หรูซื่อพยักหน้ารัวเร็ว “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้เล่า แต่ว่าอาการป่วยของเจ้า…”
“ลูกดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่มิต้องกังวลนะเจ้าคะ ลูกจะรีบไปรีบกลับ”
นางมองบุตรสาวด้วยความห่วงหาอาทรครู่หนึ่งก่อนหันไปหยิบถุงเหอเปามาส่งให้ หลี่อวี้หลันรับมาถืออย่างงุนงง เมื่อสัมผัสถึงความแข็งและน้ำหนักของสิ่งของภายในก็รู้ได้ทันทีว่าในถุงเหอเปานี้จะต้องใส่เงินไว้จำนวนมากเป็นแน่
เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่อวี้หลัน หรูซื่อจึงจับมือบุตรสาวพลางกล่าวอย่างถอดถอนใจ “เอาเงินนี่ไปใช้เถิด เจ้าอยากได้อะไรก็ซื้อมาให้หมด คราวก่อนเจ้าขอเงินแม่ร้อยตำลึง ตอนนั้นแม่กลัวว่าเจ้าจะโดนผู้อื่นล่อลวงจึงไม่ได้ให้ไป เจ้าก็โกรธแม่เสียยกใหญ่ แต่หลังจากเจ้าล้มป่วยแม่จึงคิดได้ว่าเงินทองก็เป็นแค่ของนอกกาย ขอแค่เจ้ามีความสุข ร่างกายแข็งแรง เงินเท่านี้ยังจะนับเป็นอะไรได้”
ได้ฟังเช่นนั้น หลี่อวี้หลันรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ว่าวิญญาณของหลี่อวี้หลันตัวจริงนั้นหายไปไหนแล้ว แต่ในเมื่อคนก็หายไปแล้ว ตัวนางเองก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว เช่นนั้นนางก็ขอกตัญญูต่อมารดาเจ้าของร่างเพื่อเป็นการตอบแทนแล้วกัน
.
.
.
หอรุ่ยอี้ตั้งอยู่ตรงทางแยกมุมถนนย่านการค้า ทำเลตรงนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถนนทั้งสองฝั่งล้วนทอดยาวไปสู่ย่านการค้าทั้งสองฟากของถนนที่แสนคับคั่งไปด้วยผู้คนสัญจร นับว่าเป็นทำเลทองที่ดีที่สุดในย่านการค้าแห่งนี้ นอกจากหอรุ่ยอี้แล้ว ร้านค้าข้างเคียงยังเป็นร้านค้ารายใหญ่ ด้านในวางขายสินค้าคุณภาพดีเต็มไปด้วยของล้ำค่าราคาแพง ลูกค้าที่เดินเข้าออกล้วนสวมใส่อาภรณ์เนื้อดี เครื่องประดับหรูหรา เพียงมองดูก็รู้ว่าล้วนมีแต่พวกชนชั้นสูงในเมืองหลวงทั้งสิ้น
หลี่อวี้หลันเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ที่ยังไม่ออกเรือน เมื่ออยู่ข้างนอกย่อมไม่อาจเปิดเผยหน้าตาให้ผู้อื่นเห็นได้ ยามนี้บนศีรษะของนางจึงสวมหมวกผ้าแพรโปร่งสีขาวปิดบังรูปโฉมงดงามเอาไว้ แม้จะรำคาญสายตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นเท่าใดนัก
ตอนเดินเข้ามาภายในหอรุ่ยอี้ หลงจู๊ผู้ดูแลกำลังรับรองสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งอยู่ เขาไม่ทันสังเกตเห็นหลี่อวี้หลันเพราะมัวแต่ลำบากใจกับคำเรียกร้องของสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้น
ไป๋เยามองหลงจู๊อย่างไม่พอใจที่คุณหนูของตนไม่ได้รับการต้อนรับ กำลังจะตั้งท่าเดินเข้าไปหาหลงจู๊เพื่อตำหนิสักคำสองคำ ทว่ากลับถูกหลี่อวี้หลันดึงแขนเอาไว้ นางหันกลับมาช้อนตามองผู้เป็นนายด้วยสีหน้างุนงงอยู่บ้าง
“ไม่ต้องรีบ ข้ารอได้” น้ำเสียงของหลี่อวี้หลันราบเรียบคล้ายไม่ใส่ใจจริง ๆ ไป๋เยาอดจะประหลาดใจไม่ได้ เมื่อก่อนคุณหนูรองเคยอดทนรอคอยอะไรเสียที่ไหน อย่าว่าแต่หลงจู๊ร้านแพรพรรณเล็ก ๆ พวกนี้ไม่อยู่ในสายตาของนางเลย แม้แต่เหล่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงแห่งนี้หากหาญกล้ามาทำให้คุณหนูรองไม่พอใจ นางก็ไม่ไว้หน้าผู้ใดเช่นกัน
ทว่าคุณหนูรองผู้เอาใจยากเช่นนั้น บัดนี้กลับพูดว่า ‘รอได้’ จะไม่ให้ตื่นตะลึงได้อย่างไร
“คุณหนูของข้าส่งเทียบเชิญให้แม่นางสี่ตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว นางไม่ตอบรับก็ช่างเถอะ คุณหนูของข้าอุตส่าห์ลดเกียรติเป็นฝ่ายมาหานางด้วยตนเองถึงที่เช่นนี้ ไฉนนางยังไม่ยอมออกมาต้อนรับอีก รู้หรือไม่ว่าคุณหนูของข้าคือผู้ใด พวกเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือ*เข้าไปกันหรืออย่างไร!” บทสนทนาจากทางด้านนั้นไม่ได้เบาเลย สาวใช้ข้างกายสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นก้าวออกมาว่ากล่าวยาวเหยียด ท่าทางเย่อหยิ่ง แววตาดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
หลงจู๊ยืนกระสับกระส่ายหลั่งเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง ใช่ว่าเขากินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปเสียเมื่อไหร่ เป็นเพราะแม่นางสี่หร่านผู้นี้หาใช่จะรับมือได้ง่าย ๆ ต่างหากเล่า เมื่อนางพูดว่าไม่พบก็คือไม่พบ เขายังจะทำอย่างไรได้อีก นางเป็นช่างตัดเย็บที่มีฝีมือตัดเย็บสูงส่ง ถึงขนาดกองภูษาในวังหลวงยังต้องการตัว ทั้งยังส่งคนมาทาบทามให้เข้าไปรับใช้ในวังถึงสามครั้งสามคราแต่ก็ถูกนางปฏิเสธกลับไปอย่างนุ่มนวลเสียทุกครั้ง
สตรีเช่นนี้มีหรือที่หลงจู๊อย่างเขาจะบังคับขู่เข็ญได้!
เรื่องเหล่านี้หลี่อวี้หลันก็เพิ่งได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของไป๋เยาตอนอยู่บนรถม้าเช่นกัน ทำให้นางหวนนึกถึงเรื่องราวในต้นฉบับช่วงหนึ่งขึ้นมาได้ จำได้ว่าตอนเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงเล่มที่สิบ มีการกล่าวถึงสตรีผู้หนึ่งนามว่าสี่หร่าน นางเป็นช่างตัดเย็บที่มีฝีมือสูงส่ง อาภรณ์ที่นางตัดเย็บนั้นงดงามวิจิตรตระการตาสร้างชื่อเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง ทว่าชื่อเสียงหรือพรสวรรค์ไหนเลยจะสู้ชนชั้นสูงศักดิ์ได้ เนื้อเรื่องช่วงนั้นกล่าวถึงสี่หร่านที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะไปล่วงเกินเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งเข้า จึงได้รับโทษอาญาถูกจับเข้าคุกหลวง
ที่มีการกล่าวถึงในต้นฉบับขึ้นมาก็เป็นเพราะว่านางร้ายหลี่อวี้หลันต้องการจะตัดเย็บอาภรณ์ออกงานเลี้ยงของพระราชวังที่จะจัดขึ้นช่วงสิ้นปี เมื่อรู้ว่าช่างตัดเย็บผู้เลื่องชื่อถูกจับเข้าคุกหลวงนางก็หัวเสียอย่างยิ่ง ซ้ำยังพาลด่าทอสี่หร่านผู้นั้นว่าช่างโง่เขลาไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามให้กับอำนาจเสียบ้าง โทสะของนางถูกระบายไปสามหน้ากระดาษเลยทีเดียว
คิดมาถึงตรงนี้ หัวสมองของหลี่อวี้หลันพลันสว่างวาบ นางมองไปทางหลงจู๊ที่กำลังพูดคุยกับสตรีสูงศักดิ์ด้วยสีหน้าราวกับกลืนเข็มลงคอ ก่อนหันกลับมาส่งสายตาให้ไป๋เยาขณะคนทั้งสองลอบเดินมาหยุดยืนหน้าประตูหลังร้าน
เมื่อเห็นท่าทางลักลอบคล้ายจะแอบเข้าไปด้านหลังร้านของคุณหนูแล้ว ไป๋เยาถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึก นี่ไม่ใช่กิริยาที่คุณหนูรองหลี่ผู้สูงส่งควรกระทำอย่างยิ่ง หากถูกจับได้ขึ้นมาจะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงกระนั้นหรือ
ไป๋เยาเริ่มร้อนใจแล้ว “คุณหนูคิดจะทำกระไรเจ้าคะ?”
หลี่อวี้หลันกระซิบเสียงจริงจัง “เจ้าเดินเล่นรอข้าอยู่ในร้านก่อน คอยดูต้นทางไว้”
“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! แอบเข้าไปแบบนี้มัน…”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ข้าเข้าไปไม่นานจะรีบออกมา” นางโบกมือตัดปัญหา ไม่ยอมฟังคำทัดทานของไป๋เยาอีก นางลอบมองหลงจู๊แวบหนึ่งก่อนยกมือเปิดผ้าม่านแล้วผลุบกายหายเข้าไปด้านในหลังร้านทันที
ไป๋เยากระทืบเท้าเร่า ๆ ทั้งร้อนใจ ทั้งกังวลใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงแสร้งเดินวนอยู่ในร้านจับผ้าพับนั้นทีผ้าพับนี้ที แต่ในใจนั้นร้อนดั่งไฟแล้ว!