EP.26 [อันตราย]

1163 Words
‘รอฉันอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนเด็ดขาด’ นั่นคือคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจังของพี่ไรม์ก่อนเขาจะลงจากรถไป ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากเขารับสายของใครคนหนึ่งเขาก็ขับรถพาฉันมาพัทยา บริเวณที่จอดรถเป็นทางเปลี่ยวเงียบสงัดสองข้างทางมีแต่ป่าหญ้ารกชัน ดูเหมือนในซอยข้างหน้าจะมีโกดังใหญ่ตั้งอยู่ และนั่นคือทิศทางที่พี่ไรม์วิ่งไป ตอนแรกฉันแค่ตกใจและไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเพิ่มด้วย ฉันไม่ชอบความมืด ไม่ชอบความเงียบแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกเสียขวัญ ปัง! และในขณะที่ฉันกำลังจิตตกกับบรรยากาศรอบตัว เสียงเสียงหนึ่งดังแหวกความเงียบเข้ามา มันเป็นเสียงของ... ปืน! ฉันหันมองไปด้านหลังรถซึ่งเป็นทิศทางของเสียงปืนเมื่อครู่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมอก หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นกลัว เพราะจอดรถดับเครื่องยนต์ทั้งหมดทำให้สภาวะโดยรอบไร้แสงใด ๆ เสียงการต่อสู้ดังลอดเข้ามาในรถที่ถูกลดกระจกลงเพียงเล็กน้อยเอาไว้ ฉันแทบมองอะไรไม่เห็นเลย มีเพียงความมืดและแสงสลัวจากพระจันทร์สาดส่องน้อยนิด มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ... พี่ไรม์อยู่ไหน... เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า? ในขณะที่ฉันกำลังคิดสับสนด้วยความเป็นห่วงพี่ไรม์ จู่ ๆ ในบริเวณสายตาก็ปรากฏร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ และเมื่อเขามองเห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่ เขาก็รีบตรงเข้ามาหาในทันที ฉันซึ่งนั่งอยู่ในรถคันนั้นรีบก้มตัวหนีเพื่อหลบจากสายตาของเขา น่ากลัว... ฉันกลัวจริง ๆ แล้วนะ... ปึง! ปึง! “ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย!!” ฉันแทบกรี๊ดออกมาตอนกระจกรถฝั่งตัวเองถูกระดมมือทุบ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลย สองมือสั่น ๆ จิกเล็บเข้าฝ่ามือแน่น “มันมาแล้ว! พวกมันมาแล้ว! ช่วยด้วย! โธ่เว้ย!!” เสียงทุบกระจกเงียบไปพร้อมกับเสียงขอความช่วยเหลือที่ขาดหาย เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าชายคนนั้นวิ่งไปด้านหน้าของรถ ก่อนจะมีร่างของผู้ชายอีกสามคนวิ่งไล่มาจากด้านหลังรถ ฉันปิดปากกลั้นเสียงร้องมองพวกเขารุมทำร้ายชายคนแรกด้วยเนื้อตัวสั่นเทา น้ำตาไหลออกมาอย่างหวาดกลัวสุดขีด ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว! ฉันควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายแจ้งตำรวจ พยายามตั้งสติอย่างมากในการพูดคุยกับปลายสาย ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนจึงบอกได้เพียงรายละเอียดสภาพแวดล้อมรอบตัว โดยไม่รู้เลยว่าแสงจากหน้าจอโทรศัพท์และเสียงสั่นกลัวของฉันตกอยู่ในสายตาของผู้ชายหนึ่งในสามคนนั้นแล้ว และเขาสะกิดเพื่อนให้หันมองก่อนจะรีบพากันเดินมารุมล้อมรอบรถฉัน โทรศัพท์ในมือร่วงหล่นลงบนตัก สองตาเบิกกว้างทั้งน้ำตาขณะมองภาพของไม้หน้าสามกำลังหวดลงบนกระจก เพล้ง! “กรี๊ดดดด!!” ฉันกรีดร้องสุดเสียงสองมือยกขึ้นบังเศษกระจกที่กระเด็นใส่ เสียงทุบดังต่อสองสามครั้งก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังตามมา และแรงฉุดกระชากจากมือหนาที่พยายามลากฉันลงจากรถ “เธอเป็นใครวะ!” คนที่ลากฉันลงจากรถตวาดเสียงถาม เขาผลักหลังฉันให้ชนกับประตูรถด้านหลัง มือข้างหนึ่งจับปลายคางฉันให้เชิดหน้าขึ้น น้ำตาเม็ดใสไหลลงด้วยความหวาดกลัว ฉันเม้มปากสั่น ๆ พยายามกั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง สองตาสบกับดวงตาคมเข้มแสนน่ากลัว แม้บริเวณโดยรอบจะมืดมาก แต่ฉันกลับเห็นหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน “สวยซะด้วย ต้องเป็นผู้หญิงที่ใครสักคนพกมาด้วยแน่ ๆ” เสียงผิวปากอย่างชอบใจดังขึ้นจากคนด้านหลังเขา ฉันแทบไม่ได้มองใครอื่นเลยนอกจากผู้ชายตรงหน้า เขาเป็นคนหน้าตาดีแบบโหด ๆ และมีกลิ่นอายคล้าย ๆ พี่ไรม์ เป็นกลิ่นอายความอันตรายและเลือดเย็น ดวงตาคมเข้มจ้องฉันนิ่งชั่วขณะก่อนริมฝีปากหนาขยับยิ้มเย็น “ผู้หญิงของไอ้ไรม์” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ฟังชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเขา และปฏิกิริยานั้นก็ทำให้ริมฝีปากหนาขยับยิ้มกว้างขึ้น มันเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมและน่ากลัวมาก “รู้ได้ไงวะไอ้คูเปอร์? เออ แต่จะว่าไปนี่มันรถไอ้เวรนั่นนี่หว่า” “จะทำไรก็ทำเฮ้ย! เดี๋ยวพ่อมึงก็มากันหรอก!” เสียงอีกคนตะโกนถาม ผู้ชายที่ชื่อคูเปอร์ปล่อยมือออกจากปลายคางฉันแล้วเปลี่ยนเป็นจับตัวฉันอุ้มพาดบ่าเขาแทน ฉันกรี๊ดลั่นพยายามดิ้นหนีสุดแรง “ปล่อยฉันนะ! ฮือ! อย่าทำอะไรฉันเลย!!” ฉันร้องไห้เหมือนคนเสียสติ มันทั้งอ่อนแรงทั้งหวาดกลัว และก่อนที่ฉันจะครองสติเอาไว้ไม่อยู่ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ยะ หยุดนะ! ผมแจ้งตำรวจไว้แล้ว ปล่อยตัวคุณหนูเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันมองไม่เห็นว่าคนที่ปรากฏตัวขวางหน้าพวกเขาไว้เป็นใคร และไม่มีเวลาคิดว่าทำไมเขาถึงเรียกฉันด้วยสรรพนามแบบนั้น ฉันได้ยินแต่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำจากคูเปอร์ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงต่อสู้กันอีกครั้ง “อั่ก!” “มะ ไม่นะ! อย่าทำร้ายเขานะ!” ฉันทุบหลังคูเปอร์แรง ๆ อย่างพยายามห้ามเขา ถึงเขาจะยืนอยู่นิ่ง ๆ แต่ฉันรู้ว่าอีกสองคนไม่ได้อยู่นิ่งแน่ ๆ และคงกำลังรุมทำร้ายชายคนนั้นเหมือนที่ทำกับชายคนก่อนหน้า นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว พวกเขาโหดร้ายที่สุด! “ฤทธิ์เยอะสมกับเป็นผู้หญิงของมันจริง ๆ เลยนะ ฮึ! ดี... ฉันชอบ!” มือหนากดต้นขาฉันแรง ๆ อย่างหยาบคายจนฉันกรี๊ดสุดเสียง ฉันเริ่มเหนื่อยล้าและกำลังหมดแรง ขณะนั้นใบหน้าของพี่ไรม์ลอยเข้ามาในหัว น้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนไหล่ของคูเปอร์จนภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางลง . . . อองฟองหมดสติไปในที่สุดโดยไม่รับรู้ถึงเสียงเสียงหนึ่งที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ มันเป็นน้ำเสียงเย็นเหยียบและเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมทันทีที่เห็นร่างบางคุ้นตา ดวงตาคมดั่งเสือนักล่าปราดมองเจ้าของการกระทำอุกอาจนั้นด้วยเพลิงอารมณ์ลุกโชน “พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน?!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD