บทที่ 4 เก่งเลี้ยงเอง

1620 Words
แม้กรุณาจะใช้รถเมล์สายนี้เป็นประจำเวลามาเรียนทุกวัน แต่รู้สึกไม่ชินสักทีกับการต้องยืนท่ามกลางคนเยอะๆ บนรถเมล์ด้วยความแออัด มันทั้งเมื่อย ทั้งเหนื่อยแต่ทำยังไงได้เธอไม่รวยจนถึงขั้นมีรถขับมหาวิทยาลัย หญิงสาวยืนหอบกระหายด้วยความเหนื่อยเพราะใกล้เวลาที่เธอจะต้องเข้าเรียนในคาบแรกของวันแล้ว ทำให้คนตัวเล็กรีบสาวเท้าวิ่งด้วยความรวดเร็วเพื่อเข้าคลาสเรียนแสนโหดของอาจารย์ที่เป็นสามีของเพื่อนสนิท “อาจารย์ยังไม่มาเหรอ” เธอชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องเรียน นักศึกษาหลายคนยังคงนั่งคุยกันอยู่ หน้าห้องก็ไม่พบร่างสูงของอาจารย์นับแสน มือบางคว้าประตูเปิดออกก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิททั้งสองที่นั่งอยู่ “ไง แม่ชีมาช้านะวันนี้” พลอยไพลินที่กำลังคุยอย่างออกรสอยู่กับคนดีเอ่ยทักผู้มาใหม่ ก่อนจะหยิบเอากระดาษทิชชูขึ้นมาหนึ่งแผ่นแล้วเช็ดลงไปบนใบหน้าของเพื่อนสนิทที่เหงื่อไหลโชก อย่างกับผ่านมรสุมแสงอาทิตย์ใกล้จุดศูนย์สูตรของโลกมา “…” กรุณาไม่ตอบเพราะเธอกำลังเหนื่อยจากการรีบวิ่งมาให้ทัน ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พลอยไพลินอย่างหมดแรง แล้วปล่อยให้เพื่อนสนิทเช็ดเหงื่อบนใบหน้าได้ตามอำเภอใจ “วิ่งมาเหรอณา” “…” เธอพยักหน้าตอบกลับ อยากพูดออกไปแต่ด้วยความเหนื่อยทำให้ลำคอแห้งผากด้วยความกระหายน้ำ ในใจพลางคิดว่าไม่น่าลืมหยิบน้ำที่วัดมาเลย หิวน้ำจะแย่อยู่แล้ว “เอาน้ำไหม เราซื้อมาสองขวดนะ พอดีมันลดราคาว่าจะไม่ซื้อน้องพนักงานก็ยุจนเผลอตัวซื้อจนได้” “น้องเขายุหรือมึงหลงเบ้าหน้าน้องเขาค่ะอีคนดี กูเห็นนะน้องเขายังเสนอขายไม่จบมึงก็ตอบกลับอย่างไวว่าเอาค่ะ” “เบ้าหน้าน้องเขาดี กูเลยอยากช่วยซื้อ” “ไหนบอกไม่ชอบเด็กไง” “อย่าเพิ่งเถียงกัน ณาขอกินน้ำก่อนนะคนดี” “ลืมเลย” คนดีรีบหยิบขวดน้ำขนาดเล็กส่งผ่านหน้าพลอยไพลินให้กรุณาที่รอรับอยู่ คนรับไม่รีรอคว้าขวดน้ำขึ้นเปิดแล้วยกกระดกดื่มไปกว่าครึ่งขวด “ค่อยๆ ณาเดี๋ยวก็สำลักหรอก” แค่ก! แค่ก! “พูดไม่ทันขาดคำจริงๆ เลย โอเคมั้ยแม่ชี” “…” กรุณายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เพื่อนสนิททั้งสองว่าโอเค เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาจารย์นับแสนเดินเข้ามาในห้องเรียนพอดี ภายในห้องเรียนที่แสนวุ่นวายด้วยเสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนก็ใกล้จะเรียนจบเต็มที เหลืออีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น พออาจารย์นับแสนเดินเข้ามาภายในห้องก็เงียบสงบลงทันที เมื่ออาจารย์เริ่มสอนกรุณาจึงเปิดหนังสือที่ใช้ประกอบการเรียนขึ้นมาดูสลับกับมองบนหน้าจอผ้าใบสีขาวที่กำลังฉายบทความสำคัญพร้อมเสียงเข้มๆ ของอาจารย์ที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้ส่งมา แต่หางตาของเธอก็ไม่วายหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่นั่งกระซิบกระซาบกันอยู่ “ให้เราฟ้องอาจารย์มั้ยว่าพริกกับคนดีไม่ตั้งใจเรียน บางทีวันเกิดของพริก…” “โอเคๆณา น้องพริกคนสวยจะตั้งใจเรียน”พลอยไพลินเลิ่กลั่กไม่ไหว เมื่อคำขู่ของกรุณาคืองานวัดเกิดที่กำลังจะจัดขึ้นที่เสม็ดของเธออาจจะถูกยกเลิกเพราะความไม่ตั้งใจเรียนอย่างที่เคยสัญญาไว้กับคุณสามีทั้งสาม กรุณาขำออกมากับคำพูดและท่าทางของเพื่อนสนิท แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงคนอย่างพลอยไพลินก็ไม่ยอมจำนนต่ออะไรง่ายๆ ยังไงเพื่อนสาวคนนี้ก็หาทางไปจนได้อยู่ดี “ฟ้องเลยณา เดี๋ยวเราช่วย” คนดีเอ่ยเสริม ใช่ว่าเธอจะอยากไปงานวันเกิดของพลอยไพลินถึงเกาะเสม็ด แต่เพราะรับปากไปแล้วจึงไม่อยากปฏิเสธให้เพื่อนรักต้องเสียใจ “ห้ามฟ้องนะแม่ชี อีคนดี” “ไม่ฟ้องก็ได้ ตั้งใจเรียนได้แล้วอาจารย์นับแสนจ้องเขม็งแล้วนั่น” ระหว่างที่พวกเขาทั้งสามกำลังหยอกล้อกันอยู่ ถึงแม้เสียงพูดคุยจะเบาแต่ดูเหมือนพวกเธอทั้งสามจะเป็นจุดสนใจของอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง กำลังจ้องพวกเธอด้วยสายตาดุ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็ตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง ถึงแม้เพื่อนสนิททั้งสองจะหลุดแอบไปคุยกันบ้าง แต่กรุณาก็เรียกกลับมาได้อยู่ดีจนเวลาล่วงเลยไปจนหมดคาบเรียน “เฮ้อออ หมดคาบสักที กูง่วงมาก” พลอยไพลินบ่นพึมพำสองมือยกขึ้นบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยล้า กรุณายกยิ้มส่ายหัวให้กับท่าทางของเพื่อน นี่ขนาดเป็นวิชาของอาจารย์นับแสนเพื่อนของเธอก็ยังง่วงได้ “ไปหาข้าวกินกัน กูหิวสุดๆ ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้อง” “ไปสิ แต่เราขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะแล้วจะตามไป” “ตามนั้น รีบตามมานะ” คนตัวเล็กลงมือเก็บอุปกรณ์การเรียนทั้งหมดใส่กระเป๋าผ้า ก่อนจะเดินออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากออกจากห้องน้ำ กรุณามุ่งตรงลงจากตึกเรียนไปยังโรงอาหารที่อยู่ตึกถัดไป แต่แล้วก็มีเพื่อนนักศึกษาสองคนเดินชนไหล่เธอจนเกือบล้ม ดีที่การทรงตัวของเธอพอมีอยู่บ้างทำให้แค่เซนิดๆ “เลิกตามสักทีได้ปะ รำคาญว่ะ” “อะไรกันค่ะเก่ง เมื่อวันก่อนคุณไม่ได้พูดแบบนี้กับนาวเลยนะ ไหนบอกอยากอยู่กับนาวไง แล้วทำไมวันนี้เอาแต่ไล่” สองเท้าเล็กกำลังจะขยับเดินให้พ้นทาง แต่ดูเหมือนสองคนที่กำลังทะเลาะกันจะไม่ยอมเปิดทางให้เธอเดินออกไปจากตรงนี้ กรุณาเงยหน้ามองทั้งคู่ เพราะพวกเขาตัวสูงกว่าดูแล้วเธอก็แค่ไหล่ของผู้ชายปากร้ายคนนั้น ส่วนผู้หญิงที่เดินชนเธอก็สูงเพราะรองเท้าส้นสูงเกือบสี่นิ้วที่เธอคนนั้นสวมอยู่ “ขอทางได้มั้ยคะ” “ทางก็มีเยอะแยะทำไมไม่ไปเดินละย่ะ เห็นมั้ยว่าคนเขาคุยกันอยู่” เสียงแหลมบาดหูของเธอคนนั้นดังเขาโสตประสาท กรุณาไม่ตอบนอกจากยืนจ้องผู้หญิงคนนั้นอยู่แบบนั้นเงียบๆ “เธอคนเมื่อเช้า” “เอ๊ะ! อ๋อ เก่งนี่เอง” เธอเพิ่งจำเขาได้ตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยทัก “จะไปไหนเหรอ” “ไปกินข้าวนะ พอดีณานัดเพื่อนเอาไว้ ขอตัวก่อนนะ” “กำลังหิวพอดี ไปกัน” คนมือไวคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็โดนลากออกไปจากตรงนั้นแล้ว ตามด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น ให้เดาเธอคนนั้นคงไม่พอใจที่คนเก่งลากเธอออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของเธอถึงได้เดินเข้าไประหว่างที่พวกเขาทะเลาะกันอยู่ “นี่ปล่อยได้แล้ว” กรุณาสะบัดมือของคนเก่งออก ระหว่างทางที่เขาลากเธอมามีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาตลอด “จะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ ก็จะพาไปอยู่นี่ไง” “ณาเดินเองได้ค่ะ” ใบหน้าหล่อของเขามันกรุ้มกริ่มส่งยิ้มมาทางเธอแปลกๆ ท่าทางแบบนี้เธอไม่คุ้นเคยเอาซะเลย “เดี๋ยวก่อนสิ เธอจะกินอะไรเดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเอง” กรุณากึ่งเดินกึ่งวิ่ง แต่สงสัยเธอขาสั้นเกินไปเพราะสุดท้ายเขาก็มาเดินข้างๆ เธออยู่ดี “ไม่…” จังหวะที่กรุณากำลังจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะเขาเอาแต่จ้องเธอไว้วางตา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันหมุนตัวมาเดินอีกด้านที่เธอกำลังหันไปทำให้เราทั้งสองคนสบตากันพอดี เขามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าหล่อที่แอบซ่อนความร้ายกาจไว้ คิ้วเข้มเฉียงโค้งขึ้นเล็กน้อย ดวงตาใสซื่อแต่หากมองเข้าไปด้านในจะรู้ว่าดวงตาคมนั้นร้ายดุจเสือที่พร้อมขย้ำเหยื่อให้จมเขี้ยว ริมฝีปากรูปกระจับทรงสวยกำลังคลี่ยิ้มหวานออกมาเหมือนกำลังล่อเหยื่อให้ติดกับ สรุปโดยรวมผู้ชายตรงหน้าเธอคงตกผู้หญิงให้เดินตามกันเป็นแถวแน่นอน “นั่นมันคนเก่งที่อยู่คณะวิศวะป่ะ ตัวจริงหล่อโคตรเลยแก” “โอ๊ยยย ฉันอยากได้เขา” เสียงของสาวๆ หลายคนดังเข้ากับหู ในตอนนั้นเองที่เธอตั้งสติได้แล้วรีบถอยหลังออกห่าง ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะฮอตในหมู่สาวๆ น่าดู กรุณาที่ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้จึงรีบเดินออกไปจากตรงนั้น แต่คนเก่งก็ใช่ว่าจะยอมแพ้รีบสาวเท้าตามเธอไปในทันที ทั้งที่ตอนนี้เขาสงสัยในตัวเองแทบตายว่าทำไมต้องมาตามรุ่นพี่สุดเฉิ่มคนนี้อยู่ได้ “มาแล้วเหรอแม่ชี กินไรดี” “ไม่รู้เหมือนกัน พริกกินอะไรเหรอ” กรุณาเอ่ยถาม เหมือนจานก๋วยเตี๋ยวในมือของเพื่อนสนิทมันล่องหนได้จนเธอไม่เห็น “ก๋วยเตี๋ยวไงณา” “จริงด้วย” กรุณาส่งยิ้มบางๆ ให้เพื่อนสนิท สงสัยเธอจะบ้าไปแล้วแน่ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD