บทที่ 5 ล่าสัตว์

1445 Words
พอคนจากไปแล้ว อุไรพรจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอยุ่งอยู่กับการดูอาการบาดเจ็บของดุจเดือน ก่อนหน้านี้ดุจเดือนมักจะซ่อนตัวและไม่เห็นบาดแผลบนร่างกายของเธอเลย ตอนนี้เธอมองเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าหนังศีรษะไม่มีที่ดีสักแห่ง ล้วนมีแต่แผลใหม่และแผลเก่าที่ถูกพลศักดิ์ทุบตี ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี้!" กาญจนาตะโกน กาญจนาประคับประคองครอบครัวหนึ่งได้ นิสัยไม่ได้อ่อนแอเหมือนอุไรพร มิฉะนั้นก็จะคงจะไม่สามารถต้านทานครอบครัวตระกูลจิรพิทยาวงษ์ที่มากมายในห้องโถงหน้าบ้านได้ แม่แท้ๆ สร้างปัญหาให้คุณแล้ว" ดุจเดือนสบตาด้วยความรู้สึกผิด น้ําตาก็ไหลรินลงมาไม่หยุด กาญจนาตอบกลับว่า: "สร้างปัญหาอะไรกัน นั่นคือพวกคนเหล่านั้นทําผิดเอง ต่อไปคุณต้องปกป้องตัวเองให้ดีต่างหากล่ะ ปล่อยให้เขาตีได้ตามใจชอบได้อย่างไร แม้แต่คําขอให้ช่วยชีวิตก็ไม่ตะโกน ถ้าไม่ใช่อุไรได้ยิน แล้วเธอจะทําอย่างไรดี?” อุไรพรรู้สึกว่ากาญจนามีเหตุผล ดุจเดือนมีสภาพจิตที่ไม่ค่อยแข็งแรงเพราะอยู่กับความรุนแรงในครอบครัวเป็นเวลาหลายปี พอโดนตี ได้แต่ร้องครวญคราง ไม่มีแม้แต่ความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอด ดุจเดือนยิ่งรู้สึกผิด เช็ดน้ําตาไม่หยุด อุไรพร และกาญจนา มองหน้ากัน ต่างก็ถอนหายใจเบา ๆ รู้ว่าการมาพูดอะไรมากในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เอาล่ะ เวลาก็ดึกแล้ว เธอกลับไปเรือนหอไปก่อน เดี๋ยวฉันจะดูแลแม่เธอให้เอง อุไรพรรู้ว่าการขอตัวออกมานั้นไม่เหมาะสม ตอนนี้ก็ยังเห็นเลือดในคืนแต่งงานอยู่      แต่แม่สามีของตัวเองใจดี ไม่ได้ตําหนิอะไรมาก อุไรพรกลับไปที่ห้องแล้วมองไปที่พงศ์เทพที่อยู่บนเตียง เตียงใหญ่ขนาดนี้ คุณจำเป็นต้องมานอนตรงกลางด้วยหรอ" เธอพึมพําไปหนึ่งประโยค แล้วก็พลักคนให้เข้าไปข้างในหน่อยอย่างแรง ด้วยวเหตุนี้จึงมีที่ว่างสําหรับการนอนแผ่อย่างสบายใจแล้ว กลับสบายกว่าเตียงทรุดโทรมของตระกูลสุพรรณศิลป์เป็นหมื่นเท่า เพียงแต่ดูเหมือนมีอะไรนูนๆอยู่ใต้ผ้าปูที่นอน มันคืออะไรกันนะ อุไรพรนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาเปิดดู เป็นพวงหยก ถึงจะเป็นหยกแต่ก็ดูเหมือนเป็นกลไก เธอกลับไปนอนใหม่ ถือพวงนี้ไว้ หันหน้าไปทางพงศ์เทพ "ตาคนนี้หนิ แอบซ่อนเงินส่วนตัวไว้หรอ หยกนี้สีสวย คงคุ้มค่าเงินไม่น้อยมั้ง คิ้วอันสง่างามของพงศ์เทพดูเหมือนจะขมวดเล็กน้อย อุไรพรก็ไม่ได้สนใจอะไร พึมพำกับตัวเองด้วยความเบื่อหน่ายว่า "วางใจได้ ฉันจะไม่ขายไป แม้ว่าฉันจะรักเงิน แต่ก็รู้ว่าเงินควรได้มาอย่างถูกศีลธรรม” ฉันแค่ดูเฉยๆ คุณอย่าใจร้อนนะ พงศ์เทพ: ...      ที่เขาใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ แม้ว่าการกินสิ่งนั้นเข้าไปดูเหมือนจะทำให้สบายตัวมากขึ้นจริง ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้ แม้ว่าเธอจะขายไป แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้     นั่นเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้เขา แต่จนเขาเป็นลมไปก็แก้ไม่ได้เลย เฮ้ แก้ได้แล้ว! พงศ์เทพ: ... เขาอยากจะลืมตาและดูว่าหยกนี้แก้ได้อย่างไร เธอเหมือนอ่านใจตัวเองออก แล้วพูดกับตัวเองต่อว่า มันง่ายมาก แค่ทำแบบนี้ แล้วทำแบบนั้น แล้วก็ทำแบบนี้ก็แก้ได้แล้ว พงศ์เทพ: ที่บอกไปแล้วก็เหมือนไม่ได้บอก เมื่อฟังเสียงกริ๊ง ๆ ของกำไลหยกนหยก พงศ์เทพก็อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยว่าเจ้าสาวที่อยู่ข้างๆนี้เป็นคนแบบไหนกัน อุไรพรเล่นไปสักพักก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว เจ้าของกำไลหยกร่างกายได้รับความเสียหายอย่างมากและต้องการการพักฟื้นที่ดี ฝันดีทั้งคืน เมื่ออุไรพรตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองกายทับอยู่บนร่างของพงศ์เทพ อุไรพรขอโทษอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปก่อน      แม้ว่าพงศ์เทพจะข่มตานอน แต่ก็นอนไม่หลับทั้งคืนจริง ๆ อุไรพรนอนไม่ค่อยหลับ ทั้งตะเกียดตะกาย และมักจะละเมอ พูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจ "สามีของฉันเดบิวต์เป็นเทรนนี่แล้ว"  "อยากกินขนมคิทแคทแล้ว”อะไรอย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าเทรนนี่คืออะไร และก็ไม่รู้ว่าขนมคิทแคทคืออะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าในหัวของเธอนั้นมีอะไรบ้าง อุไรพรเพิ่งออกไปข้างนอก แล้วกาญจนาก็พาหมอคนหนึ่งมาพอดี อาหารเช้าอยู่ข้างหน้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไว้เธอไปกินละกัน แม่ให้คนมาดูอาการป่วยของเจ้าพงศ์" กาญจนากล่าว อุไรพรพยักหน้าและเดินไปที่ห้องข้างหน้า หมอตกตะลึงกับใบหน้าที่น่าเกลียดและน่าอับอายของอุไรพร และพูดเสียงต่ำๆว่า "แม้ว่าจะไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ แต่นี่ก็... อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกสิคะ ลูกสะใภ้ของฉันดีมาก" กาญจนาพูดขัดจังหวะ หมอจ้าวได้แต่เอามือปิดปาก ไม่คิดว่ากาญจนาจะเริ่มปกป้องลูกสะใภ้คนนี้แล้ว แม้จะรู้ว่านี่เป็นเรื่องมงคล แต่รูปลักษณ์แบบนี้มองอย่างไรก็รู้สึกว่าโชคร้ายมาก ไม่เหมือนคนที่ดูจะนำโชคลาภมาให้ได้เลย เมื่อมาถึงในห้อง หมอจ้าวได้เตรียมคำพูดสำหรับวิธีปลอบโยนกาญจนาไว้เป็นอย่างดี ไม่เคยคิดว่าเพียงเอามือแค่จับชีพจร จะทำให้ชีพจรที่ก่อนหน้านี้อ่อนแอจะกลับมาแข็งแกร่งได้จริงๆ! งานมงคลครั้งนี้! ได้ผลจริงๆด้วย!? อีกด้านหนึ่ง อุไรพรและดุจเดือนกินข้าวกันที่โต๊ะเดียวกัน อุไรพรพูดว่า "แม่ เมื่อวานหนูคิดแล้วว่า ตระกูลจิรพิทยาวงษ์สามารถรับเราไว้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หนูกับแม่สองคนก็ต้องช่วยกันด้วย” ดุจเดือนพยักหน้าก้มหน้าด้วยความหดหู่ "แต่แม่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทําได้แต่การเกษตร จะหาเงินได้ที่ไหนล่ะ?” แม่อย่าดูถูกตัวเองสิ ก่อนหน้านี้แม่ยังเย็บผ้าคลุมเจ้าสาวให้หนูอยู่เลย หนูห็นวิธีเย็บปักที่ประณีตแล้ว คิดว่าในเมืองนี้คงทำเงินได้มากที่เดียวเลยล่ะ" อุไรพรพูดปลอบใจ ดุจเดือนโดนกดความภาคภูมิใจในตนเองมาเป็นเวลานาน จนไม่รู้ข้อดีของตัวเอง ฉันก็ไม่ได้คิดจะอยู่เฉยๆหรอกนะ ฉันกำลังคิดว่าจะทําอาหารว่างไปขายในเมืองดีไหม พวกเรามาสู้ไปด้วยกันนะ " อุไรพรวางแผนที่จะล่าสัตว์มากกว่า แต่กลัวดุจเดือนจะเป็นกังวลเลยไม่ได้วางแผนที่จะบอก ถ้าอย่างนี้แล้ว ดุจเดือนก็พอจะมีหวังบ้าง ดวงตาก็สดใสขึ้นเล็กน้อย อุไรพรมีทักษะการวางแผนที่แข็งแกร่งและพบเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ได้ในสวนหลังบ้าน ซึ่งก็คือการขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับทำขนม ความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในสมัยโบราณ บนภูเขามีสมุนไพรเยอะ ยังมีนกและสัตว์ป่าอีกมากมาย      อุไรพรตัดสินจากเส้นทางที่เดินโดยคิดว่ายิ่งมีคนเดินน้อยเท่าไร สัตว์ป่าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ใช้วัสดุในพื้นที่ อุไรพรทําธนูไม้ขึ้นมา เธอซุ่มรออยู่ในป่าไม้ลึกและกำลังรอจังหวะเวลาอยู่ ไม่นานกวางตัวผู้ที่แข็งแรงก็ออกมาหาอาหาร เธอเบิกตาโต ชักคันธนูและทำเสียงหวือ ทําให้นกในป่าตกใจแล้วบินหนีกระจัดกระจาย มีกลิ่นเลือดโชยออกมาจากป่า ตระกูลจิรพิทยาวงษ์ กาญจนากําลังรออุไรพรกลับมา ตอนนี้ยังไม่ได้พบกันเลย ยังไม่ได้บอกว่าลูกชายของเธอดีขึ้นแล้ว ขอบคุณเธอสําหรับการเป็นเจ้าสาวที่มีนำโชคมาให้ นอกห้อง มีพี่จ้าวที่คุ้นเคยกันมาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ไม่ธรรมดานะ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานเข้าของครอบครัวคุณ ดันได้กวางตัวใหญ่กลับมาด้วย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD