หญิงงามนางนั้น

1235 Words
ทะเลสาบหวงอันเปรียบเสมือนชีพจรของเมืองสุ่ยหยวน นอกจากเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญของเมืองหลวง ยังเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างเมืองต่าง ๆ ซึ่งมีท่าเรืออยู่หลายจุดตลอดริมสองฝั่ง และยังมีศาลาริมทะเลสาบจำนวนมากรวมถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงของพระราชวังซึ่งมักจะถูกจัดขึ้นที่นี่บ่อยครั้ง เนื่องจากวันนี้เป็นวันเทศกาลซ่างซื่อ ริมทะเลสาบสองฝั่งประดับประดาไปด้วยโคมไฟงดงามตระการตา ร้านค้าบนฝั่งเรียงรายนับไม่ถ้วน ศาลาริมน้ำรวมถึงโรงน้ำชา หอสุรา และร้านอาหารล้วนมีผู้คนพลุกพล่านมากมาย ยามพระจันทร์ลอยเหนือผืนน้ำกลางทะเลสาบ ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสี่ของหอสุราไป่เยวี่ยซึ่งมองเห็นวิวด้านล่างได้ดีที่สุดในย่านการค้าแห่งนี้ ปรากฏร่างสูงสวมอาภรณ์แพรไหมล้ำค่าสีขาวนวลราวจันทรากำลังนั่งเอนกายบนตั่งไม้ด้วยท่าทางเกียจคร้านอย่างยิ่ง มือข้างหนึ่งถือจอกสุรา มืออีกข้างคีบกล้องยาสูบจรดริมฝีปากเฉียบบาง ดวงตาหงส์หรี่ลงครึ่งหนึ่งคล้ายเบื่อหน่ายเต็มที “อี้เฟิ่ง เจ้าจะไม่ลงไปพร้อมข้าจริงหรือ” สายตาเบื่อหน่ายทอดมองร่างสูงบนตั่งด้านข้าง ริมฝีปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มยกขึ้นเล็กน้อยขณะพ่นควันสีขาวขุ่นออกมา “ไทเฮากับฮองเฮาทรงจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อท่าน ไม่ใช่เพื่อข้าเสียหน่อย ไยข้าต้องไปด้วยเล่า” รัชทายาทกลอกตาหนึ่งที สีหน้าฉายแววเบื่อหน่ายมิแพ้กัน แต่เขาถูกฝึกฝนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จึงควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าคนตรงหน้ามาก “จะอย่างไรเจ้าก็ลงไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยเถิด ข้าไม่อยากเสวนากับพวกน้องรอง” องค์ชายรองเซวียนจื่อชิงคือพระโอรสของพระสนมหลัว เขาเป็นองค์ชายที่ทรงปราดเปรื่องอย่างยิ่ง ทั้งยังวางตัวดีต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อยู่เสมอ แม้ฮ่องเต้จะทรงรักใคร่รัชทายาทมากที่สุด แต่กับองค์ชายรองผู้นี้ก็พอจะมีน้ำหนักในพระทัยของพระองค์อยู่มากเช่นกัน การคานอำนาจในราชสำนักย่อมมีอยู่ในทุกยุคสมัย การแก่งแย่งชิงความโปรดปรานของเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ย่อมมีในทุกราชวงศ์เช่นกัน ฮ่องเต้ซงเต๋อพระองค์นี้เป็นผู้ทรงธรรมและเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง พระองค์มีน้ำพระทัยเมตตากรุณา บารมีแผ่ไพศาล ชาวประชารักใคร่เทิดทูนยิ่ง ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ปรีชาสามารถที่สุดและครองใจชาวประชาได้มากที่สุดนับตั้งแต่แคว้นต้าหยวนก่อตั้งมา พระองค์ทรงรักใคร่ฮองเฮากับรัชทายาทอย่างยิ่ง แม้จะมีพระโอรสธิดามากมาย และมีพระสนมเต็มวังหลัง แต่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงฮองเฮากับรัชทายาทในพระทัยของพระองค์ได้ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์รัชทายาทจึงมักจะถูกบรรดาองค์หญิงองค์ชายริษยาอยู่เสมอ ถึงแม้ใบหน้าคนเหล่านั้นจะยิ้มแย้ม แต่ลับหลังกลับซ่อนคมดาบแสนอันตรายเอาไว้มากมาย ดังนั้นสำหรับรัชทายาทแล้ว คนผู้เดียวที่เขาเชื่อใจและวางใจมากที่สุดก็คือ จ้าวหลิง รัชทายาทยังคงไม่ละความพยายาม กล่าวต่อว่า “หากเจ้าไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยง เช่นนั้นก็ไปล่องเรือเป็นเพื่อนข้าก่อนดีหรือไม่ ชมความงามของงานเทศกาลริมทะเลสาบแล้วค่อยกลับเถิด อย่างไรก็ดีกว่านั่งร่ำสุราใต้แสงจันทร์อยู่เพียงคนเดียวในห้องคับแคบนี่” จ้าวหลิงทอดสายตามองลงไปเบื้องล่างอย่างเกียจคร้าน เขาไม่ได้ชมชอบงานเทศกาลรื่นเริงอะไรพวกนี้เลย ยิ่งมีผู้คนพลุกพล่านเอะอะเสียงดังก็ยิ่งมิชอบ ปกติแล้วถ้าไม่ใช่งานเลี้ยงสำคัญจริง ๆ เขาแทบจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเลยด้วยซ้ำ งานนี้ก็เช่นกัน… ทว่าในขณะที่ริมฝีปากบางเฉียบกำลังจะขยับเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธ สายตาคมพลันสะดุดเข้ากับร่างบางของสตรีนางหนึ่งเข้าพอดี คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ดวงตาหงส์หรี่เพ่งพิศดวงหน้างามพิลาสล้ำที่เขาจดจำไม่เคยลืมเลือน หญิงงามเจ้าของนัยน์ตาสุกสกาวที่เคยสบตาเพียงครั้งเมื่อหลายวันก่อน ยามนี้นางกำลังยืนนิ่งอย่างสง่างามอยู่ท่ามกลางผู้คนริมฝั่งทะเลสาบ แม้บนชั้นสี่ของหอสุราไป่เยวี่ยจะค่อนข้างสูงและห่างไกลจุดที่นางยืนอยู่มาก หากทว่าสายตาของผู้ฝึกยุทธ์อย่างจ้าวหลิงกลับมองเห็นดวงหน้าสะคราญโฉมนั้นได้อย่างชัดเจน รัชทายาทรู้สึกถึงความผิดปกติของอีกฝ่ายจึงหันมองลงไปเบื้องล่างตามสายตาเขาบ้าง สายพระเนตรของรัชทายาทหยุดชะงักลงบนร่างบางของสตรีอาภรณ์สีขาวเหลือบฟ้าอ่อน ดวงหน้างดงามละมุนละไมสะกดหัวใจคนมองยิ่ง ดวงพระเนตรรัชทายาทพลันเบิกกว้าง “เป็นนาง… นางกลับมาแล้ว?” จ้าวหลิงละสายตาจากหญิงงามอาภรณ์สีแดงโลหิตกลับมามองรัชทายาท เมื่อเห็นว่าเขากำลังมองไปทางหญิงงามของตนอยู่ก็อดจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งไม่ได้ “ท่านรู้จักนาง?” “เจ้าก็รู้จักนางหรือ?” รัชทายาทหันกลับมาสบตากับคนข้างกาย แววตาปรากฏร่องรอยแปลกประหลาดวูบหนึ่งก่อนจางหายไป ทว่าร่องรอยนั้นไม่ได้พลาดไปจากสายตาเฉียบคมของจ้าวหลิง สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปงาม มือเรียวยกจอกสุราขึ้นจิบอึกหนึ่ง ก่อนจรดปลายกล้องยาสูบกับริมฝีปากสูดควันเข้าลึกแล้วพ่นออกมาหนัก ๆ รัชทายาทจดจ้องสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจึงถอนหายใจกล่าวต่อ “เจ้ายังจำเรื่องที่ข้าถูกลอบสังหารเมื่อครึ่งปีก่อนได้หรือไม่” “…” จ้าวหลิงมิตอบ เพียงปรายตามองรัชทายาทด้วยแววตาเกียจคร้านแฝงความมึนเมาเล็กน้อย ทุกครั้งที่เขาสูบยาสงบจิตก็มักจะมีแววตาเช่นนี้เสมอ แต่แม้จะดูมึนเมาเพียงใดสติกลับยังคงแจ่มชัด มิได้ลดความเฉียบคมลงสักนิด “ยามนั้นมือข้าได้รับบาดเจ็บ เป็นนางที่ช่วยทำแผลให้ข้า” รัชทายาททอดสายพระเนตรมองร่างบางอาภรณ์สีขาวเหลือบฟ้าอ่อนเบื้องล่าง แม้นางจะเดินปะปนอยู่กับเหล่าคุณหนูชั้นสูงที่แต่งตัวงดงามหรูหรามากมาย แต่เขาก็ยังคงมองเห็นแค่นางเพียงผู้เดียว ริมฝีปากของจ้าวหลิงโค้งขึ้นจาง ๆ ขณะพ่นควันสีขาวขุ่นออกมา เขาขยับกายลุกขึ้นจากตั่งไม้พลางหันมองเบื้องล่าง ปิดปากหาวเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ห้องนี้ช่างคับแคบยิ่ง ข้าไปล่องเรือกับท่านด้วยก็แล้วกัน” รัชทายาทละสายตากลับมามองอีกฝ่าย คิ้วดาบเลิกขึ้นอย่างฉงนสนเท่ห์ “เจ้าเปลี่ยนใจแล้ว?” จ้าวหลิงแย้มยิ้มบางเบา นัยน์ตาแฝงแววหยอกเย้า “ท่านเพิ่งกล่าวไม่ใช่หรือว่างานเทศกาลริมทะเลสาบนั่นงดงามยิ่ง ข้าเป็นพวกชมชอบ ‘ความงดงาม’ เข้าขั้น ‘ลุ่มหลงมัวเมา’ จะพลาดโอกาสดีงามนี้ไปได้อย่างไรกันเล่า” รัชทายาท “…” ไยข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่ได้มีใจอยากจะชมความงามของงานเทศกาลริมทะเลสาบ แต่อยากชมคนงามริมทะเลสาบมากกว่ากันเล่า?!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD