่หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
วันที่น้ำหวานหวั่นใจที่สุดก็มาถึง วันนี้เธอจำต้องไปทานข้าวร่วมกับบิดาและครอบครัวของชายหนุ่มที่คณกรจัดหามาให้ในฐานะว่าที่เจ้าบ่าว ความคิดที่ไม่อยากไปวนเวียนอยู่ในหัวเธอ น้ำหวานพยายามพูดคุยกับคณกรมาตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อขอปฏิเสธเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ แต่กลับไร้ผล
และวันนี้เธอก็ต้องไปเจอกับ “เขา” ลูกชายของเพื่อนสนิทของพ่อ อย่างชลันธร ซึ่งเธอไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าหรือรู้จักมาก่อน
ในขณะที่น้ำหวานนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวของบ้าน ความอึดอัดและความโกรธคุกรุ่นในใจ เสื้อผ้าหวาน ๆ ในโทนสีพาสเทลที่เธอสวมไม่ได้ช่วยทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นเลย
ชุดเดรสคอเหลี่ยมแขนตุ๊กตาทรงยาวปิดเขาในโทนสีชมพูอ่อนประดับลายดอกไม้เล็ก ๆ น่ารัก ทรงผมถูกเกล้ามวยต่ำอย่างเรียบร้อยมีปอยผมด้านข้างเล็กน้อยให้ดูอ่อนหวาน ใบหน้าของน้ำหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีธรรมชาติ เผยผิวเนียนใส ริมฝีปากสีชมพูบาง ๆ ดูน่ารักและเป็นธรรมชาติ
ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูสดใสอ่อนหวาน แต่ในใจของน้ำหวานกลับขมขื่นอย่างที่สุด
น้ำหวานหันไปสบตาคณกรที่ยืนอยู่ในชุดสูทภูมิฐาน สีหน้าของคณกรเด็ดเดี่ยวอย่างไม่ยอมรับการปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น น้ำหวานกลั้นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า พยายามพูดครั้งสุดท้าย
"พ่อ น้ำหวานไม่อยากไป..." เสียงของน้ำหวานสั่นเครือ ความน้อยใจและความรู้สึกถูกบังคับกดดันจนเกือบล้นออกมา
"น้ำหวาน พ่อบอกแล้วไงว่าลูกชายของชลันธร เพื่อนพ่อ เหมาะกับลูกที่สุด" คณกรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเขาแสดงถึงความจริงจังที่ยากจะต่อรอง
น้ำหวานกำมือแน่น เธอพยายามเถียงต่อ แต่เสียงของเธอเริ่มสั่นไหวด้วยความคับแค้นใจ
"แต่น้ำหวานไม่ได้รักเขา... ไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ"
คณกรที่รู้ว่าลูกสาวหัวดื้อของเขาไม่มีทางยอมง่าย ๆ หันมาจ้องน้ำหวานด้วยสายตาที่จริงจังยิ่งขึ้น
"รีบลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อย พ่อรอที่รถ อย่าให้พ่อพูดซ้ำ!"
เมื่อเห็นว่าน้ำหวานยังไม่ขยับ คณกรจึงเดินออกจากห้องไปก่อนด้วยท่าทีเด็ดขาด น้ำหวานที่พ่ายแพ้ต่ออำนาจของพ่อได้แต่กัดฟันแน่น สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อสะกดกลั้นความน้อยใจ
เมื่อก้าวขึ้นรถที่จอดรอ น้ำหวานเหลือบมองคณกรที่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าขรึม เธอก้มหน้าลง พึมพำเสียงเบาราวกับพูดกับตัวเอง
"เมื่อไหร่พี่ธีร์จะกลับมา..." ชื่อนี้หลุดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง น้ำหวานคิดถึงพี่ชายที่เป็นเหมือนที่พึ่งเดียวในชีวิต
ริมฝีปากบางเบะน้อย ๆ น้ำตาคลออีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นน้ำตา แต่ในใจกลับร้องไห้ตะโกนหาความยุติธรรมที่ไม่มีอยู่ในสถานการณ์นี้เลย
ภายในโรงแรมหรูที่ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าและบรรยากาศหรูหรา
คณกรเดินนำหน้าด้วยสีหน้าผ่อนคลายและรอยยิ้มที่ดูภูมิฐาน ต่างจากน้ำหวานที่เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งปนบึ้งตึงอย่างชัดเจน ดวงตาของเธอหลุบต่ำ ไม่ได้ยิ้มรับหรือทักทายใครรอบตัว คณกรมองลูกสาวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงเบาแต่หนักแน่น
"น้ำหวาน ยิ้มหน่อย อย่าเสียมารยาท มันไม่เหมาะสม"
น้ำหวานเหลือบมองพ่อเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบรับคำพูดนั้น เธอสูดลมหายใจลึกและพยายามข่มอารมณ์ที่คุกรุ่นในใจ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่อาจทำให้คณกรไม่พอใจไปมากกว่านี้
ด้านชลันธรและคุณหญิงปัณฑารีย์ ทั้งคู่มาถึงร้านอาหารภายในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงปัณฑารีย์ในชุดเดรสไหมสีงาช้างนั่งอยู่ด้วยท่าทางสง่างาม แต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความหงุดหงิด เธอปรายตามองนาฬิกาข้อมือราคาแพงเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะหันไปต่อว่าสามีด้วยน้ำเสียงตำหนิ
"ลูกชายสุดที่รักของคุณอยู่ที่ไหนคะ? ทำไมป่านนี้ยังไม่โผล่มาอีก?"
ชลันธรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อย เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"ผมจะไปรู้เหรอคุณ เดี๋ยวผมโทรถามเขาอีกที"
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำหวานและคณกรจะเดินเข้ามา คุณหญิงปัณฑารีย์ยิ้มบาง ๆ เพื่อรักษามารยาท แต่ในใจยังคงครุ่นคิดถึงการมาสายของลูกชาย
ในขณะที่ทุกคนรอเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ริวเองกลับไม่ได้เต็มใจมางานนี้เลยแม้แต่น้อย ใจของเขายังคงคิดถึงไคร่า หญิงสาวที่เขารักและกำลังจะตามง้อเธอ แต่เช้านี้แม่ของเขาโทรมาบ่นไม่หยุด ริวไม่มีทางเลือกจึงต้องมาด้วยความจำใจ
ถึงแม้จะมาถึงโรงแรมตั้งแต่เช้า แต่เขากลับเลือกที่จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการดื่มกาแฟช้า ๆ และเข้าออกห้องน้ำเพื่อถ่วงเวลา ริวมองโทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับเป็นสิบสายจากแม่ของเขา ก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์โดยไม่คิดจะรีบเร่ง
จนกระทั่งเวลานัดหมายล่วงเลยไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ริวจึงตัดสินใจเดินเข้ามาในร้านอาหาร ด้วยท่าทางที่ดูไม่สนใจโลก ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมสองเม็ดด้านบน กางเกงสแลคสีดำ ท่าทางไม่เรียบร้อยนี้ทำให้ผู้คนในร้านบางคนเหลือบมองด้วยความไม่พอใจ
ด้านชลันธรและคุณหญิงปัณฑารีย์ ทันทีที่ทั้งสองเห็นริวเดินเข้ามาในสภาพนั้น ใบหน้าของคุณหญิงปัณฑารีย์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เธออยากลุกขึ้นระเบิดอารมณ์ใส่ลูกชายตัวดี แต่ต้องข่มใจไว้เพราะเกรงใจครอบครัวของคณกร
ชลันธรเองก็ทำหน้าไม่พอใจ เขามองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ยังเลือกที่จะนิ่งเงียบ
ริวที่เห็นสีหน้าของแม่และพ่อก็พอจะเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเย้ยหยันมากกว่าขอโทษ
จังหวะที่ริวเดินไปถึงโต๊ะอาหารสายตาของเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดเดรสโทนชมพูที่นั่งอยู่ข้างคณกร เธอมีใบหน้าหวานละมุน ดวงตากลมโต ริมฝีปากสีชมพูบาง ดูอ่อนหวานและน่าทะนุถนอม
ริวชะงักไปชั่วขณะเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับเธอ ภาพในคืนวันนั้นย้อนกลับมาในหัวอย่างรวดเร็ว หญิงสาวคนนี้คือคนที่เขาเจอในเหตุการณ์ที่เขาไม่มีวันลืม
ในขณะที่น้ำหวานยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร แต่ริวจำได้ดีทุกอย่าง...