1 เด็กน้อยที่เติบโตในคฤหาสน์

1456 Words
“ยาย…ยายคะ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยยี่สิบสอง ที่มีใบหน้าสวยใส ดวงตากลมโต ตัวเล็กน่ารัก ผิวขาวนวลละเอียดราวกับหยวกกล้วย ดังขึ้นทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ หลังกลับจากมหาวิทยาลัย พราวยังไม่เห็นยายเลย และอีกไม่นานเธอต้องออกไปทำงานพิเศษต่อ เธอจึงอยากเจอยายก่อนออกไปทำงานเหมือนทุกวัน “พราว หายายอยู่เหรอ” เสียงของพี่จุ๊บแจง แม่บ้านอีกคนที่พราวรักและเคารพเหมือนพี่สาวแท้ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง “ใช่ค่ะพี่จุ๊บแจง พี่เห็นยายของหนูบ้างไหมคะ” พราวหันไปถามด้วยใบหน้าหวาน งดงามนุ่มนวลตามแบบฉบับของเธอ จุ๊บแจงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบ “อื้ม~ เหมือนพี่จะเห็นยายเดินเข้าไปในห้องของคุณหญิงจันทร์วาดนะ แต่ไม่แน่ใจว่าออกมาหรือยัง พราวลองขึ้นไปดูสิ” “ได้ค่ะ~ ขอบคุณนะคะพี่จุ๊บแจง” เด็กสาวรับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองอย่างคล่องแคล่ว ร่างเล็กเคยชินกับทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ดี เพราะเธออาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุเพียงสิบขวบ ตอนนั้นเธอยังเด็กมากทั้งซุกซน ขี้เล่น และวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านอยู่เสมอ เพราะยายของเธอทำงานเป็นหัวหน้าแม่บ้าน ของคฤหาสน์หลังนี้มานานแสนนาน นานจนพราวเองยังคิดว่าอาจก่อนเธอเกิดเสียอีก “ตะราชันย์น่าจะกลับไทยเร็วๆนี้ ยังไงฉันฝากให้ป้าทับทิมดูแลเรื่องทำความสะอาด ห้องให้ตะราชันย์ด้วยล่ะ” เสียงของคุณผู้หญิงดังลอดออกมาจากในห้องนอน ห้องพิเศษที่มีเพียงยายทับทิมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูแล “ได้ค่ะคุณผู้หญิง เดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆเข้าไปจัดการทำความสะอาด ให้เรียบร้อยค่ะ” ยายทับทิมรับคำด้วยท่าทีอ่อนน้อม เคารพอย่างที่สุด “อืม~” คุณหญิงจันทร์วาดตอบรับเบาๆ ตามนิสัยสุขุมของเธอ ยายทับทิมลังเลเล็กน้อยก่อนถามต่อ “ว่าแต่…คุณราชันย์ท่านจะมาถึงวันไหนคะคุณผู้หญิง” คุณหญิงถอนหายใจพลางบ่นเสียงเบา “ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ถามไปก็ไม่เคยยอมบอก มีแต่บอกว่าเร็วๆนี้ ลูกคนนี้นะถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงาน คงไม่คิดจะกลับบ้านสักที ไม่รู้ชอบอยู่อะไรนักหนาที่อังกฤษ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเอ็นดูปนเหนื่อยใจ ลูกชายคนโตที่ทุ่มเทให้ธุรกิจมากเกินไปจนลืมบ้านหลังนี้ไปบ่อยครั้ง "คุณราชันย์น่าจะชินอยู่ที่นู่นมากกว่ามั้งคะคุณผู้หญิง" "จะมาชินอะไร แม่ก็อยู่ที่นี่ พี่ชายก็อยู่ที่นี่ ไม่คิดถึงแม่กับพี่ชายบ้างเลยหรือไงก็ไม่รู้ แถมงานที่นี่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะที่ต้องคอยดูแล คลั้นจะให้ฉันกับตะเตโชทำทั้งหมดก็คงไม่ไหวหรอกนะ" คุณหญิงจันทร์วาดบ่นอย่างเอือมๆ ปนคิดถึงลูกชายคนเล็ก เพราะตั้งแต่ที่ลูกชายไปเรียนที่อังกฤษ เขาก็แทบจะไม่กลับมาเยี่ยมบ้านเลย ตั้งแต่ที่สามีของเธอตายจาก ราชันย์ก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย นี่ก็จะเข้าปีที่สิบไปแล้วมั้ง “คุณยายคะ…คุณยาย~” เสียงหวานใสดังขึ้นจากทางประตูที่เปิดค้างไว้ ทำให้ยายทับทิมรีบหันขวับไปมองทันที “พราว~ ว่าไงลูก” ยายทับทิมเอ่ยเสียงดุเบาๆปนสงสัย เมื่อจู่ๆหลานสาวก็โผล่มาถึงห้องของคุณหญิง “ขออนุญาตนะคะคุณผู้หญิง” พราวกล่าวอย่างนอบน้อมก่อนจะเอ่ยธุระกับยายของเธอ “อืม~ ป้าทับทิมไปเถอะ แล้วอย่าลืมให้เด็กๆเข้าไปทำความสะอาดห้องของคุณราชันย์ด้วยล่ะ” เสียงคุณหญิงจันทร์วาดสั่งกำชับ “ได้ค่ะ คุณผู้หญิง” ยายทับทิมรับคำพร้อมโค้งเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหาหลานสาว ที่ยืนยิ้มหวานรออยู่หน้าประตูห้อง “ว่าไงลูก มีอะไรหรือเปล่า” ยายถามด้วยสายตาอ่อนโยน “คุณยาย…” พราวดึงแขนยายเบาๆ พาออกมาจากหน้าห้องคุณหญิง ก่อนหันไปปิดประตูห้องให้คุณหญิงอย่างเบามือ “ว่าไงลูก” เด็กสาวสูดลมหายใจนิดหนึ่งก่อนพูด “คุณยาย หนูคิดถึงคุณยายค่ะ วันนี้หนูต้องไปทำงานแล้วนะคะ แล้ววันนี้เงินเดือนของหนูออกด้วยค่ะ หนูเอาเงินมาให้ยายเก็บไว้นะคะ” พราวจับมือเหี่ยวย่นของยายทับทิม แล้ววางเงินเดือนลงไปในนั้นอย่างตั้งใจ แต่ยายส่ายหน้าทันที “เก็บไว้ที่หนูนั่นแหละลูก ยายไม่ได้ใช้อะไร หนูต้องเอาไว้เรียนไม่ใช่เหรอ ฝึกงานใช้เงินเยอะจะตายไป” “ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูมีเงินไว้ใช้แล้วค่ะ ส่วนนี้หนูตั้งใจให้ยายจริงๆค่ะ รับไว้เถอะนะคะ” ยายทับทิมยัดเงินกลับใส่มือหลานทันที “ไม่เอาหรอกลูก เอาไว้ที่หนูนั่นแหละ ยายอยู่แต่ในบ้าน วันๆไม่ได้ออกไปไหน บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ยายไม่รู้จะใช้เงินทำอะไร หนูเก็บไว้เถอะ” พราวทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยเมื่อยายไม่รับเงิน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าขัด จึงจำต้องเก็บเข้ากระเป๋าตนเองอีกครั้ง “งั้นก็ได้ค่ะ…งั้นหนูขอไปทำงานก่อนนะคะคุณยาย” เธอยิ้มจางๆ ก่อนจะก้มลงกอดยายอย่างแผ่วเบา เต็มไปด้วยความรักและผูกพันอุ่นหัวใจ “จ้าลูก ดูแลตัวเองดีๆล่ะ” ยายทับทิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปนความห่วงใย ที่มีต่อหลานสาวคนเดียวที่เธอรักมาก “ค่ะยาย หนูไปนะคะ” พราวตอบก่อนจะก้มลงหอมแก้มยายหนึ่งทีอย่างเคย ฟอด~ ยายหัวเราะเบาๆ “ดูสิเนี่ย…เป็นสาวแล้วนะเรา ยังทำตัวเป็นเด็กไปได้” “หึๆๆ” พราวยิ้มขำกับคำบ่นแสนอบอุ่น ก่อนจะโบกมือลาแล้วรีบลงบันไดมุ่งหน้าไปทำงานพิเศษประจำวันของเธอ งานที่อาจเหนื่อย แต่เธอก็ทำโดยไม่เคยบ่น เพราะมันคือเงินทุนการศึกษาที่เธอต้องใช้ดูแลตัวเอง และเก็บไว้เพื่อรักษายายบ้าง ในเวลาที่ยายไม่สบายแล้วต้องไปหาหมด อีกอย่างตอนนี้กำลังเข้าสู่เทอมสุดท้าย เธอต้องฝึกงานในโรงพยาบาลบ้าง เรียนทฤษฎีที่มหาวิทยาลัยบ้าง หนักทั้งกายและใจ แต่เด็กสาวก็สู้สุดกำลัง เพราะการเรียนแพทย์ใช้เงินไม่น้อยเลยทีเดียว และเธอไม่มีใครนอกจากยายที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ เธอจึงต้องขยันมากกว่าที่เคย มากจนแทบไม่มีเวลาได้พัก แต่พราวไม่เคยปริปากบ่น เพราะความหวังทั้งชีวิตของเธอ คือการเห็นยายมีความสุข และการได้เป็นหมออย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็ก แอ๊ด~ ทันทีที่พราวเดินลับลงไปจากบันได ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างพอดิบพอดี ยายทับทิมรีบละสายตาจากแผ่นหลังของหลานสาว หันมามองคุณหญิงจันทร์วาดที่เพิ่งก้าวออกมา “คุณผู้หญิง รับอะไรหรือเปล่าคะ” คุณหญิงชำเลืองไปทางบันไดเล็กน้อยก่อนถามเสียงนิ่ง “หนูพราวไปทำงานอีกแล้วเหรอ” “ใช่ค่ะ คุณผู้หญิง” คุณหญิงถอนหายใจเงียบๆ “ฉันก็บอกให้ทำงานอยู่แค่ในบ้านก็ไม่ยอมฟัง ทั้งยายทั้งหลานนี่นะ ไม่รู้จักเกรงใจฉันบ้างเลย” ยายทับทิมรีบก้มหน้า พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ดิฉันเกรงใจคุณผู้หญิงมากค่ะ แค่ได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ก็รู้สึกเป็นบุญคุณมากแล้ว จะให้รับเงินเดือนจากคุณหญิงอีก ก็ยิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ อีกอย่างยัยพราวก็ต้องใช้เงินเรียนเยอะ ดิฉันไม่อยากให้รบกวนคุณผู้หญิงจนเกินไปค่ะ” คุณหญิงจันทร์วาดฟังแล้วส่ายหน้าเบาๆ “อืม~ รบกวนบ้างนิดๆหน่อยๆมันไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็รักหนูพราวเหมือนลูกเหมือนหลาน จะเกรงใจอะไรกันนักกันหนา” คำพูดนั้นทำให้ยายทับทิมถึงกับนิ่งเงียบก้มหน้าลงต่ำ เธอรู้ดีว่าคุณหญิงมีน้ำใจกับสองยายหลานเสมอ ไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยกีดกัน แต่สำหรับยายแค่มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน ไม่ถูกทอดทิ้ง ก็ถือว่ามีพระคุณมากจนไม่กล้าขออะไรอีกแล้ว สองยายหลานไม่เคยคิดเอาเปรียบเจ้าของบ้านเลยจริงๆ เพราะสำหรับพวกเธอ คฤหาสน์หลังนี้คือที่พึ่งพิงสุดท้ายในชีวิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD