บทที่ 01 เพราะเหล้าเป็นเหตุ [2]

1872 Words
บทที่ 01 เพราะเหล้าเป็นเหตุ [2] VIP ZONE ชั้นสอง “ทุกคน ฉันพาเขามาแล้ว” น้ำเสียงของแพตตี้ตื่นเต้นกว่าใคร เธอไม่เพียงจูงมือศิลาขึ้นมาถึงชั้นสอง แต่ยังอาสาเปิดตัวเขาในฐานะแฟนของณาลัลน์ให้คนอื่นๆ ได้รู้เสร็จสรรพ ทำเอาณาลัลน์ที่เดินตามมาถึงกับหน้าเหวอ “ตลอดเลยนะแก ไม่คิดจะเลิกนิสัยเก็บของดีไว้กินคนเดียวเลยหรือยังไง” ‘ขนมต้ม’ เพื่อนสาวสองของณาลัลน์หันมาแซว ดวงตาเป็นประกายจ้องมองศิลาราวกับเจอเหยื่อ “ฉัน...” “ชื่อข้าวต้มนะคะ เป็นคนสวยที่สุดในแก๊ง ส่วนที่หน้าเหวี่ยงๆ คนนี้ชื่อแพตตี้ ดูหยิ่งหน่อยนั่นชื่อเอิร์น ส่วนลุคคุณหนูคนนี้ชื่อนุ่มนิ่มค่ะ แล้วคุณพี่ชื่ออะไรคะ” ขนมต้มถือโอกาสแนะนำตัวเองและเพื่อนๆ ให้ศิลาได้รู้จัก ได้ยินแล้วณาลัลน์ถึงกับกลอกตาเซ็ง เดิมทีแล้วชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เพื่อนสาวสองคนนี้ของเธอคือนายขนมต้ม แต่พอเปิดตัวว่าเป็นสาวสอง ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นข้าวต้มเสียอย่างนั้น “เอ่อคือ...” “เขาชื่อพี่จากัวร์ ยัยลัลน์มันบอกฉันเมื่อกี้” ณาลัลน์นึกอยากจะเดินไปตีปากแพตตี้เหลือเกิน เธอเริ่มมองหน้าศิลาไม่ถูกแล้ว “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่จากัวร์ ตามสบายเลยนะคะ ที่นี่มีแต่คนกันเอง ไม่ต้องตกใจกับอะไรที่พี่เห็นหรอกค่ะ เพราะเดี๋ยวถ้าพี่เห็นยัยลัลน์มันขึ้นโต๊ะพี่จะ อุ๊บ” ณาลัลน์รีบหันไปตะครุบปากขนมต้มเอาไว้แทบไม่ทัน จากนั้นก็ค่อยๆ หันไปมองหน้าศิลาช้าๆ แต่พอเห็นว่าเขามองเธออยู่ด้วยสายตาตกใจ เธอก็รีบยิ้มแห้งใส่เขาทันที แน่นอนว่าศิลาตกใจมากเมื่อได้เห็นกลุ่มเพื่อนของณาลัลน์ แต่ที่เขาตกใจที่สุดเหมือนจะเป็นคำว่า ‘ขึ้นโต๊ะ’ ณาลัลน์น่ะเหรอจะกล้าทำอย่างนั้น “ฮั่นแน่ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าโดยยัยลัลน์หลอกมาแน่ๆ มันทำตัวใสๆ ตกพี่มาล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะคะว่ายัยนี่น่ะมันเสือร้าย” “แกหุบปากไปเลยนะอีหนม” ท่าทีเกรี้ยวกราดของณาลัลน์ทำเอาศิลาอึ้งไปอีกรอบ “ฉันไม่น่าอ่านไลน์กลุ่มเลยจริงๆ” ณาลัลน์บ่นอุบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา และไม่ลืมที่จะขยับให้ศิลานั่งลงข้างๆ “เอาน่า เพื่อนแค่แกล้งขำๆ แกเปิดตัวผู้ทั้งที ก็ต้องรับน้องกันหน่อยสิวะ” “ฉันไม่ขำโว้ย พวกแกกำลังเข้าใจผิดแถมยังทำให้ภาพลักษณ์ฉันเสียหาย อุ๊ย ขอโทษค่ะ” ณาลัลน์พยายามที่จะอธิบาย แต่พอหันมาเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของศิลา เธอก็ต้องรีบยิ้มแห้งแล้วเอ่ยขอโทษเขาทันที “อุ๊บ มีมารยาท ปลอมเก่งงง” “อี...” “โอเคๆ ฉันไม่แกล้งแกแล้วก็ได้ ตกลงว่าพี่คนหล่อคนนี้เขาเป็นอะไรกับแก ผัว เอ๊ย แฟน คนคุย หรือว่ายังไงดี ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว” คำถามอย่างตรงไปตรงมาของเพื่อนสาวสองทำให้ณาลัลน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปรับสีหน้าจริงจังพลางหันไปสบตากับศิลาแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกผิด “พี่เป็นแฟนน้องลัลน์ครับ” “วิ้วววว/พะ พี่จากัวร์” ณาลัลน์เบิกตาโพลง เมื่อครู่นี้ที่เธอมองเขาก็เพราะยังไม่รู้ว่าจะแนะนำสถานะของเขาว่าอย่างไร เลือกไม่ถูกระหว่างพี่ชาย หรือว่าเจ้านาย เผื่อว่ามันจะทำให้เพื่อนของเธอลดความแก่นใส่เขาลงเสียบ้าง แต่ไม่คิดว่าเขาจะเลือกใช้สถานะนั้นที่ไม่ได้มีอยู่ในความคิดของเธอมาก่อน “เรียกพี่ว่า...” “พี่จากัวร์” ศิลากลืนคำว่าศิลากลับลงคอไปในทันที แม้จะไม่คุ้นชินกับการที่ถูกคนอื่นเรียกชื่อเล่นของเขาสักเท่าไร แต่ดูจากสถานการณ์แล้วต่อให้พูดไปก็ไม่น่าจะมีใครฟังเขาแน่นอน ก๊อกๆ “สวัสดีครับสาวๆ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินมาทำทีเป็นยกมือขึ้นเคาะอากาศเอ่ยทักทาย เนื้อเสียงนุ่มทุ้มของเขาดึงสายตาของทุกคนที่นั่งหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ให้หันไปมองทันที “สวัสดีครับน้องลัลน์” “แหม นั่งอยู่กันตั้งหลายคน พี่ปิติทักยัยลัลน์คนเดียวเองเหรอคะ น่าน้อยใจจัง” “สวัสดีครับน้องขนมต้ม” “ข้าวต้มค่ะ เรียกใหม่” คนถูกเรียกชื่อเดิมรีบย้ำ เรียกเสียงหัวเราะครืนได้จากทุกคนที่นั่งกันอยู่ไม่เว้นแม้แต่ศิลาที่นั่งอมยิ้มมุมปาก “ครับ น้องข้าวต้มคนสวย” “เริ่ดค่ะ พี่ทำถูกต้องแล้ว อ้อ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยค่ะ คืนนี้ยัยลัลน์มันมากับผะ...” “อะแฮ่ม” “แฟนค่ะ ให้เกียรติเปิดตัวที่ร้านพี่เป็นที่แรก” “พอ” นี่ถ้าไม่ติดตรงที่ศิลานั่งขวางอยู่ คนที่ยังพูดไม่หยุดคงถูกกระชากหัวมาโขกกับโต๊ะไปแล้ว “ยินดีต้อนรับนะครับ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” “ครับ” ศิลาบอกเสียงเรียบ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายอะไรเพราะเขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร “ไหนๆ วันนี้น้องลัลน์เปิดตัวแฟนทั้งที เอาเป็นว่าพี่เลี้ยงก็แล้วกันนะครับ” “พูดเองน้า” แพตตี้รีบคว้าโอกาส “แน่นอนอยู่แล้วครับน้องแพต” “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รบกวนดีกว่า” ศิลาแย้งขึ้นมาเสียเฉยๆ ทำเอาณาลัลน์ต้องรีบหันไปมองหน้าในทันที “พี่เลี้ยงเองดีกว่าค่ะ” “แต่ว่า...” ณาลัลน์กำลังจะห้าม เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเวลาที่เธอกับเพื่อนมาดื่มที่ร้านนี้แล้วเจอกับปิติ ซึ่งนอกจากจะเป็นรุ่นพี่ของเธอสมัยเรียนแล้ว เขาก็ยังเป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ด้วย ปิติก็มักจะออกปากเลี้ยงมิกซ์เซอร์อยู่แล้ว ส่วนที่แซวๆ กันเมื่อครู่ก็แค่มุกตลกที่ตบกับโบ๊ะบ๊ะๆ กันมาตั้งแต่สมัยเรียนเท่านั้นเอง แต่นอกจากเธอจะนึกคำพูดเพื่อห้ามศิลาไม่ออกแล้ว เขายังทำให้เธอตกอยู่ในอาการตกใจด้วยการยกมือขึ้นมาวางบนหัวเธอเบาๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่วางเบาๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแต่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเขากระชากลงจากหน้าผาสูงชัน รู้สึกหวิวๆ ในอก รอบกายว่างเปล่าไปเสียเฉยๆ “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของนุ่มนิ่มทำให้ณาลัลน์สะดุ้งตัวโยน กำลังจะยกมือขึ้นเพื่อจับมือของศิลาออกจากหัว แต่เขาก็เหมือนจะได้สติไวกว่า ดึงมือออกไปด้วยตัวเองทันทีจนเธอต้องยกมือขึ้นทำทีเป็นจัดทรงผมแก้เขิน “เชื่อแล้วค่ะว่ารักกัน แหม อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าคืนนี้พี่จากัวร์เห็นธาตุแท้ของยัยลัลน์แล้วจะรีบเผ่นรึเปล่า” “เบาได้เบานะอีหนม” “เบาไม่ได้หรอก คนเราจะคบกันมันต้องเริ่มจากจริงใจต่อกันเสียก่อน เพราะฉะนั้นก็ให้รู้กันไปเลยว่าไหวหรือไม่ไหว ถ้าไม่ไหวจะได้แยกย้ายกันไปต่อ ดีออกไม่ได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งสองฝ่าย” “นี่ตกลงพวกแกเรียกฉันมาฆ่าใช่ไหม” ณาลัลน์อดไม่ได้ที่จะถาม “เปล่า ที่นั่งกันอยู่เนี่ย ไม่มีใครฆ่าแกได้นอกจากตัวแกเอง” ศิลาที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ แอบยิ้ม ระหว่างนั้นเขาก็ยังคงสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มรุ่นน้องเหมือนจะยังแอบมองณาลัลน์อยู่ตลอด ขนาดที่ว่าบังเอิญสบตากับเขาแล้วเห็นว่าเขามองอยู่ อีกฝ่ายก็ยังไม่คิดจะหลบสายตา “พี่ปิติคะ” “ครับน้องเอิร์น” “ไม่มีงานทำเหรอคะ หรือว่าตั้งใจขึ้นมาดูแลใครที่ชั้นสองเป็นพิเศษ” ณาลัลน์อยากจะยื่นเท้าไปกระทืบเท้าเพื่อนเหลือเกิน ไม่สิ ความจริงเธอยื่นไปแล้วแต่ว่าดันชนกับขายาวๆ ของศิลาเข้าพอดี “แฮ่ จะเตะขามันค่ะ” สารภาพแล้วยิ้มแห้งอีกตามเคย หันมาอีกทีปิติก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว ณาลัลน์มองเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินกลับลงไปที่ชั้นล่าง “ชอบเขาเหรอคะ” ศิลาโน้มใบหน้าลงมากระซิบถามใกล้ๆ เขาเพียงไม่ต้องการจะให้คนอื่นได้ยิน แต่ไม่ทันระวังว่ามันจะใกล้เกินไปจนทำให้เธอตกใจ นั่งตัวแข็งทื่อ ณาลัลน์รู้สึกจักจี้ยามเมื่อลมหายใจของเขาเป่ารดที่หลังหู เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามเก็บอาการทั้งที่ขนลุกชัน เพราะหากถูกจับได้ว่าเธอบ้าจี้แล้วล่ะก็ ไอ้พวกเพื่อนตัวแสบของเธอคงได้เอามาล้อหรือหาเรื่องแกล้งแน่ๆ “น้องลัลน์คะ” “เอ่อ ปะ เปล่าค่ะ ลัลน์กับพี่ปิติรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน แค่สนิทกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้องเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้มีอะไร” “แต่พี่ว่าเขาดูเหมือนจะชอบน้องลัลน์นะคะ” “สำหรับลัลน์ ถ้าชอบแล้วไม่บอกก็เท่ากับไม่ชอบค่ะ ลัลน์ไม่ได้มีญาณทิพย์ สัมผัสจิตใครเองไม่ได้” คำอธิบายของณาลัลน์ทำเอาศิลาขำพรืด ดูเหมือนว่าการจับพลัดจับผลูถูกเพื่อนของเธอลากเข้ามาในไนต์คลับคืนนี้จะทำให้เขาได้เห็นณาลัลน์ในมุมที่ไม่เคยเห็นเยอะอยู่พอสมควร “นี่คิดว่ามากันสองคนเหรอคะ” “พอน่าอีข้าว คืนนี้แกเล่นใหญ่ไปแล้วนะ เดี๋ยวจะโดน” ณาลัลน์อดจะหันไปคาดโทษเพื่อนไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแก้วเหล้าที่ชงเสียสีเข้ม “นี่แกกลัวเปลืองค่ามิกซ์เซอร์หรือยังไง” “ไม่ได้กลัว เพราะฉันไม่ได้จ่าย แต่อยากดูระบำเปลื้องผ้า” “อี...” “นี่ของพี่จากัวร์นะคะ บางๆ ก่อน ค่อยๆ เมา ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวไม่สนุก” ศิลายิ้มมุุมปาก ก่อนยื่นมือไปรับแก้วเหล้ามาจากเพื่อนของณาลัลน์ตามมารยาท ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย และยังคงถือแก้วเหล้าติดมือเอาไว้ตลอดเวลา เขาไม่วางแก้วเหล้าสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก ต่อให้จะคิดว่าทุกคนรอบกายของเขาในคืนนี้ดูไว้ใจได้แต่ก็ทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว “อีลัลน์ หมดแก้ว” ณาลัลน์สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียกด้วยสรรพนามแสดงความสนิทสนม แม้จะคุ้นชินแต่ก็แอบกลัวว่าศิลาจะรู้สึกไม่ดี เลยอดที่จะมองค้อนใส่เพื่อนไม่ได้ คิดในใจเพียงว่าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อชั่วโมงก่อนได้ เธอจะไม่มีทางเปิดอ่านไลน์กลุ่มเด็ดขาด “เออ หมดก็หมด หมดกันภาพลักษณ์ที่สั่งสมมา ไม่มีอะไรเหลืออะไรแล้ว” ณาลัลน์ประชดคำโตพลางยื่นแก้วออกไปสุดแขนเรียกเสียงหัวเราะครืนจากทุกคนได้อีกรอบ โดยเฉพาะจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD