยังไม่ได้ประชุมผู้ร่วมหุ้นรายย่อยในบริษัทเราเลย"
"ทำไมต้องรีบประชุมด้วย" คนที่ถามก็คือนาคราช "เรื่องนี้สามารถชะลอไว้ก่อนได้ไม่ใช่เหรอครับ"
"เรื่องนี้มันเกี่ยวกับบริษัทเทวทิพย์ที่ต้องพูดคุยกัน"
จะต่อปากกับท่านอีกก็ยากเพราะเทวทิพย์ยังไม่ได้คุยแบบเป็นทางการ และเขาก็ยังไม่ได้เข้ามาในบริษัทนี้อย่างเป็นทางการเช่นกันตอนนี้เป็นได้ก็แค่ผู้ช่วยของเธอไปก่อน
"เดี๋ยวน้องจะถามพ่อดูนะคะ" นิวเยียร์ไม่แน่ใจว่าการรักษาตัวของพ่อไปถึงไหนแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคอะไรทำไมดูลับลมคมในจัง
"ถ้างั้นก็ฝากหนูน้องด้วยนะ" จักรกฤษณ์จะดึงลูกชายเข้ามาเป็นผู้บริหารอีกคนก็วันที่ประชุมผู้ร่วมหุ้นนี่แหละ และถ้าวันนั้นนิรากรเข้าร่วมประชุมไม่ได้มันยิ่งจะทำให้แผนของเขาสำเร็จง่ายขึ้น เลยต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้ไว
บ่ายโมงวันเดียวกัน..
"ทำไมฉันติดต่อพ่อไม่ได้เลย" นิวเยียร์เรียกนาคราชเข้ามาหาในห้องเพราะเธอพยายามโทรติดต่อพ่อแล้ว
แต่พอนาคราชโทรเข้าเครื่องของท่านเท่านั้นแหละปลายสายก็รับ
จะไม่ให้น้อยใจก็ไม่ได้ เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่ทำไมไม่เห็นความสำคัญของเธอเลยล่ะ
>>{"พ่อคะ"} หญิงสาวได้เอาโทรศัพท์ของเขามาคุยกับพ่อ
{"ว่ายังไงบ้างลูก"}
>>{"คุณลุงจักรกฤษณ์เรียกประชุมผู้ถือหุ้นค่ะ"}
{"วันไหน"} ท่านคิดว่าวันนี้ยังไงก็มาถึง ดีไม่ดีตอนนี้จักรกฤษณ์อาจจะรู้แล้วว่าท่านป่วยเลยรีบเรียกประชุมผู้ถือหุ้น
>>{"อีก 2-3 วันค่ะพ่อพอจะมาประชุมได้ไหมคะ"}
{"พ่อขอคุยกับพี่หน่อย"}
ทำไมเรื่องสำคัญพ่อต้องขอคุยกับผู้ชายคนนี้ตลอดเลย แต่นิวเยียร์ก็ยอมส่งโทรศัพท์คืนให้เขา หลังจากคุยกันได้ครู่หนึ่งนาคราชก็วางสาย
"พ่อว่ายังไงบ้าง"
"พรุ่งนี้ท่านให้เข้าไปหาที่โรงพยาบาล"
"พ่อให้เข้าไปหาได้แล้วเหรอ"
นาคราชตอบเธอแค่พยักหน้าแล้วเขาก็ออกมาทำงาน แต่ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้หรอกเพราะมือข้างที่ถนัดได้รับบาดเจ็บ
"น้ำค่ะ" ชไมพรเห็นเขาทำอะไรไม่ถนัดเลยเอาน้ำมาให้
"ขอบคุณครับ"
"ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ค่ะคนกันเอง" ชไมพรเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้องมานานแล้ว พอเห็นผู้ชายรูปหล่อกล้ามล่ำบึกเลยรู้สึกหวั่นไหว
เย็นวันนั้น..
"แล้วเมื่อเช้าคุณมายังไง" เธอถามเพราะเขาบอกให้ไปส่งที่บ้านหน่อย
"รถที่บ้านมาส่ง"
"แล้วทำไมไม่ให้รถที่บ้านมารับ"
"คุณอย่าลืมสิที่ผมเป็นแบบนี้เพราะใคร"
"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวเลยทำหน้าที่ขับรถมาส่งเขาที่บ้าน
"ไปดื่มน้ำก่อนไหม"
"ไม่ค่ะ"
"พรุ่งนี้มารับด้วยนะ"
"อะไรนะ?"
"ก็เราต้องไปโรงพยาบาลด้วยกันยังไงคุณก็ต้องผ่านทางนี้"
"ก็ได้ค่ะ!" ตั้งแต่เขาช่วยชีวิตมาเธอก็เริ่มมีหางเสียงบ้างแล้ว ถึงแม้บางคำจะมีกระแทกเสียงหน่อยเพราะเขาชอบกวนประสาท
เวลาเดินเร็วมากจนถึงเช้าของวันใหม่ นาคราชลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวรอแต่เช้า ไม่รู้ว่าเธอจะมาถึงตอนไหนเขาต้องเตรียมตัวไว้ก่อน
"วันนี้มีงานเหรอครับพี่" ก็รู้อยู่หรอกว่าอาจจะไม่ได้คำตอบแต่คนบ้านเดียวกันจะให้เดินผ่านหน้าไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่
"เปล่า"
"?" ทุกครั้งน่านฟ้าจะตื่นก่อนพี่ชายและออกมานั่งดื่มกาแฟจนจะไปทำงานแล้วถึงเห็นพี่ชายลงมา ครั้งนี้ลงมาก็เห็นพี่ชายพร้อมที่จะออกจากบ้านแล้วเลยสงสัย แต่อีกฝ่ายดันตอบว่าเปล่าคำเดียวสั้นๆ
ไม่นานก็มีรถของใครไม่รู้วิ่งเข้ามาจอด นาคราชเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
น่านฟ้าอดใจไม่ได้ที่จะชะเง้อมอง และก็เห็นว่าคนที่มารับพี่ชายคือผู้หญิง
"รถใครมาหรือลูก"
"ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ครับมารับพี่นาค"
"ผู้หญิงหรือ?"
"แต่ก็คุ้นๆ อยู่นะครับ"
นิวเยียร์ขับรถตรงมาที่โรงพยาบาล มาถึงเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเธอไปห้องที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว
"พ่อคะ?" นิวเยียร์ตกใจมากที่เห็นสภาพพ่อในเวลานี้ "พ่อป่วยเป็นอะไร? ทำไมผมพ่อถึงเป็นแบบนี้" เธอเอะอะโวยวายจะพบหมอประจำตัวของพ่อแต่พ่อห้ามไว้ก่อน
"แค่มองลูกก็คงรู้แล้วว่าพ่อป่วยเป็นอะไร" วันนี้ท่านต้องพูดอาการของท่านให้ลูกสาวฟังแล้วล่ะ เพราะเธอรู้นั่นแหละเธอถึงโวยวาย คนที่ผมร่วงหมดหัวมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือคนที่ได้รับคีโม
"คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?" หญิงสาวหันกลับไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ
"อย่าว่าให้พี่เลยลูก"
"ทำไมคุณไม่บอก!"
"น้อง.."
"พ่อคะ น้องจะพาพ่อไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ"
"ไม่หรอกลูกพ่อเหนื่อยแล้วและคุณหมอที่นี่ก็ฝีมือดี"
"ทำไมพ่อไม่บอกหนูแต่แรก" น้ำตาเธอค่อยๆ ไหลหยดลงมา จนพ่อที่ไม่มีเรี่ยวแรงเอื้อมขึ้นไปจะเช็ดน้ำตาให้ลูกแต่ก็เอื้อมไม่ถึง จนลูกสาวจับมือของพ่อขึ้นมากอดไว้แทน
"พ่อไม่รู้ว่าการรักษาจะช่วยชีวิตพ่อให้อยู่ได้นานเท่าไร พ่อขออะไรลูกสักอย่างได้ไหม"
"พ่อจะขออะไรคะ"
"จดทะเบียนสมรสกับนาคราช"
"คะ?" หญิงสาวที่น้ำตาคลอค่อยๆ หมุนศีรษะหันกลับไปมองผู้ชายที่พ่อพูดถึงด้วยสายตาเอาเรื่อง ถ้าเธอรู้ก่อนนะว่าพ่อป่วยเป็นโรคมะเร็งเธอคงไม่อยู่เฉยแบบนี้หรอก
"เรื่องนี้รอไม่ได้แล้วนะลูก เพราะการประชุมผู้ร่วมหุ้นพ่อคงเข้าร่วมประชุมไม่ได้"
"เดี๋ยวน้องจะประชุมแทนพ่อเองค่ะ"
"ไม่ได้หรอกลูก เรื่องนี้มีแค่นาคราชเท่านั้นที่จะจัดการได้"
"แต่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลยนี่คะ"
"พ่อถึงบอกให้หนูจดทะเบียนสมรสกับพี่เขาไง"
"แต่พ่อคะ"
"เชื่อพ่อสักครั้งนะน้อง พ่อดูคนไม่ผิดหรอก" น้ำเสียงของท่านเบาลงมากจนแทบจะไม่ได้ยิน