ถึงวันสำคัญที่น้ำหวานไม่อยากให้มาถึง ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกเครื่องสำอางในห้องเตรียมตัว เจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวงดงาม แต่สีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความเศร้าหมอง หลังจากที่ช่างแต่งหน้าแต่งจนเสร็จและออกไปจากห้อง น้ำหวานจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ใบหน้าที่งดงามตามแบบฉบับเจ้าสาวในวันสำคัญ แต่ดวงตาของเธอกลับคลอไปด้วยน้ำตา
น้ำหวานกำหมัดแน่น มือสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามา น้ำหวานกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังออกมา
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้น้ำหวานสะดุ้ง เธอหันไปตามเสียงและพบว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือ "ธีร์" พี่ชายของเธอ น้ำหวานที่เห็นพี่ชายตรงหน้า ความเข้มแข็งที่พยายามรักษาไว้ก็พังทลายทันที เธอลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปกอดธีร์แน่น น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาทันที
"ฮึก พี่ธีร์...หวานไม่อยากแต่งงาน..." น้ำหวานพูดออกมาทั้งน้ำตา เสียงของเธอสั่นไหวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่อัดอั้นในใจ
ธีร์ยกมือขึ้นลูบหลังน้องสาวเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"พี่ขอโทษนะหวาน ที่พี่กลับมาช้า..." ธีร์เอ่ยเสียงแผ่วพร้อมกับรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างน้องสาวในช่วงเวลาที่เธอต้องการเขาที่สุด
ธีร์รู้ดีว่างานที่ต่างประเทศและภาระหน้าที่ที่เขามี รวมถึงการดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือน ทำให้เขาไม่มีเวลาอยู่เคียงข้างน้ำหวานในช่วงเวลาสำคัญ ธีร์รู้สึกผิดอย่างยิ่งที่ไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระใจของน้ำหวานได้
"พี่ธีร์...พี่ช่วยไปคุยกับพ่อหน่อยได้ไหม หวานไม่อยากแต่งงาน...ฮึก" น้ำหวานเอ่ยออกมาด้วยเสียงสะอื้น เธอเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย น้ำตายังไหลอาบแก้ม
ธีร์ถอนหายใจยาว เขาเข้าใจความรู้สึกของน้ำหวาน แต่ก็รู้ดีว่าคณกร ผู้เป็นพ่อ คงไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ
"พ่อคงไม่ยอมหรอก..." ธีร์พูดพร้อมกับลูบศีรษะน้ำหวานเบาๆ อย่างปลอบประโลม
"ฮึก...หวานไม่ได้รักเขา..." น้ำหวานพูดออกมาทั้งน้ำตา เสียงของเธอสั่นไหว เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในขณะที่ทั้งสองยืนกอดกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้น คณกร ผู้เป็นพ่อ เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง แต่สายตาแฝงไปด้วยความเคร่งขรึม
"มัวแต่ยืนร้องไห้อยู่นั่นแหละ เตรียมตัวได้แล้ว งานจะเริ่มแล้ว" คณกรพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย เขาเหลือบตามองลูกทั้งสองคนที่กอดกัน
น้ำหวานผละออกจากธีร์อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็พยายามเช็ดมันออก ธีร์เองก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพ่อได้
อีกด้านหนึ่งในงานแต่งงาน ริวที่เพิ่งมาถึงงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกหงุดหงิดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน เขาหยิบแก้วไวน์มาจากบริกรและกระดกมันอย่างต่อเนื่อง สายตาเย็นชาของเขามองไปรอบๆ อย่างไม่สนใจใคร
"ไอ้ริว มึงกะจะให้เมาก่อนพิธีเริ่มหรือไง" วาคิม เพื่อนสนิทของเขาเอ่ยขึ้นพร้อมดึงแก้วไวน์ออกจากมือของริว
"เออ แม่ง...กูไม่อยากแต่งงานกับยัยนั่น" ริวพูดเสียงห้วน นึกถึงน้ำหวานที่ไม่ยอมยกเลิกงานแต่ง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่พอใจ
"ก็แค่แต่งให้มันจบๆ ไปดิวะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา" มาวิน เพื่อนอีกคนพูดพร้อมตบบ่าริวเบาๆ อย่างปลอบใจ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูใจกลางเมือง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหราและอลังการ โถงจัดงานเต็มไปด้วยแขกเหรื่อในชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างาม แชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ส่องแสงระยิบระยับเพิ่มความงดงามให้กับสถานที่ โต๊ะอาหารถูกจัดอย่างประณีตด้วยดอกไม้สดสีขาวและสีชมพูอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลทั่วทั้งห้อง
พิธีแต่งงานดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด เมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องแลกแหวนแต่งงานกัน น้ำหวานยืนประหม่าอยู่ตรงหน้าโต๊ะพิธี ท่ามกลางสายตาของแขกที่จับจ้องมอง ริวหยิบแหวนวงเล็กที่สลักชื่อเธอไว้อย่างสวยงามขึ้นมา ก่อนจะจับมือเธอไว้และสวมแหวนลงบนนิ้วเรียวของน้ำหวาน น้ำหวานที่รู้สึกถึงสัมผัสของมือริวก็เงยหน้ามอง แต่กลับพบแววตาที่เย็นชาและยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของริว
เมื่อถึงคราวที่น้ำหวานต้องสวมแหวนให้ริว มือของเธอสั่นเล็กน้อยแต่ก็พยายามฝืนใจทำจนเสร็จสิ้น พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อพิธีกรประกาศว่าทั้งคู่ได้กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เสียงเชียร์จากเพื่อนของริวก็ดังขึ้นทันที
"อ้าว เฮ้ย! จูบเมียดิวะเพื่อน!" มาวินตะโกนออกมาเสียงดัง จนทำให้บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องสนับสนุนจากแขกที่มาร่วมงาน
น้ำหวานที่ได้ยินเสียงเชียร์ก็หน้าซีด เธอรีบถอยหลังเล็กน้อย พร้อมสายตาที่วิงวอนให้ริวไม่ทำตามคำเชียร์ของผู้คน ริวเองที่ได้ยินคำพูดนั้นกลับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับนักล่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อ ริวเริ่มขยับเข้าใกล้น้ำหวานทีละก้าว
น้ำหวานพยายามถอยหลังหนีทุกครั้งที่ริวขยับเข้ามา เธอส่ายหัวเบาๆ เป็นสัญญาณบอกให้ริวหยุด แต่ดูเหมือนริวจะไม่ได้สนใจคำเตือนนั้นเลย ทันใดนั้น น้ำหวานที่กำลังถอยหลังอย่างเร่งรีบกลับเหยียบชายชุดแต่งงานของตัวเอง เธอเสียหลักและกำลังจะหงายหลังลงพื้น
ริวที่เห็นสถานการณ์ไม่คาดคิดนี้ รีบพุ่งตัวไปคว้าเอวบางของน้ำหวานไว้ทันเวลา แขนแข็งแรงของเขาประคองเธอไว้อย่างมั่นคง และในช่วงจังหวะเดียวกัน ริวกลับโน้มตัวลงไปจูบน้ำหวานทันที
น้ำหวานที่ถูกจูบกะทันหันก็เบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวด้วยความตกใจและเขินอาย เสียงโห่ร้องและปรบมือดังไปทั่วงาน แขกในงานคิดว่านี่เป็นฉากโรแมนติกที่ทั้งคู่แสดงออกมา แต่สำหรับน้ำหวาน มันเป็นอะไรที่เกินคาดคิด เธอรู้สึกทั้งอายและหวาดกลัวว่าจะถูกปล่อยให้ล้มลง
"ฮู้ววว!"
เสียงโห่ร้องของผู้คนยังคงดังกึกก้อง น้ำหวานจับไหล่ของริวแน่นด้วยความกลัวและพยายามดันตัวเองออกจากเขา แต่ริวกลับรั้งตัวเธอไว้แน่นกว่าเดิม ริวจูบน้ำหวานอย่างหนักแน่นและลึกซึ้งขึ้น เหมือนกับว่าเขาไม่อยากถอนจูบนี้เลย รสสัมผัสที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ น้ำหวานที่พยายามต่อต้านกลับยิ่งเพิ่มความร้อนแรงในจูบของเขา
สุดท้าย ริวก็ยอมถอนจูบออกอย่างช้าๆ สายตาของเขาจ้องมองริมฝีปากของน้ำหวานที่ยังคงแดงระเรื่อ ราวกับเขารู้สึกเสียดายที่ต้องหยุด น้ำหวานที่ยังยืนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าของเธอแดงซ่าน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ แต่เธอทำได้เพียงยืนตัวแข็งและหลบสายตาไปทางอื่น
ริวปล่อยน้ำหวานออกจากอ้อมแขน และเดินกลับไปที่ตำแหน่งของเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ที่ยังคงดังสนั่น ในขณะที่น้ำหวานยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงและสับสนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอได้แต่หวังว่าช่วงเวลานี้จะผ่านไปโดยเร็ว...