หลังจากที่ได้รับเอกสารนั้นกลับคืนมาจักรกฤษณ์ก็ขอคุยกับนิวเยียร์เป็นการส่วนตัว แต่นาคราชไม่เปิดโอกาสให้
"คุณยังไม่มีตำแหน่งในบริษัทนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามให้ผมพบกับคุณนิวเยียร์"
"ตอนนี้ผมได้รับตำแหน่งจากคุณนิรากรให้เป็นผู้ช่วยของคุณนิวเยียร์"
"ทำไมผมถึงไม่รู้"
"ผมก็บอกคุณอยู่นี่ไง"
"ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอกนะถ้าไม่ได้คุยกับคุณนิรากรด้วยตัวเอง"
"ตอนนี้ท่านไม่ว่าง"
"ไม่ว่างหรือกำลังรักษาตัวอยู่"
"?" ไหนบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ไง นอกจาก?? พอคิดได้ก็ถึงกับส่ายหน้า เขาคิดว่าจักรกฤษณ์ต้องรู้มาจากนิวเยียร์แน่ จะไว้ใจอะไรคนขนาดนั้น แต่ทำไมกับเขาเธอถึงไม่ไว้ใจล่ะ
"หึ.. ถ้าคุณนิรากรเข้ามาทำงานไม่ได้ทางบริษัทก็คงต้องหาผู้มาดูแลที่มีวุฒิภาวะมากพอ"
"ผมก็บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ท่านยังไม่ว่าง"
"ดีงั้นผมจะเปิดประชุม หัวข้อหาผู้บริหารใหม่มานั่งตำแหน่ง" เพราะถ้าเปิดประชุมคนที่จะได้รับตำแหน่งนี้คงไม่พ้นตัวเขาเอง
"คุยอะไรกันอยู่คะ" นิวเยียร์เปิดประตูห้องทำงานออกมาก็เห็นว่าคุณลุงจักรกฤษณ์กำลังคุยอยู่กับผู้ชายที่เธอเบื่อขี้หน้ามาก
"ลุงแค่อยากจะมาปรึกษาเรื่องที่เราไม่ยอมเซ็น บริษัทเราต้องก้าวไปข้างหน้า ถ้าเครื่องจักร.."
"คุณลุงเข้ามาคุยข้างในดีกว่าค่ะ" นิวเยียร์เปิดประตูออกให้กว้างเพื่อให้ลุงจักรกฤษณ์เข้ามา แต่พอนาคราชจะเดินตามเข้ามาเธอก็ยืนขวางไว้ "ฉันจะคุยกับคุณลุงแค่สองคน"
นาคราชพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้ถอย ถึงแม้เธอจะยืนขวางตัวเล็กแค่นี้มีหรือที่จะขวางเขาได้
"เอ๊ะนี่คุณ!" คำว่าเอ๊ะนี่คุณเธอชักจะพูดกับอีตาหมอนี่บ่อยเกินไปแล้วนะ
"อยากจะคุยก็คุยไปสิ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งโซฟาที่อยู่ไม่ไกลโต๊ะทำงานแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเขี่ยเล่น
"เราไปคุยกันห้องลุงไหม"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุยที่นี่แหละค่ะ" นิวเยียร์เลยพูดให้ฟังว่าทำไมเธอถึงยังไม่อนุญาต เพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานแทนพ่อและไม่รู้เรื่องอะไรอีกมากมาย แต่เธอจะปรึกษาพ่อเรื่องนี้ก่อน
"ลุงว่าอย่าเพิ่งปรึกษาพ่อเราเลย เห็นว่าท่านไม่สบายไม่ใช่หรือ"
"หึ" คนที่กำลังเขี่ยโทรศัพท์อยู่ขำในลำคอออกมาแบบห้ามตัวเองไม่ได้ หรือจงใจจะขำใส่หน้าก็ไม่รู้ ที่เขาขำเพราะเธอบอกว่าจะแจ้งเรื่องนี้กับพ่อแต่อีกฝ่ายรีบห้ามไว้ ถ้าแค่นี้เธอดูไม่ออกก็ควรกลับไปอยู่ต่างประเทศปล่อยบริษัทให้อยู่ตามยถากรรมไปเถอะ
จักรกฤษณ์เหลือบมองมาดูนาคราช ทีแรกคิดว่ามันจะเป็นก้างชิ้นเล็กๆ แต่ให้ค่ามันต่ำไป
"เดี๋ยวนิวเยียร์จะลองสอบถามทางทีมงานซ่อมบำรุงดูนะคะ"
"ถ้าเราคิดแบบนั้นก็โอเค มีอะไรติดขัดก็ถามลุงได้นะ"
"ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่เข้าใจ"
หลังจากจักรกฤษณ์ออกไปแล้วนิวเยียร์ก็กรอกตามองไปดูคนที่นั่งเขี่ยโทรศัพท์อยู่ แต่อีกฝ่ายยังคงทำเนียนไม่มองมา
"เชิญคุณออกไปค่ะฉันจะทำงาน"
"ผมจะให้คนจัดโต๊ะทำงานในห้องนี้"
"ไม่ได้ฉันไม่อนุญาต"
"หรือคุณจะหาห้องทำงานใหม่ให้ผม"
"ฉันจะให้คนจัดโต๊ะไว้ให้ข้างนอก" หญิงสาวไม่พูดเปล่ายังเดินไปเปิดประตูออกให้กว้างเพื่อเชิญให้เขาออกจากห้อง และก็หันไปบอกชไมพรเลขาหน้าห้องของพ่อว่าให้จัดโต๊ะมาไว้ให้กับผู้ช่วยของเธอ
ชไมพรรีบทำตาม ไม่นานโต๊ะทำงานของนาคราชก็ถูกวางอยู่ข้างๆ โต๊ะชไมพร
"ฉันชื่อชไมพรนะคะ" อยู่ดีๆ ก็มีหนุ่มหล่อมานั่งข้างๆ ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเยอะเลย
นาคราชก็ไม่ได้ตอบกลับแค่เขามองดูโต๊ะทำงานที่เรียบง่าย เขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้เห็นว่าตัวเขาเองไม่ได้มีค่าแค่นี้
บ่ายวันนั้นนิวเยียร์ลงมาดูเครื่องจักรที่จักรกฤษณ์บอกจะเปลี่ยนยกชุด แต่พอลงมาก็เห็นว่าผู้ช่วยของเธอวุ่นวายอยู่ในแผนกนี้แล้ว
"คุณกำลังทำอะไรอยู่"
"ดูเครื่องจักรน่ะสิ"
"คุณซ่อมเครื่องจักรพวกนี้เป็นเหรอ"
"ไม่เป็นหรอก"
"แล้วคุณทำแบบนี้เครื่องจักรก็พังไปกันใหญ่น่ะสิ"
"สวัสดีครับคุณนิวเยียร์"
"สวัสดีค่ะคุณคือหัวหน้าช่างซ่อมบำรุงใช่ไหมคะ"
"ใช่แล้วครับ"
"เห็นคุณลุงจักรกฤษณ์บอกว่าเครื่องพวกนี้.."
"ใช่แล้วครับถ้าเราเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่การผลิตชิ้นงานของเราก็จะมีคุณภาพมากขึ้น เพราะเครื่องจักรชุดนี้ก็ใช้งานมานานมากแล้ว"
"แต่ผมคิดว่ามันยังใช้ต่อไปอีกได้เป็นสิบๆ ปีเลยนะ" เป็นนาคราชอีกนั่นแหละที่พูดแทรกขึ้นมา
"คุณบอกไม่รู้เรื่องเครื่องจักรแล้วทำไมคุณถึงพูดได้ล่ะ" หัวหน้าช่างซ่อมบำรุงได้ยินที่นาคราชคุยกับนิวเยียร์แล้วว่าไม่รู้
"มองด้วยตาเปล่าก็ดูออก"
"ถ้าจะมาหาเรื่องแบบนี้ฉันว่าคุณกลับบ้านคุณไปเถอะ" นิวเยียร์เห็นว่าเขากวนประสาททุกคนที่เข้ามาพูดกับเธอ
"ถ้าตาคุณไม่บอดคุณก็คงมองเห็นว่าเครื่องจักรพวกนี้ยังทำงานได้ปกติ พ่อของคุณสั่งเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน ถึงแม้ว่ามองแค่ผิวเผินพวกมันจะดูเก่าแต่ดูการทำงานของพวกมันยังปกติใช่ไหม"
"พวกผมเพิ่งทำการซ่อมบำรุงตอนที่มันมีปัญหาครับ"
"แสดงว่าฝีมือของพวกคุณยังใช้ได้ ถ้ามันมีปัญหาอีกก็แค่ซ่อม"
"แต่ถ้าเราซื้อเครื่องใหม่มาก็จะลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมลงเยอะ"
"ผมชักจะสงสัยแล้วสิ ว่าพวกคุณมีเอี่ยวกับบริษัทเครื่องจักรหรือเปล่า"
"อะ อะไรนะครับ?" พอถูกจู่โจมด้วยคำพูดและสายตารู้ทันหัวหน้าช่างก็รับสถานการณ์ไม่ทัน
"เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะปรึกษาท่านประธานดูอีกทีแล้วกัน ถ้าอันไหนชำรุดเสียหายพวกคุณก็ช่วยทำให้มันกลับมาใช้งานได้ปกติหน่อยนะคะ" จะว่าเขาหาเรื่องซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะเมื่อสักครู่เขาทำให้เธอมองเห็นอะไรบางอย่าง
นิวเยียร์เลยเดินดูเครื่องจักรเครื่องอื่นๆ ในโรงงาน โรงงานของพ่อเธอเครื่องจักรถือว่าเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหลักๆ เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าไม่มีเครื่องจักรพวกนี้ชิ้นงานก็จะผลิตขึ้นมาไม่ได้
"ระวัง" ขณะที่เธอกำลังเดินมองเครื่องจักรโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อยู่ดีๆ ก็มี วัตถุบางอย่างหล่นลงมา
ตุ๊บ! เพล้ง!!
"คุณเป็นอะไรไหม" ตอนที่ดังตุ๊บคือมันตกกระทบโดนมือของนาคราชและก็ตกลงพื้นอีกที ถ้าเขาไม่เอามือไปบังศรีษะเธอไว้มันคงกระทบเข้ากับศีรษะของเธออย่างจัง
"ไม่เป็นอะไร" นาคราชทำได้แค่กัดฟันไว้แน่นระบายความเจ็บปวด
"ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"
เขาไม่ได้สนใจมือตัวเองแต่สิ่งที่เขาสนใจคือมันหล่นลงมาได้ยังไง ส่วนนิวเยียร์ตอนนี้มองแค่มือของเขาเพราะมันแดงช้ำกลัวว่ากระดูกมือเขาจะหักด้วยซ้ำ ไม่อยากคิดเลยถ้ามันตกลงมาใส่ศีรษะเธอโดยตรงจะเป็นยังไง