ตอนที่ 4 ทบทวนเรื่องของเรา

1501 Words
บรรยากาศในห้องอาหารส่วนตัวภายในโรงแรมหรู คุณหญิงปัณฑารีย์ผู้มีท่าทางสง่างาม แต่แฝงความเจ้าเล่ห์ในดวงตา เหลือบมองลูกชายตัวดีที่กำลังจ้องมองน้ำหวานอย่างไม่ละสายตา สายตานั้นเต็มไปด้วยความสับสนปนสงสัยราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ "นี่ไง น้องน้ำหวานว่าที่เจ้าสาวของลูก" ริวที่ได้ยินคำพูดนั้นค่อย ๆ หันกลับไปมองแม่ของเขา แต่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้านคณกร เมื่อเห็นน้ำหวานยังคงนั่งหน้าบึ้ง ท่าทางไม่แสดงออกถึงความยินดีแม้แต่น้อย คณกรรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูลูกสาว พร้อมกับออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด "นี่ไง คนที่ลูกจะแต่งงานด้วย สวัสดีพี่เขาสิ" คำพูดนั้นมาพร้อมน้ำเสียงที่เข้มจนคนฟังรู้ได้ว่าไม่อาจปฏิเสธ น้ำหวานเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจยาว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างไม่เต็มใจ สีหน้าที่แสดงออกมาชัดเจนว่ากำลังเบื่อหน่าย "สวัสดีค่ะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางหลบสายตาจากทุกคน บรรยากาศในโต๊ะอาหารชะงักไปชั่วครู่ คณกร ชลันธร และคุณหญิงปัณฑารีย์ ต่างมองหน้ากันอย่างไม่พอใจนัก แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คุณหญิงปัณฑารีย์พยายามคลี่คลายบรรยากาศ เธอยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดขึ้น "เอ่อ... ทั้งสองคงยังไม่ค่อยชินกัน ยังไงก็ทำความรู้จักกันไว้ก่อนนะจ๊ะ เพราะอีกสองเดือนหนูน้ำหวานก็จะได้เป็นสะใภ้ของแม่แล้ว" คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบลงทันที แต่กลับเป็นริวและน้ำหวานที่พูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย "สองเดือน? / สองเดือน?" เสียงของทั้งสองคนซ้อนกันอย่างบังเอิญ คุณหญิงปัณฑารีย์หัวเราะเบา ๆ ด้วยความภูมิใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ "ทำไมหรอลูก? ช้าไปเหรอ? ถ้าอย่างนั้นแม่เลื่อนให้เร็วขึ้นเป็นเดือนหน้าดีไหม?" คำพูดนั้นทำให้ริวและน้ำหวานหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะพูดปฏิเสธพร้อมกันอีกครั้ง "ไม่ต้อง / ไม่ต้อง!" เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ทุกคนในโต๊ะต่างหันมองทั้งสองอย่างสนใจ โดยเฉพาะคุณหญิงปัณฑารีย์ที่จ้องมองสลับไปมาระหว่างริวและน้ำหวาน ราวกับกำลังพยายามจับสังเกตอะไรบางอย่าง บรรยากาศที่อึดอัดระหว่างมื้ออาหาร ทุกคนเริ่มทานอาหาร แต่บรรยากาศในโต๊ะกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น คุณหญิงปัณฑารีย์ที่ไม่อยากให้สถานการณ์ดูแย่เกินไป จึงแอบส่งสัญญาณให้ริวตักอาหารให้ว่าที่เจ้าสาวของเขา ริวที่เห็นสัญญาณจากแม่ แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน เขายกช้อนตักอาหารใส่จานของน้ำหวานแบบผ่าน ๆ ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ด้านน้ำหวานก็เช่นกัน เธอจำใจต้องตักอาหารใส่จานของริวบ้าง เพราะถูกคณกรบังคับด้วยสายตา ทั้งคู่ทานข้าวเงียบ ๆ โดยไม่พูดคุยกัน สีหน้าของน้ำหวานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่ริวก็ดูไม่ใส่ใจอะไรเลย แต่ในความเงียบนั้น มีสายตาหนึ่งที่คอยจับจ้องน้ำหวานอยู่ตลอดเวลา “เอาล่ะ ทานกันเสร็จแล้ว แม่อยากให้หนูน้ำหวานกับริวไปเดินเล่นกันหน่อย ไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ดีไหมจ๊ะ?” คำพูดนั้นทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมาทันที เธอทำหน้าตกใจและรีบปฏิเสธ “ไม่ดีกว่าค่ะ น้ำหวานมีธุระต่อ” คณกรที่ได้ยินคำพูดนั้นถึงกับถอนหายใจแรง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เรื่องของลูกพ่อจัดกาาเรียบร้อยแล้ว พ่อว่าหวานไปเดินเล่นทำความรู้จักกับพี่เขาหน่อยเถอะ” น้ำหวานกัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าการปฏิเสธต่อหน้าผู้ใหญ่คงไม่ใช่เรื่องดี และคณกรเองก็คงไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ง่าย ๆ ริวที่เห็นความลำบากใจในแววตาของน้ำหวาน ก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ครับ ผมว่าไม่ต้องก็ได้ ผมเองก็ไม่ชอบเดินเล่นกับคนแปลกหน้าเหมือนกัน” คำพูดของริวทำให้คุณหญิงปัณฑารีย์และคณกรต่างหันไปมองเขาพร้อมกัน สีหน้าของคุณหญิงปัณฑารีย์เต็มไปด้วยความไม่พอใจและขุ่นเคือง “ริว! นี่ลูกพูดอะไรออกมา?” ริวยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ “ก็แค่พูดตรง ๆ น่ะแม่ ถ้าจะให้ผมแต่งงานกับเธอจริง ๆ ก็รอไปจนถึงวันนั้นก็แล้วกัน วันนี้ไม่จำเป็นต้องรีบทำความรู้จักอะไรหรอก” น้ำหวานที่ได้ยินคำพูดนั้น แอบถอนหายใจโล่งอกในใจ แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทางไม่จริงจังของริว เธอแอบมองริวด้วยสายตาไม่พอใจ ริวที่ยืนพิงรถอยู่ด้วยท่าทางไม่แยแส รู้สึกว่าการยอมทำตามที่คุณหญิงปัณฑารีย์บังคับนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อและเสียเวลา แต่ด้วยแรงกดดันจากแม่ของเขา ริวก็ไม่มีทางเลือกอื่น ในขณะที่น้ำหวานยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอจ้องมองไปทางคณกรที่เพิ่งเดินกลับไป พร้อมด้วยความไม่พอใจที่เก็บอยู่ในใจ เธออยากจะตะโกนใส่พ่อของเธอด้วยความอัดอั้น เพราะการถูกบังคับให้มาเจอกับริวในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ สายตาของริวที่จับจ้องมองน้ำหวานไม่ได้ละไปแม้แต่วินาทีเดียว ริวสังเกตเห็นว่าท่าทางของน้ำหวานนั้นทั้งหงุดหงิดและอึดอัด เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอคงไม่อยากอยู่ที่นี่พอ ๆ กับเขา ทันทีที่คณกรเดินลับไป น้ำหวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินจากไปโดยไม่สนใจริวที่ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ แต่ริวไม่ยอมให้เธอไปง่าย ๆ เขาก้าวเข้ามาขวางทาง พร้อมกับคว้าแขนของน้ำหวานเอาไว้ “ปล่อย!” น้ำหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอพยายามสะบัดแขนออก แต่แรงของริวทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้ “จะไปไหน?” ริวถามด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เรื่องของฉัน!” น้ำหวานตอบกลับอย่างห้วน ๆ และสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของริวได้สำเร็จ ริวที่รู้สึกถึงความดื้อดึงของน้ำหวาน จึงตัดสินใจพูดจาข่มขู่ “ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันจะบอกพ่อของเธอ” ริวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่แววตานั้นมีประกายของความจริงจัง น้ำหวานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดชะงักทันที เธอหันกลับมาจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ฉันกับนายไม่เคยรู้จักกัน นายต้องการอะไร?” น้ำหวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกร้าว ริวยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่รู้จักฉัน… จะแต่งกับฉันทำไม?” “ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับนาย ไม่ได้เต็มใจ และไม่ได้ต้องการเรื่องนี้” น้ำหวานพูดพร้อมกับขึ้นเสียงใส่ริวอย่างเหลืออด ริวที่ได้ยินคำพูดนั้นกลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “ไม่ได้ต้องการ… แต่ก็ยอม” น้ำหวานถึงกับกำหมัดแน่น ความโกรธเริ่มพุ่งสูงขึ้น “โอ๊ย! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้อยากแต่ง! ปล่อย เสียเวลา!” น้ำหวานตะโกนออกมาพร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ริวไม่ปล่อยให้น้ำหวานเดินหนีง่าย ๆ ในพริบตา ริวคว้าแขนของเธออีกครั้ง ก่อนจะผลักร่างบางของน้ำหวานเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว “จะทำอะไร! ปล่อยฉันนะ!” น้ำหวานตะโกนลั่น พยายามดิ้นรนให้หลุดจากการควบคุมของเขา ริวปิดประตูรถอย่างไม่ใส่ใจคำประท้วงของน้ำหวาน ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับอย่างสบายอารมณ์ “อยู่นิ่ง ๆ ฉันจะพาเธอไปทบทวนเรื่องของเรา” ริวพูดพลางสตาร์ตรถ “ทบทวน นายพูดบ้าอะไร ฉันไม่อยากไปกับนาย! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากแต่งงาน!” น้ำหวานตะโกนใส่เขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ริวเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ แต่หนักแน่น “เธอคิดว่าฉันอยากแต่งกับเธอมากหรอ ” คำพูดนั้นทำให้น้ำหวานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอหันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างแล้วรถแล่นออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD